วาสนา ฉุนสื่ออย่าจ้องทำลาย ยกม.47 โต้ข้อหาลงสมัครพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย

วาสนา ฉุนสื่ออย่าจ้องทำลาย ยกม.47 โต้ข้อหาลงสมัครพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 พฤษภาคม 2549 15:18 น.

วาสนา ทนความเครียดไม่ไหวแล้ว ออกมาไล่อัดไปทั่ว ด่าสื่อวิปลาสใจชั่วจ้องจับผิดทำลาย ไปกันใหญ่แล้ว อธิษฐานชาติหน้าขอให้จบดอกเตอร์ด้านกฎหมายพูดจาคนจะได้เชื่อถือ ยกม.47 โต้ข้อหาลงสมัครพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตยพร้อมก๊อบปี้คำพูด โภคิน ไทยรักไทย อ้าง โมฆะ มีเฉพาะคดีแพ่ง พร้อมถามหาความรับผิดชอบคนเสนอใช้ ม.7 แต่ไม่วายพูดเป็นนัยให้ลองคิดดูใครคือต้นตอวิกฤต แต่มาโยนให้เป็นแพะรับบาปคนเดียว

วันนี้(4 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาคารศรีจุลทรัพย์ กลุ่มคณะผู้บริหารการศึกษาที่มีวุฒิปริญญาและผู้กำลังศึกษาระดับปริญญาเอก และกลุ่มนักกฎหมาย อาทิ จาก จ. บุรีรัมย์ หนองคาย ขอนแก่น สกลนคร อุบลราชธานี เป็นต้น ประมาณ 500 คน ทยอยเข้ามอบดอกไม้ให้แก่ กกต. ทั้ง 4 คนตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อให้กำลังใจในการทำงาน โดยพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. ถึงกับ เปิดห้องประชุมกกต.ชั้น 19 ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าพบและรับมอบดอกไม้ด้วยตัวเอง

ต่อมาเวลา 10.15 น. พล.ต.อ. วาสนา ได้เปิดใจต่อผู้มาให้กำลังใจถึงการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า รู้สึกเสียดายประวัติชีวิตการรับราชการ ตั้งแต่ร.ต.ต. ถึง พล.ต.อ. ท่านปริญญา ท่านวีระชัย ก็เป็นถึงอธิบดีมาก่อน แต่ท่านดูสิครับต้องถูกหลายฝ่ายเสียดสี กล่าววาจาไม่สุภาพ จาบจ้วงหยาบคาย หน้าด้าน หน้าหนา เสียดายเกียรติที่สะสมมาตั้งแต่เด็ก คนทุกคน ในประเทศ มีชาติกำเนิด คุณวุฒิ วัยวุฒิ ก็แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่มาจากชาติตระกูลที่ต่ำหรือเรียกว่ามาชาวไร่ชาวสวนอย่างผมจะมีพฤติกรรม ความคิดความอ่าน ชั่วช้าเลวทรามเหมือนคนที่เกิดในชาติตระกูลสูง ผมมีเกียรติมีศักดิ์ศรี แต่ไม่ยะโสโอหัง

พล.ต.อ. วาสนา กล่าวว่า เมื่อวานได้ไปชี้แจงข้อกล่าวหา 4 ข้อที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยในประเด็นแรกได้ชี้แจงในเรื่องการตราพระราชกฤษฏีกายุบสภาว่าเร็วเกินไป โดยกล่าวหาว่ากกต.สมรู้กับรัฐบาล ตราพระราชกฤษฏีกากำหนดวันเลือกตั้งที่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ซึ่งวันนี้ที่มาก็มีนักกฎหมายอยู่ด้วย ผมก็เรียนกับท่านตามที่ได้ชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญ ถ้อยคำอาจจะผิดเพี้ยนไปบางไม่ตรงคำต่อคำ แต่ขอเรียนกับท่านว่า ในฐานะที่ท่านเป็นครูอาจารย์ผมคิดว่ามีประโยชน์ครับ ในกฎหมาย รธน.มาตรา 116 อ่านดู การตราพระราชกฤษฎีกายบุสภา ผู้ที่มีอำนาจยุบสภาคือนายกรัฐมนตรี และการตราพระราชกฤษฎีกาคืออำนาจของพระองค์ครับ ซึ่งกฎหมายก็ระบุว่าในการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาต้องกำหนดวันเลือกตั้งไว้ด้วย โดยฝ่ายบริหารคือรัฐบาล ก็ได้สอบถามกกต.ว่า ถ้ายุบสภาจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในกี่วัน กกต. ก็คำนวณเงื่อนไขการจัดการเลือกตั้ง เช่น การเปิดรับสมัคร ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร การคัดค้านผู้สมัคร การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 49 ล้านฉบับ เราก็ตอบว่าต้องใช้เวลา 30 วันขึ้นไป จึงจะดำเนินการเลือกตั้งได้

รัฐบาลไม่ได้บอกหรอกครับว่าจะยุบหรือยุบเมื่อไหร่และ ผมก็รู้ว่ามีการยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 2 เม.ย. พร้อมกับทุกคนตามที่ประกาศทางโทรทัศน์ ผมไม่เคยรู้มาก่อน และมาบอกว่าผมสมรู้ร่วมคิด ทำผิดกำหนดวันเลือกตั้งสั้นเกินไป เอาเปรียบพรรคการเมืองบางพรรค ในกฎหมาย รธน.ก็ไม่ได้เขียนกำหนดเงื่อนไข กรณีใดบ้างที่จะยุบได้หรือไม่ได้ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ปฏิบัติกันมาก็คือเกิดความวุ่นวายในสภาที่พูดกันอยู่เสมอ เราต้องไม่ลืมว่าเราใช้ระบบสภาแบบมีการยุบสภาเหมือนกับในยุโรป ศึกษาประวัติศาสตร์ต่างประเทศ เถอะครับ มากาเร็ต เธ็ตเชอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษชนะศึกเกาะฟอล็คแลนด์ ไม่กี่เดือนจะครบวาระเขาได้เปรียบทางการเมืองเขาก็ยุบ ประวัติศาสตร์ประเทศไทย คุณบรรหาร ถูกอภิปรายโจมตี เรื่องสัญชาติ ก็เรื่องส่วนตัวแท้ๆ แต่ทำไมถึงยุบสภา ละครับผมอยู่ในเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นถ้ามากล่าวหาว่าผมผิดหรือ ท่านเป็นอาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหาสอนหนังสือ พบประชาชน ท่านไปลองคิดทำความเข้าใจด้วยนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าผมผิดหรือถูกให้ท่านช่วยกันคิดและดูรธน.มาตรา 116 ท่านครับถ้าท่านมีโอกาสเสนอความเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อย่าไปเขียนเรื่องการยุบสภาไว้ หรือถ้าจะเขียนเรื่องยุบสภาก็ให้เขียนเงื่อนไขในการยุบสภาไว้ทุกข้อว่าจะยุบหรือไม่ยุบด้วยเหตุอะไร หรือจะไปใช้ระบบอเมริกา ที่เรียกว่าระบบอิมพิชเม็นท์ ใช้ระบบนั้นซะเลย ท่านครับมานี่คือเหตุผลประเด็นสำคัญที่ว่าผม สมคบ คำว่าสมคบนี่เขาใช้ในกฎหมายอาญาเท่านั้น ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย การสมคบกันกระทำผิดไม่มีในกฎหมายอื่นหรอกครับ นี่ผมไม่มีอารมณ์นะครับ แต่ผมเป็นคนอย่างนี้ พูดอะไร เสียงดัง ฟังชัด พล.ต.อ.วาสนากล่าว

พล.ต.อ. วาสนากล่าว ว่า ท่านเป็นอาจารย์ อยากพูดให้ทราบ ท่านลองลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่สวนลุมพินี มันเป็นเรื่องอะไร อภิปรายโจมตีกันเรื่องอะไร เรื่อยมาจนถึงวันนี้และทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นอย่างนี้ จากเรื่องไล่นายกฯ นี่คิดไว้ก่อนแล้วไม่ผิดเลยว่าวันหนึ่งต้องมาถึงกกต.และก็คาดไม่ผิด ช่วงแรกก็เรียกร้องเอานายกฯออกอย่างเดียว เสร็จแล้วก็มาถึงยุบสภา ก็เรื่องเลือกตั้งใหม่ๆไม่มีหรอกครับถึงกกต. ท่านไปอ่านข่าว แต่พอมาเลือกตั้งเร็วก็มาแล้ว เริ่มกล่าวหาแล้ว

ประการที่ 2 กกต.คำนึงตลอดเวลาว่าและวิเคราะห์สถานการณ์ตลอด บอกว่าการเลือกตั้งลงคนเดียวไม่ใช่ประชาธิปไตย แล้วไปเขียนกฎหมายไว้ทำไมละครับในมาตรา 74 ให้สมัครคนเดียวได้ คนเดียวลงเลือกตั้งได้ถ้าไม่ถึง 20 % ต้องเลือกตั้งใหม่ เขียนไว้ทำไม ผมเขียนหรือใครเขียน ผมเขียนเหรอ และบอกว่าลงคนเดียวไม่ประชาธิปไตย นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด น่าเสียดาย น่าเสียใจ นะครับท่าน บางคนมีความรู้ ทางกฎหมายเป็นอย่างดี เรียนถึงระดับด๊อกเตอร์ แต่เวลาเอากฎหมายมาพูดกลับเอาบางตอนบางประโยคมาพูด เอาบางวรรคมาพูดไม่พูดให้หมดหรอกครับ และแปลกฎหมายไร้จิตวิญญาณของนักกฎหมาย ผมอยากให้ดวงวิญญาณกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้รับทราบ แล้วลงโทษคนที่แปลความกฎหมายโดยขาดความสุจริตใจเนี่ยให้ทันตาเห็นในยุคโลกาภิวัตน์ ผมเรียนกฎหมายมาน้อย แค่ปริญญาตรี ปริญญาโทก็ไม่ใช่กฎหมาย พูดอะไรไปแล้วเสียงก็ไม่ดัง ขออธิฐานเกิดอีกชาติมีจริงนะ เกิดอีกทีให้ได้เรียนกฎหมายถึงด๊อกเตอร์ พูดอะไรจะได้เสียงดัง มีคนฟังบาง ตรงนี้สำคัญนะครับ พอเรามีปัญหา ถือว่าชี้แจงศาลรธน.ไปแล้ววันนี้จะมีนักข่าวอยู่ก็ไม่เป็นไหร่ ผมพร้อม ผมพบตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์และพูดคุยกับอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าท่านครับเพื่อความสงบเรียบร้อยในระบบประชาธิปไตย ช่วยลงสมัครกันเถอะ ไม่ลง บอกคำเดียวไม่ลง นายกฯต้องออก ถามว่าเลื่อนเอามั้ย ก็บอกว่าเลื่อนก็ไม่ลง นั้นคือคำตอบของพรรคประชาธิปัตย์ ท่านวีระชัย ได้ไปประสานกับพรรคมหาชน ได้รับคำตอบเช่นเดียวกันว่า ไม่ลงปธ.กกต.กล่าว

พล.ต.อ. วาสนากล่าวต่อว่า ท่านปริญญา ยังไม่มา ขออนุญาตไปประสานกับพรรคชาติไทย ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกันว่าไม่ลง นี่คือสาเหตุแห่งปัญหา แล้วเป็นอย่างไรครับถึงวันนี้ ทำความเสียหายให้กับการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำความเสียหายให้กับสังคม ทำความเสียหายทั้งกับระบบเศรษฐกิจ แม้แต่ในครัวเรือน ผัวเมียบางคนทะเลาะความเห็นแตกต่างกัน ทำความเสียหายแตกแยก ในระบบเศรษฐกิจ ลองไปถามโรมแรมใหญ่ๆดูว่าเขาแคนเซิลมากน้อยแค่ไหน ไปถามนักลงทุนต่างชาติชะลอทั้งนั้น ไปถามสถานบันแลกเปลี่ยนการเงินว่าเป็นอย่างไร เกิดจากกต.หรือใครช่วยเอาไปคิด บอกผม ใครสร้างความเสียหาย ผมหรือครับ ผมทำตามกฎหมายและระเบียบทุกขั้นตอน แต่ผมกลับจะกลายเป็นแพะบูชายัญเร็วๆนี้ ถูกหรือครับท่าน

ประธานกกต.กล่าวว่า มาอีกข้อกล่าวหาว่า ผมจัดคูหาเลือกตั้ง เรื่องนี้มาจากการวิจัย วิเคราะห์ของสำนักงานกกต. เหตุผลอะไรรู้มั้ย ก็ยอมรับว่าสื่อ การประชาสัมพันธ์ของกกต.อาจน้อยไป การสื่อไม่เข้าใจ อาจปรับเปลี่ยนไม่ทัน ทำไมเราถึงจัดคูหาหันก้นอออกข้างนอกว่า ผิดรธน. ฝ่ายกล่าวหาบอกว่าผิดรธน. มาตรา104 ไม่ลับ ท่านได้ยินใช่มั้ยครับ ผมถามหน่อยครับ ท่านก็รับราชการ ผมก็รับราชการ คำว่าลับ มันมีทั้งลับ ลับมาก ลับที่สุด ถามว่าการจัดอย่างนั้น ไม่ลับหรือ แล้วเหตุผลที่จัดก็เพราะอะไร ผมเชื่อว่ากรรมการทุกท่านก็ออกไปสัมผัส ในพื้นที่ ผมไปตรวจเยี่ยมหน่วยท่านไปสังเกตได้ ผมไม่เคยไปตรวจหน่วยที่อยู่ในเมือง ผมเชื่อว่า คนที่มีความรู้ การศึกษา ช่วยตัวเองได้ ผมไปหน่วยเลือกตั้งนอกเมือง กลางทุ่งกลางนาส่วนใหญ่ ประเทศไทยไม่ได้มีเฉพาะกทม. เชียงใหม่ ยังมีอำเภอนอกๆ ทั่วประเทศ80,000 กว่าหน่วย ผมไปสัมผัสมาแล้ว คุณลุงคุณป้าอายุมาก ขนาดดูเบอร์ที่หน้าหน่วยเลือกตั้ง จำไว้ว่าจะไปเลือกใคร พอเดินเข้าไปจะกาก็ลืมแล้วครับ นี่คือข้อเสีย 1 นะครับ 2 หันหน้าออกหันก้นเข้าผนัง ถามว่า มันมีข้อเสียอย่างไร มีครับ จากการร้องเรียนต่างๆ 1 เวียนเทียน เช่น นาย ก. ถ้าไม่สุจริต เอาบัตรปลอมเข้าไปและก็หย่อนในหีบบัตร แอบเอาบัตรจริงออกมา แล้วให้หัวคะแนนกาและให้คนที่จะใช้สิทธิ์ต่อไปเอาไปหย่อนแล้วเอาบัตรออกมาอีกใบ ท่านเข้าใจคำว่าเวียนเทียนใช่ไหมครับ ใบเดียวก็สามารถทำได้เป็นร้อยๆคะแนนเสียง อยู่ๆมามีเทคโนโลยีทันสมัยโทรศัพท์ถ่ายรูปได้ก็ใช้ไอ้นี่กัน ถามเถอะ ถึงไม่เวียน แต่ว่าใช้โทรศัพท์ ผมถามเถอะตอนที่ท่านเข้าคูหา ถ้าคนจะไม่สุจริต หรือมีคนจะคอยสร้างปัญหา ไอ้พวกโรคจิตวิปริต ท่านกำลังจะกา ผมก็เป็นคนที่จะไปลงอีกคน ก็เดินผ่านท่าน แอบมองท่านได้ไหม ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าหันก้นให้ เรากาเสร็จ หันหลังไปหย่อนก็ได้แล้ว เราจะอำนวยความสะดวก ให้ท่าน แต่ในหลักการก็ยังต้องลับ ไม่ใช่ไม่ลับ ว่าลงคะแนน ใบขนาดนี้เอง(ทำท่า) คูหาก็เกือบจะพอดีๆตัวกับตัวเรา โดยปกติตัวก็บังอยู่แล้ว

ก็ขออนุญาตสื่อนะครับ แต่ สื่อบางคนมีจิตใจที่วิปริตวิปลาส ท่านไปดูภาพเถอะครับที่ออกมา 3 หน่วย จากการเลือกตั้งมี 29 ล้านคนไปลงคะแนนเสียง 80,000 กว่าหน่วย มีปัญหา 3 หน่วยเท่านั้น ก็เพราะมาจากสื่อที่มีจิตวิปริตวิปลาส ชอบที่จะไปล้วงล้วงความลับด้วยการซูมภาพออกมา แล้วมันปกติหรือไม่ครับ ผมเชื่อว่า ทุกคนรวมทั้งผมต่างก็ได้ไปลงคะแนนเลือกตั้ง เขาให้ลัดคิวผมก็ไม่ลัดและเข้าคิวเหมือนประชาชนทั่วไป ซึ่งผมก็ไม่เห็นว่าใครกาเบอร์ใด สักเบอร์ ในหลักการการหันคูหาออกด้านนอกถือว่าเป็นความลับ ไม่ใช่ไม่ลับ แต่คนมันอุตริ ไอ้คนใจชั่วที่คิดแต่จะหาเรื่องหาราว จึงไปซูมภาพ ออกมา อะไรออกมา แล้วก็เอามากล่าวหาผมว่า ผมจัดไม่ลับ อีกด้านหนึ่งผมก็มุ่งจะอำนวยความสะดวกใจให้กับประชาชน แต่ไม่ใช่อำนวยความสะดวกโดยไม่ลับ หลักคือต้องลับ นี่ละครับข้อกล่าวหาที่ 2 บอกว่าผมขัดรธน.มาตรา 104 ที่บอกว่าการลงคะแนนเลือกตั้งต้องเป็นไปโดยตรงและลับ นี่ละครับที่ว่าผมผิด ท่านช่วยเอากลับไปคิดด้วยในฐานะที่มีวุฒิภาวะประธานกกต.กล่าว

พล.ต.อ.วาสนา ยังกล่าวถึงประเด็นการพรรคการเมืองใหญ่ว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งว่า กรณีนี้เมื่อมีคนร้องเรียนเข้ามา กกต. ก็สอบสวนไปตามหน้าที่ ซึ่งมีอยู่หลายประเด็น คือ มีการกล่าวหาว่ามีการเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคเล็ก ซึ่ง กกต. ก็ได้สอบสวนแล้ว และมีมติออกมาแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานฟังได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ กกต. 1 คน ได้ทำการทุจริตจริง โดยได้รับผลประโยชน์ซึ่งตนเป็นคนสืบสวนสอบสวนด้วยตัวเองอาศัยความรู้ที่เคยร่ำเรียน เทคนิคต่าง ๆ ในการสืบสวน จนได้แม้กระทั่งหลักฐานที่เป็นเงินของกลาง ขณะนี้กำลังจะส่งไปดำเนินคดีและตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งเราดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตนอยากจะท้าคนที่กล่าวหาว่าผู้ใหญ่ใน กกต. มีส่วนรู้เห็นในการแก้ไขข้อมูล ให้เข้ามาร่วมเป็นกรรมการสืบสวนกับตน มาพิสูจน์กันเลยว่ากรรมการฯ มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หรือเข้ามาร่วมรับฟังระหว่างการสอบสวนก็ได้ ผู้ต้องหายังไม่ตายยังมีตัวตนอยู่ ซึ่งเขายืนยันในระหว่างที่พูดคุยกับตนถึง 3 ครั้งว่าไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาเป็นหัวหน้าคุมฐานข้อมูลเอง และเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลด้วยตนเอง แล้วจะให้ตนไปเอาผิดกับใคร ซึ่งประเด็นนี้สรุปได้เพียงเท่านี้ รวมทั้งบุคคลที่มีการแก้ไขฐานข้อมูลแล้วไปสมัครรับเลือกตั้ง กกต. ก็ได้ดำเนินคดีทั้งหมดประมาณ 405 คน ตนไม่ปกป้องใคร

ในแง่ของทางพรรคการเมืองถือว่าเป็นเรืองใหญ่ เพราะฉะนั้นการสืบสวนสอบสวนต้องได้ความยุติว่าจริงเท็จตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ การสอบสวนไม่ได้ทำได้เหมือนลมหายใจเข้าออก ต้องใช้เวลา เมื่อผมว่างพยานก็ไม่ว่าง ซึ่งไม่ได้มีแต่พยานของผู้ร้องเท่านั้น ไม่ใช่ว่าใครกล่าวหาใครผมก็จับทันทีนั่นไม่ใช่ตำรวจในทัศนคติของผม แต่ตำรวจที่ดีต้องสืบสวนสอบสวนว่ามีการกระทำผิดจริงหรือไม่เสียก่อน กรณีนี้ก็เช่นกัน มีพยานเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดเราก็ต้องอำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่าย รวมทั้งกรณีที่กล่าวหาว่าพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กพล.ต.อ.วาสนากล่าว

เมื่อวานซืน กกต. ได้เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกระบุว่าได้รับการว่างจ้างมาสอบสวน ซึ่งแค่เพียงปากเดียวมันกลับตาลปัตรหมดเพราะเขาปฏิเสธว่าไม่ได้รับจ้างจากพรรคไหนเลย แต่กลับบอกว่าเขาได้รับการว่าจ้างจากพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ให้ล้มการเลือกตั้ง โดยไม่ให้ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง นี่คือคำให้การที่ให้ข้อมูลกับผม แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จซึ่งเขายืนยันว่าจะมีพยานมาให้ปากคำเพิ่มเติม กกต. ก็ต้องรับฟัง นี่คือความเป็นมาเป็นไปของเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ ซึ่งผมได้ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ ประธาน กกต. กล่าว และว่าการสืบสวนกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กยังมีปัญหาหลายประเด็นที่ต้องสืบสวนอีก ซึงหากผลการสอบสวนยุติอย่างไร ก็อยากให้ทุกคนดูว่าตนจะเอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดหรือไม่

ทั้งนี้ประธาน กกต. ได้กล่าวถึงประเด็นการรับรองผลการเลือกตั้งทาง โทรศัพท์ของ กกต. ว่า เรื่องนี้เป็นเทคนิคภายใน ไม่ได้มีการทุจริต คิดมิดีมิชอบอะไร ไม่อย่างนั้นมติ ครม. ที่ออกมาใช้โดยการประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนช์ก็เสียหมด หากบอกว่าการประชุมกันทุกคนต้องนั่งอยู่ในห้องหมด ซึ่งการรับรอง ส.ส. โดยขอมติทางโทรศัพท์เนื่องจาก กรรมการฯ บางคน ติดภารกิจในการลงพื้นที่จริงๆ จึงต้องโทรศัพท์ถามเพื่อยืนยันว่ายังเห็นเหมือนเดิมหรือไม่ นี่คือความจริง

พล.ต.อ. วาสนา ยังกล่าวต่อว่า พวกท่านที่มาในวันนี้เป็นนักกฎหมาย คำว่าเลือกตั้งเป็นโมฆะท่านช่วยกลับไปเปิดรัฐธรรมนูญตั้งแต่มาตราแรกถึงมาตราสุดท้าย ว่าตรงไหนเขียนคำว่าโมฆะบ้าง ตนเรียนมาน้อย แค่ปริญญาตรี แต่เท่าที่รู้โมฆะจะอยู่ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่มีในกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องระหว่างเอกชนกับเอกชน ไม่ใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับเอกชน หรือรัฐต่อรัฐ แล้วถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะจะโมฆะตรงไหน การยุบสภาหรือการประกาศวันเลือกตั้งก็ทำตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง

เหตุแห่งปัญหาที่นำมาสู่การกล่าวหาคณะกรรมการการเลือกตั้งอยู่ทุกวันนี้ มีแต่การด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จาบจ้วง ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่ใช่คนในสังคมไทย กลายเป็นสังคมไทยที่ไร้กฎระเบียบวินัย สื่อบางสื่อว่าผมหน้าด้านบ้างหน้าหนาบ้าง ผมขอประกาศ ณ ที่นี้ ว่าผมไม่ใช่คนหน้าหนาหน้าด้าน ยังมีคนที่หน้าหนาหน้าด้านกว่าผมอีกเยอะมาก และขออนุญาตใช้คำไม่สุภาพซึ่งจริงๆ ไม่ควรพูด ท่านลองไปไล่เรียงสรุปสาเหตุของปัญหาตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้เกิดจากอะไร ผมขอสรุปไว้ตรงนี้เลยว่าปัญหาเกิดจากแข่งขัน ต้องการเอาชนะคะคานทางการเมืองระหว่าง 4 พรรค คือ พรรคไทยรักไทย ประชาธิปัตย์ มหาชน และชาติไทย ทำทุกอย่างทุกอย่างด้วยกลยุทธ์ กลวิธีต่างๆ ทางการเมือง วันนี้จึงนำมาด้วยการให้ผมเป็นแพะบูชายัญ ตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภามา ผมจัดการเลือกตั้ง ผมถามว่าผมผิดอะไร และทำผิดกฎหมายตรงไหน ผมชี้แจงไปหมดแล้ว อยากให้สังคมให้ความเป็นธรรมกับผมและ กกต. และอยากให้สังคมรู้ด้วยว่าความชั่วช้าเลยเลวทรามทั้งหลายเกิดจาก กกต. หรือ เกิดจากใคร นำมาซึ่งการทำลายระบบเศรษฐกิจ การปกครองระบอบประชาธิปไตย การเรียกร้องมาตรา 7เรียนกันถึงด็อกเตอร์ ปริญญาโท ปริญญาตรี แต่หลับหูหลับตาพูดกันอยู่ได้ ภาษาไทยแท้ๆ อ่านแล้วไม่เข้าใจ ถ้าผมจำไม่ผิด 2 บรรทัด แต่แปลความคนละเรื่อง เรียกร้องกันอยู่นั่นเหยงๆ แต่พอมีพระราชดำรัสออกมาว่าใช้ไม่ได้ ไม่เห็นมีใครรับผิดชอบซักคน มีใครรู้สำนึกบ้างไหม ไอ้คนที่พูด ทำลายระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยของสังคม ละเมิดต่อกฎหมายทำทุกิอย่าง เอาประเทศชาติและประชาชนเป็นเครื่องต่อรอง พล.ต.อ.วาสนา กล่าวอย่างมีอารมณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวตั้งคำถามภายหลังการเปิดใจกับคณะผู้มาให้กำลังใจ ถึงการรับรอง สว. ว่าคืบหน้าถึงไหนแล้ว พล.ต.อ.วาสนา ก็กล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ ว่า ผมไม่อยากพูดคุยกับพวกคุณแล้ว ก่อนที่จะก้มหน้าเก็บของไม่สนใจใครอีกต่อไป และยุติการให้สัมภาษณ์ และเจ้าหน้าที่ก็เดินมาปิดห้องประชุมทันที ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานกกต.อีก 3 คนต่างก็นั่งเฉยไม่พูดอะไร

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า คำพูดของ พล.ต.อ.วาสนา ข้างต้นสอดคล้องกับคำพูดของนายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า คำว่าโมฆะมีเฉพาะในกฎหมายแพ่งเท่านั้น

พล.ต.อ.วาสนา และ กกต.ทั้ง 4 คน กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างหนัก กรณีจัดการเลือกตั้งที่ผ่านมาโดยเฉพาะการกระทำการที่ขัดกฎหมาย และไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรม และล่าสุด เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) พล.ต.อ.วาสนา พร้อมด้วยนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต.อีกคนหนึ่งได้เข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญซึ่งกำลังพิจารณาชี้ขาดว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมาขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์