นิติภูมิครวญถูกแฉหนี้20ล. โวยเกมการเมืองแจ้งตร.ล่ามือแพร่

"นิติภูมิ"ครวญถูกแฉหนี้20ล. โวยเกมการเมืองแจ้งตร.ล่ามือแพร่

ฮือฮาเทปลับ นิติภูมิ เจอทวงเงิน 20 ล้าน สะพัดเน็ต เจ้าตัวร่อน จ.ม.โวยถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แจงเป็นเรื่องความขัดแย้งในการทำธุรกิจในนามกลุ่ม "บาลานซ์" เตรียมแจ้งความกองปราบฯ ล่ามือมืดเผยแพร่การสนทนาทางอินเทอร์เน็ต เชื่อเป็นฝีมือของ "มือที่สาม" ไม่ใช่คู่สนทนาในเทป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บรรยากาศการเมืองเริ่มจะซาลงรอให้ศาลวินิจฉัยข้อขัดแย้งต่างๆ ปรากฏว่าอุณหภูมิการเมืองในโลกไซเบอร์กลับเพิ่มความร้อนแรงขึ้น เมื่อเวบไซต์ที่เปิดให้ประชาชนแสดงความเห็นด้านการเมือง เช่น www.pantip.com มีการเผยแพร่เทปลับบทสนทนาทางโทรศัพท์ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างผู้ที่มีเสียงคล้ายนายนิติภูมิ นวรัตน์ ว่าที่ ส.ว.กทม. กับหญิงมีอายุรายหนึ่ง

เนื้อหาในการสนทนาโดยสรุปเป็นเรื่องเงินที่หญิงสูงวัยบอกว่าคู่สนทนาที่มีเสียงคล้ายนายนิติภูมิยืมไปเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท ตลอดการสนทนา ป้าเช็ง ได้ด่าทอนายนิติภูมิด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและน้ำเสียงที่แสดงอาการโกรธแค้นอย่างรุนแรง เรื่องที่ด่าทอเป็นเรื่องที่ฝ่ายหญิงซึ่งฟังจากน้ำเสียงน่าจะสูงอายุโกรธแค้นที่ให้การดูแลช่วยเหลือคู่สนทนามาโดยตลอดแต่กลับถูกเบี้ยวเงินที่กู้ยืมไป มิหนำซ้ำยังถูกให้ร้ายต่างๆ นานา ในขณะที่คู่สนทนาที่มีน้ำเสียงคล้ายนายนิติภูมิไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ตรงกันข้ามกลับแสดงอาการพินอบพิเทาด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนน้อม แม้ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งผรุสวาทด้วยถ้อยคำรุนแรง หยาบคาย นอกจากนี้ ยังขอเข้าพบเพื่อเคลียร์ปัญหาทุกอย่างด้วยตนเอง

ต่อมานายนิติภูมิ นวรัตน์ ว่าที่ ส.ว.กทม. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เรื่องนี้ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ตนก็ทราบว่ามีผู้นำเทปการสนทนามาเผยแพร่ ซึ่งเนื้อหาของบทสนทนานั้นจะเห็นได้ว่าตนให้ความเคารพบุคคลดังกล่าว พยายามใช้คำสุภาพตลอดการสนทนา เพราะความจริงตนตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี 2525 แล้ว บุคคลดังกล่าวก็เข้ามาเป็นประธานบริษัทเพียง 3 เดือน จากนั้นก็เกิดความวุ่นวายพอสมควร ดังนั้นจึงขอชี้แจงผ่านแถลงการณ์ดีกว่า

จากนั้นนายนิติภูมิได้ส่งจดหมายเปิดผนึกทางโทรสารมายังผู้สื่อข่าว ลงนามโดยผู้บริหารบริษัทกลุ่มบาลานซ์ ซึ่งนายนิติภูมิ เป็นประธาน มีความข้อความว่า ตามที่มีผู้นำเทปการสนทนาระหว่างนายนิติภูมิกับบุคคลหนึ่งออกมาเผยแพร่ ซึ่งในเทปดังกล่าวมีคำพูดกล่าวหานายนิติภูมิว่าโกงทรัพย์สิน ซึ่งตลอดเวลานายนิติภูมิไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด คงใช้คำสุภาพในการสนทนา จากสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้บุคคลทั่วไปที่ฟังบทสนทนาจากเทปเข้าใจผิดในเนื้อหาของข้อเท็จจริง พวกเราในฐานะเป็นผู้บริหารกลุ่มบาลานซ์ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นดังนี้

นายนิติภูมิได้ก่อตั้งกลุ่มบาลานซ์ตั้งแต่ปี 2525 โดยทำสถาบันกวดวิชาย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง ต่อมาได้ขยายทำงานด้านอื่น เช่น เขียนบทความ ผลิตภาพยนตร์สารคดี ตั้งบริษัทจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องเดินป่าในห้างเดอะมอลล์ทั้ง 6 สาขา

โดยกิจการดังกล่าวดำเนินการด้วยดีเรื่อยมาเป็นเวลา 21 ปี จนกระทั่ง เดือนมิถุนายน 2546 มีผู้ซึ่งนายนิติภูมิรู้จัก เป็นคนเมืองจันทบุรีพามาพบนายนิติภูมิ โดยแจ้งแก่นายนิติภูมิว่าอยากลงทุนร่วมกัน ด้วยการเปิดบริษัท 2 แห่ง คือ บริษัทผลิตภาพยนตร์เรื่องมหาราชดำ และบริษัทผลิตสารคดีต่างประเทศเพื่อป้อนเคเบิลทีวีทั่วประเทศ โดยบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของเคเบิลทีวีอยู่แล้วถึง 2 แห่ง

ด้วยความเชื่อถือผู้ที่มาแนะนำ นายนิติภูมิจึงตัดสินใจร่วมลงทุนกับบุคคลดังกล่าวถึง 2 บริษัท โดยมีทุนจดทะเบียนถึง 200 ล้านบาท บริษัททั้ง 2 ที่ตั้งขึ้นใหม่มีบุคคลดังกล่าวและนายนิติภูมิเป็นกรรมการบริษัท ผู้มีอำนาจลงรายชื่อร่วมกันโดยแบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจนดังนี้ 1.นายนิติภูมิยินยอมให้บริษัทใหม่ทั้งสองใช้อาคารโดยไม่เสียค่าเช่า 2.นายนิติภูมิยอมให้บริษัททั้งสองใช้อุปกรณ์ในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่นายนิติภูมิเคยมีมาก่อน และใช้ผลิตสารคดีต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2544 3.นายนิติภูมิเป็นผู้จัดจ้างพนักงานกว่า 10 รวมทั้งเป็นผู้จ่ายเงินเดือนทั้งหมด 4.นายนิติภูมิเสียค่าใช้จ่ายเดินทางไปถ่ายทำสารคดีในต่างประเทศให้กับบริษัท 5.นายนิติภูมิต้องยกตำแหน่งประธานกลุ่มบริษัทให้หุ้นส่วนผู้นี้

6.หุ้นส่วนผู้นี้ต้องจัดหาอุปกรณ์ในการถ่ายทำใหม่ๆ มาเพิ่มเติมให้บริษัททั้งสอง รวมทั้งต้องบริหารและดูแลบริษัทในขอบข่ายงานที่อยู่ภายในประเทศไทยทั้งหมด 7.นายนิติภูมิยอมโอนขายหุ้นให้หุ้นส่วนผู้นี้เข้าถือหุ้นในบริษัทบาลานซ์ทราเวล และบริษัทบาลานซ์ พิกเจอร์ ในราคาต้นทุน ซึ่งบริษัททั้งสองก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2537 ก่อนหน้าที่หุ้นส่วนผู้นี้จะเข้ามาถือหุ้นนานถึง 9 ปี

หลังจากเข้ามาบริหารงานได้ 3 เดือน หุ้นส่วนผู้นี้ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซียพร้อมกับคณะของนายนิติภูมิ และหลังจากที่กลับจากประเทศมาเลเซีย พวกเราไม่สามารถติดต่อหุ้นส่วนรายนี้ได้ พวกเราไปตามที่อพาร์ตเมนต์ พนักงานของอพาร์ตเมนต์ก็บอกว่าหลังจากกลับจากต่างประเทศ หุ้นส่วนผู้นี้ได้ขนย้ายของออกไปแล้ว เมื่อหุ้นส่วนผู้นี้ไม่มาทำงาน นายนิติภูมิก็ต้องรับผิดชอบทั้งในส่วนของพนักงานที่ยังเหลืออยู่และหนี้สินของบริษัทจำนวนมากที่ร่วมกันทำธุรกิจกับหุ้นส่วนผู้นี้ หลังจากที่ได้เข้าไปดูบัญชีของบริษัท (ซึ่งนายนิติภูมิไม่ค่อยจะได้ดูมาก่อน เพราะมีภารกิจในการเดินทางไปต่างประเทศ) ก็พบว่างานในส่วนที่นายนิติภูมิรับผิดชอบเป็นไปตามข้อตกลง แต่งานในหน้าที่ของหุ้นส่วนผู้นี้มีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกิจการของบริษัทเป็นชื่อของตัวเอง ไม่ได้ซื้อในนามของบริษัทฟิล์มตามข้อตกลง ซึ่งภายหลังหุ้นส่วนผู้นี้ได้ฟ้องร้องเพื่อเรียกอุปกรณ์เหล่านี้คืน โดยเป็นคดีความอยู่ในศาลขณะนี้

พวกเราทราบว่าหุ้นส่วนผู้นี้ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อนายนิติภูมิที่กองปราบปรามในข้อหายักยอกทรัพย์สินบริษัท แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องการผิดสัญญาร่วมทุน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับข้อหายักยอกซึ่งเป็นคดีอาญา ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2547 หุ้นส่วนผู้นี้ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ให้ดำเนินคดีกับนายนิติภูมิในข้อฉ้อโกงตามคดีอาญาที่ 254/2547 โดยอัยการประจำศาลแขวงพระโขนง มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2547 หุ้นส่วนผู้นี้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายนิติภูมิในข้อหายักยอกต่อพนักงานสอบสวน สน.จระเข้น้อยอีก ในคดีอาญาที่ 52/2547 ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดมีนบุรีได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองฝ่ายได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาท ซึ่งเป็นเรื่องพิพาททางแพ่ง จึงฟังไม่ได้ว่านายนิติภูมิกระทำความผิดตามข้อหาดังกล่าว

จากนั้นหุ้นส่วนผู้นี้ได้นำเรื่องเดียวกันนี้ไปฟ้องศาลแพ่งจังหวัดมีนบุรี ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 มิถุนายน 2549 นี้

สำหรับกรณีที่มีการลักลอบอัดเทปการสนทนาระหว่างนายนิติภูมิกับผู้หญิงคนหนึ่งและนำมาเผยแพร่นั้น พวกเราเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่นายนิติภูมิได้ทำให้กับหุ้นส่วนผู้นี้ในอดีต พวกเรายังคิดว่าหุ้นส่วนผู้นี้ไม่น่าจะเป็นผู้ที่นำเทปออกมาเผยแพร่ พวกเรายังมีความคิดว่าน่าจะมาจากกลุ่มบุคคลที่สามที่อาจจะหวังผลประโยชน์ในทางการเมืองมากกว่า เพื่อดิสเครดิตและสร้างความเสื่อมเสียให้แก่นายนิติภูมิ โดยมุ่งหวังทำลายกันในทางการเมือง"

การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดทางกฎหมาย นายนิติภูมิได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีต่อผู้ที่เผยแพร่เทปดังกล่าวแล้ว และแจ้งความร้องทุกข์ให้สืบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่ส่งข้อความในอินเทอร์เน็ต จดหมายจากกลุ่มที่ระบุว่าเป็นผู้บริหารกลุ่มบาลานซ์ ระบุ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์