สัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร

วันนี้ "พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร"ในหัวโขนนายใหญ่"พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา” เขาพร้อมรบศึกเลือกตั้ง50ครั้งนี้แค่ไหน?... "ไอ.เอ็น.เอ็น" สัมภาษณ์อดีตผบ.ทบ. ผู้นี้ พร้อมด้วยมุมมองต่อเรื่องแหลมๆอย่าง บ้านเลขที่ 111- เอกสารลับ-พรบ.ความมั่นคง ว่าเป็นเช่นไร?

@มี 111คน อยู่ในพรรคท่านหลายคน ระดับแกนๆ มีผลกระทบอะไรไหม

ต้องดูตามกฎเกณฑ์ คืออย่าทำให้เสมือนหนึ่งว่ามาร่วมกิจกรรมทางการเมือง เพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวังให้มาก เช่นปราศรัยไม่ได้ ถ่ายรูปร่วมไมได้ เพราะถือว่าเข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมือง ก็ต้องระวังตัวกัน

@ตรงนี้มองว่าหยุมหยิมไปไหม บางคนบอกว่าการให้คำปรึกษาน่าจะเป็นสิทธิพื้นฐานของ

ก็น่าจะเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานแต่อันนี้มันอาจจะเป็นเฉพาะหน้าหรือเฉพาะกิจก็ไม่รู้ ผมก็ไม่ทราบว่าคิดอย่างไรเพราะกกต.ออกมาเป็นระเบียบอย่างนี้ คิดอย่างไรถึงออกมาเป็นระเบียบอย่างนั้น มีทางเดียวผมจึงบอกว่าในพรรคทุกคนต้องปฏิบัติตาม ขอให้ยึดมั่นในความตรงไปตรงมาให้ดีอย่าให้ใครล้ำเส้นหยุดก็ต้องหยุด

@ แล้วที่มี คนใน 111 จะเคลื่อนไหว จะมีคนจากพรรคร่วมใจฯไปไหม

อันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลไป คิดว่าไม่มีปัญหา อยู่ในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าจะทำก็คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะการไปร้องเรียนถ้าคิดว่าเขาเสียสิทธิ์ โดยเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐาน เขาก็ไปร้องเรียนแต่มันอยู่ที่ว่าศาลว่าจะรับหรือไม่

@มีคนมองว่าการที่กกต.จำกัดสิทธิมากๆ เป็นการบล็อก พรรคใดพรรหนึ่งโดยเฉพาะ

ถ้าเราไปคิดอย่างนั้นเรื่องมันจะไม่จบ เวลามองปัญหาต้องมองให้รอบด้าน มองทั้งข้อดีข้อเสีย ไม่ใช่มองข้อดีอย่างเดียวเพราะตัวเองได้ประโยชน์ ไม่ใช่มองข้อเสียอย่างเดียวเพราะจะต้องทำลายพรรคนี้ให้ได้ ถ้าต่อไปคนในชาติบ้านเมืองคิดอย่างนั้นอันตรายที่สุด เพราะฉะนั้นผมยังไม่ปักใจว่าทางกกต.จะมองอะไรอย่างไร ผมก็เชื่อว่าต้องมีวิจารณญาณ เราเป็นนักการเมือง หรือผู้รับผิดชอบตำแหน่งอะไรก็ตามต่อบ้านเมืองนี้ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เราจะได้มีสติ จะได้มองทั้งข้อดีข้อเสีย แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเลย

@จุดยืน ของรวมใจไทยชาติพัฒนา จะมีการนิรโทษกรรมไหม

อันนี้ก็ต้องถามมติพรรคว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ เพราะมันยังไกลเกินไป ฉะนั้นเมื่อรวมเป็นหนึ่งมันต้องเป็นเรื่องของศรัทธา จะเอาอย่าไร ไม่มีใครขัดข้อง จะเอาอย่างไรก็ได้ จะยกเลิกหรือไม่ก็ว่ากันไป อยู่ที่สภาก็ต้องมีมติของพรรคจะคิดโดยคนหนึ่งคนใดไม่ได้ ผมบอกว่าต้องการให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมือง เมื่อเป็นสถาบันก็ต้องเป็นระบบ ระเบียบ มีการกลั่นกรอง มติสำคัญๆ ต้องกลั่นกรองออกมาให้ได้ ต้องหล่อหลอมกันให้เป็นหนึ่งเดียวซะ ซึ่งทุกคนต้องเท่าเทียมกันในแนวความคิด

@เรื่องคตส. หลักการเดียวกันไหม ที่ว่าต้องมีการเลิกไหม

ผมว่ารธน.อาจจะต้องระบุว่าคตส.ทำงานได้กี่เดือน ผมคิดว่าก็เช่นเดียวกัน เราก็ดูว่ามีแล้วมันได้หรือเสียมากกว่ากัน งานคั่งค้างควรให้เขาทำต่อไปให้จบ หรือว่ายุติกันแค่นี้ เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ให้เขาว่าไป เรื่องที่กำลังพิจารณาหรือยังไม่ได้พิจารณาก็ตัดทิ้งไป อันนี้ผมว่าต้องคิดให้รอบคอบ เพราะกฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ต้องดูให้ดี ไม่อย่างนั้นจะไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็จะเกิดความไม่เชื่อถือ ต้องคิดข้อดีข้อเสียให้ดี ผมว่าการตัดสินใจไม่ยาก

@มองแบบกลางๆ แต่ในขณะที่บางพรรคนี่ประกาศเลย เลิกคตส. ฯลฯ

ก็เป็นความคิดหนึ่ง แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นความคิดที่ดีที่สุดหรือไม่ เท่าที่ผมพยายามมองให้ครบทุกด้าน และมองด้วยสติสัมปชัญญะ ไม่เอนเอียงทางหนึ่งทางใด มุ่งประโยชน์ของบ้านเมืองอย่างเดียว ผู้คนพวกนี้ก็เป็นคนที่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองในเรื่องต่างๆ คือเรามองให้ครบทุกด้าน ตั้งสติแล้วอย่ามีอคติ ผลสุดท้ายข้อมูลสมบูรณ์แล้วตัดสินใจไปเลย ถ้าใครถามเราเรื่อง 111 คน คือให้ยกเลิกหรือไม่ยกเลิกก็ชี้ไปได้เลย ถ้าจะยกเลิกเราก็ต้องเหตุผล 1-2-3-4 ยังไม่ยกเลิก 1-2-3-4 จบ ก็อยู่ที่แต่ละคนต้องตั้งมั่นให้อยุ่ในแนวตรง ไม่เอนเอียงไม่มีอคติ

@พูดง่ายๆ ก็คือท่านไม่สุดโต่ง ต้องมองให้รอบด้านก่อน

ต้องมองให้รอบด้าน จึงตัดสินใจ มีเหตุผล

@อาจจะมีคนมองว่ากั๊ก

ไม่หรอกครับก็มองเป็นกลางๆ แต่ยังไม่เลือกว่าจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วย ก็ในเมื่อเรื่องปากท้องเรื่องภาคใต้เรื่องความแตกแยกมันสำคัญก็หยิบเรื่องนี้มาพิจารณาขั้นกลางสภาวะวิกฤติ ก้อาจทำให้เพี้ยนได้ สภาวะแวดล้อมมันกดดดัน อันอาจจะทำให้เกิดอคติ เกิดการตัดสินใจที่ไม่รอบครอบได้ เรายังไม่ได้ชี้ ถ้าจะให้ชี้นำก็ชี้ได้

@ระยะเวลาที่เหลือ จะทำอะไรใน 1 เดือน ก่อนถึงการเลือกตั้งครั้งนี้

ที่ผ่านมาเราก็ดำเนินการ เตรียมการ ประสานกับผู้สมัครทั้งหมด และทำการปฐมนิเทศไปหมดแล้วก็แยกย้ายกันไป ไปในเขตในพื้นที่ของแต่ละคน แต่ละเขตเลือกตั้ง ผมก็ย้ำไปว่า หนึ่ง ในการหาเสียงครั้งนี้จะต้องยึดมั่นในกฎระเบียบของ กกต.ให้ดี ถ้าสงสัยอะไร ให้ โทรศัพท์มาถามที่ฝ่ายกฎหมายของเรา อย่าไปอ่านเอง เสียเวลา ถ้าสงสัยว่าอย่างนี้ทำได้ไหม ควรทำอย่างไร ประการที่สอง ผมคิดว่าการหาเสียงที่ดีที่สุด มันควรเป็นแบบเผชิญหน้าเลย Knock Door คือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือต้องสัมผัสกันเอง สามต้องขยันขันแข็งและต้อง หนักเอาเบาสู้

@เวลาที่เหลือ 1 เดือนจะมียุทธศาสตร์อะไรเข้มข้นไหม

ก็ต้องเล่นไปเรื่อย ๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหลือโค้งสุดท้ายเราต้องระมัดระวัง สิ่งที่ทำไปแล้วก็ไปทบทวนคอยระวังให้ดี

@พรรครวมใจฯอยู่ในพื้นที่ของสื่อน้อยไป ต้องปรับยุทธศาสตร์ตรงนี้ไหม

ก็คงมีสาเหตุอยู่ว่าทำไมมันชะงัก หรือสะดุดตรงไหน ผมเองก็ยังวางใจไม่ได้ ผมเองก็ยังออกไปไหนไม่ได้ ก็ยังติดการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ แต่ก็คงต้องให้ฝ่ายประชาสัมพันธุ์ไปเร่งตรงส่วนนี้เหมือนกัน

@ในส่วนตัวเองเตรียมตัว เตรียมการอย่างไรบ้าง

ผมก็สัมพันธ์กับสื่อให้เต็มที่เพราะในโอกาสอย่างนี้สื่อน่าจะดีที่สุด เพราะว่าการติดป้ายก็โหล่งเหลงไปหมด ทำอะไรก็ลำบาก กลัวจะผิดพลาด ก็คงจะต้องแก้ไข

@ถ้าโฟกัสไปที่เขต 5 ที่เป็นเบอร์1สัดส่วน

ผมคิดว่าน้ำหนักมันอยู่ที่โคราช ซึ่งผมเองก็เคยรับราชการอยู่ในพื้นที่โคราชมา 3 ปี เพราะฉะนั้นผมคิดว่าอย่างน้อย ประชาชน หรือทหารที่อยู่ตามแนวชายแดน ผมก็มีส่วนได้เยอะ ผมก็จะต้องลงไปร่วมเดิน ร่วมปราศรัยกับผู้สมัคร แล้วไล่มาไม่ว่าจะเป็นปทุมธานี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีน สระแก้ว ซึ่งผมก็เคยอยู่มาทั้งนั้น

@ถ้าอย่างชลบุรี ระยอง ตราด ดูไม่คุ้นเคยเท่าไหร่

ผมก็เป็นคนภาคตะวันออกเหมือนกัน และผมก็ไปมาหาสู่บ่อย

@ที่โคราช มี สองกลุ่ม มีสุวัจน์ กับอ.โต้ง คนอาจสับสบไม่รู้จะสนับสนุนข้างไหน

อย่างน้อยโคราชก็เป็นเมืองหลวงของชาติพัฒนาอยู่แล้ว ผมว่าทางชาติพัฒนาเดิมก็ต้องรักษาที่นั่งนี้ไว้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ผมคิดว่า โอกาสสูงเท่าที่ตรวจสอบดู

@เพราะว่าเคยได้สุดที่นั่งเต็มในปี 48 แต่ตอนนี้มอาจจะถูกแบ่ง

อันนี้ก็แล้ว แต่ผมคิดว่าอยู่ที่พี่น้องประชาชน มันก็ยังไม่ชัดเจน แต่ผมเชื่อว่าการที่เราสถาปนาโคราชเป็นเมืองหลวงของพรรคไว้ ยังไงก็ถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญ ก็ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะต้องไม่ให้ถูกโจมตีได้

@แบบสัดส่วน มีความหนักใจอะไรไหม

ไม่หนักใจ แต่จะเท่าไหร่ก็อยู่ที่พี่น้องประชาชน มันก็จะต้องได้บ้างพอสมควร

@แล้วเขต ถ้าดูอย่างเชียงใหม่น่าจะมีลุ้น

เชียงใหม่เราก็มี คุณประพันธ์ หมอไกร เราเจาะได้แน่ ๆ ยังไงก็ 20 กว่าคนขึ้นไปอยู่แล้ว

@ในกรุงเทพฯ มีความน่าเป็นห่วงไหม

เราก็สร้างเด็กใหม่ ใช้เด็กใหม่ ผมว่าสถานการณ์นี้มันน่าจะเหมาะบ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะที่วิกฤติอย่างนี้ เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่ เป็นเมืองหลวงของประเทศ ผู้คนก็มีความตื่นตัวมีความเข้าใจ มีการสื่อสารที่ดี ข้อมูลทุกอย่างพร้อม ผมว่าการตัดสินใจในภาวะวิกฤตอย่างนี้ คนหนุ่ม และใหม่ อาจจะได้เปรียบ เด็กรุ่นใหม่น่าจะมีโอกาส แล้วเท่าที่ดูชื่อก็ไม่ธรรมดา แล้วเราก็มีเขต 8 ที่ค่อนข้างจะเด่นก็คือ ดร.พิจิตร , ดร.จิรากร และอ.เกษมสันต์

@วางน้ำหนักไปที่โคราชกับกรุงเทพฯเป็หลักไหม

ที่เราวางอย่างนั้นเพราะว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญ ส่วนกรุงเทพฯ จำเป็นต้องมีส.ส.กรุงเทพฯ เพื่อเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทางภาคใต้ก็ เหมือนกันเราก็พยายามปักธงให้ได้ และนอกนั้นมันต้องได้แน่เพียงแต่ว่าจะกี่คนเท่านั้นเอง

@เคยบอกว่าภาพรวมน่าจะประมาณ 58ที่นั่ง?

58 นี่เป็นจำนวน 70 เปอร์เซ็นต์ของที่ท่านสุวัจน์ท่านพูด แต่ตอนนี้ผมว่าก็เริ่มสับสนนิดหน่อย ก็คงจะต้องตั้งหลักกันใหม่

@มีโพลกอรมน.ออกมาได้ 13 รวมทั้งหมด ฟังแล้วดูเสียกำลังใจไหม

ก็ไม่เสียกำลังใจ บางทีก็ใกล้เคียง เพราะบางโพล บางที่ก็ไม่ใกล้เคียง มันยังมีเวลากันเยอะโค้งสุดท้ายนี่สำคัญ

@เรื่องนโยบาย คือก็ยังชูนโยบายประชาสมคิดอยู่หรือเปล่า

คือนโยบายของเราก็ยึดพื้นฐานอันนั้น คือเรามองไปที่การ มองไปที่คนยากคนจน คือจะต้องให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็มีนโยบาย ต่าง ๆ และก็ทำอย่างไรถึงให้ระดับล่างมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น และก็ใช้ทั้งระบบภาษี ระบบการลดหย่อนทางภาษี ใช้วิธีการที่ไม่ต้องถึงกับ ลดแลกแจกแถม ยกตัวอย่างว่าเรามีนโยบาย บำนาญประชาชนเดือนละ 2,000 บาท เราปรึกษาแล้วว่าเรามีคนอยู่ในกระบวนการนี้ประมาณ 1 ล้านคนเศษ ๆ

คนหนึ่งก็ 24,000 ต่อปี 24000ล้าน เงินก้อนนี้ที่เราเอาไปให้ผู้ที่เป็นบำนาญให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่ใช่เป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือพวกที่อยู่ในระบบประกันสังคม นี่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัว เพราะฉะนั้นอันนี้เราก็คิดว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็น การให้เกียรติ และอีกอย่างคนอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้มีอย่างน้อย 2,000 บาทอย่างเช่นบ้านนอกเขาก็อยู่ได้ อันนี้ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเราจะมอง ข้ามไม่ได้ คนชรา เด็กพิการ ต้องดูแล

@ถ้าเป็นนโยบายของท่านสมคิดเป็นคนริเริ่ม มันค่อนข้างจะเหมือนหรือใกล้เคียงกับประชานิยม

คือประชานิยมจริง แต่มันมีปัญหาว่าต้องทำให้ได้จริง คือต้องทำจริง และต้องมีงบประมาณจริง งบประมาณจะต้องมาได้จริงไม่ใช่ คิดนโยบายแต่ไม่ได้คำนึงถึงที่มาของงบประมาณจะมาอย่างไร

@เอาเงินจากไหน

24,000ล้าน ก็ไม่ได้ไปไหน อย่างถ้าให้มาเงินก็จะถูกใช้จ่ายหมุนเข้าไปสู่ตลาด ก็จะกลับคืนไปยังพี่น้องประชาชน เป็นส่วนใหญ่ คนที่ได้เดือนละ 2,000 ผมยืนยันว่าจ่ายหมดแน่นอน อาจจะจ่ายเกินไปด้วยซ้ำ คือเงินนี้จะไปหมุนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างญี่ปุ่นเคยแจก คูปองฟรีให้กับประชาชน เพื่อให้เป็นการไปกระตุ้นเศรษฐกิจ คือเอาเงินไปให้พี่น้องประชาชนใช้ พวกคนไทยที่อายุ 60 ปีขึ้นไปก็จะมี บำนาญ ในเมื่อข้าราชการมี รัฐวิสาหกิจมี ประกันสังคมมี ก็จะเหลือคนประมาณล้านคนเศษ ๆ

@แล้วในเรื่องประชานิยมอย่างอื่น

ถ้าหากว่าการที่ทำอย่างนี้ สมมุติว่าลดหย่อนภาษี ถ้าใครมีรายได้ไม่เกินเดือนละ 20,000 บาทต่อปีก็ไม่ต้องเสียภาษี ถ้าคู่สมรสไม่เกิน 20,000 ก็ไม่ต้องเสียภาษี การลดหย่อนภาษีธรรมดาก็จาก 60,000 ค่าลดหย่อน ธรรมดาให้แค่ 60,000 ก็ปรับเป็น 100,000 เราก็พยายามแจกตรงนี้ ซึ่งเงินตรงนี้ก็ไม่ไปไหนเพียงแต่ยังไม่ได้เข้ารัฐบาล แต่มันอยู่ในกระเป๋าของประชาชน ซึ่งประชาชนก็ต้องใช้ออกไป

@และจะหาเงินจากไหนมา และมันเพียงพอกับการทำโครงการพวกนี้ทั้งหมด

มันอยู่ในงบประมาณอยู่แล้ว และเพียงพอ ตรงนี้ก็จะใช้เงินอย่างเรื่องภาษีทั้งหมดก็จะเสียไปปีละประมาณ 36,000 ล้าน แต่เงินนี้ก็ จะหมุนกลับไป อย่างน้อย 2 – 2.5 ขั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันดีกว่าก้อนใหญ่ไปกระตุ้นเศรษฐกิจ คือลดหย่อนแต่ไม่ได้เข้ารัฐบาลเพียง แต่อยู่กระเป๋าพี่น้องประชาชน แล้วตรงนี้เขาก็ต้องใช้จ่าย

@ถ้าสมมุติว่าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาได้เป็นรัฐบาล ประชาชนจะดีขึ้นอย่างไหนบ้าง

เศรษฐกิจมันก็จะดีขึ้นเพราะการหมุนเวียนของเงินตรงนี้จะไปเพิ่มอย่างน้อย 2.5 เท่า เพราะฉะนั้น 36,000 ล้านตัวเลขก็ขึ้นไปอีก ตรงนี้สำคัญ เงินที่มีอยู่แล้วเอาไปเก็บอย่างเดียวไม่มีหมุนอันนี้ไม่ดี

@มันมีปัจจัยภายนอกเรื่องของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน มันเข้ามาเป็นปัจจัย

ตรงนี้มันมีปัญหา เรื่องน้ำมันเราก็ต้องแก้กันไป หนึ่งเราก็ต้องประหยัดก่อน ขณะนี้เราจ่ายค่าซื้อน้ำมันในฐานะที่เราผลิตน้ำมันไม่ ได้ จาก 3 แสนล้านเดิม เท่ากับเราได้จากการท่องเที่ยวแต่ขณะนี้มันขึ้นเป็น 8 แสนล้านแล้ว ตรงนี้เราเสียเปรียบมาก เพราะฉะนั้นเป็นหนทาง ที่ดีที่สุด พี่น้องประชาชนทุกคนช่วยกันประหยัด ถ้าเรามาแก้ถึงแม้จะเก็บเงินชดเชยกองทุนน้ำมัน คือชะลอการเก็บมันก็เป็นการแก้ที่ปลาย เหตุอยู่ดี เราต้องมาเริ่มที่การใช้เลย คือลดการใช้ลง การประหยัดไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแต่เราจะทำกันหรือไม่ จากนั้นก็มาชะลอการเก็บเงินเข้า กองทุนน้ำมันสำหรับน้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล ส่วนเบินซิน 95 ก็จำเป็น ตรงนั้นก็เก็บอยู่ มันก็จะพยุงราคาไว้ได้ในระดับหนึ่ง ผมก็ยังเป็นห่วง ว่าขณะนี้มัน 98 ดอลล่าร/บาเรล

@เรื่องการประหยัดเห็นพูดกันมานานแล้ว

ก็เราไม่ทำกัน ผมเห็นก็รถเต็มถนนอยู่ รถก็ยังติดเหมือนเดิม เรามีสิทธิ์ทุกคนต่างคนต่างคิดแล้วก็ทำเลย เราก็ทำเลยอย่างที่บอกว่า รักชาติ อย่างวันที่ 23 ธันวาคม พี่น้อง 30 ล้านคน ที่ออกไปใช้สิทธิ์ก็ตั้งสติให้มั่นว่าเราจะช่วยชาติ

@เรื่องนโยบายดูเหมือนจะคล้ายๆกัน

คือเรามาปรับกันได้ คือนโยบายผมเชื่อว่า 80 เปอร์เซ็นต์ไม่ต่างกัน เพียงแต่อาจจะมีรายละเอียดเท่านั้น เพราะการคิดนโยบายมัน โจทก์ข้อเดียวกัน ระบบเศรษฐกิจตัวเดียวกัน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ต่างกันมาก ที่สำคัญก็เรื่องเกี่ยวกับปากท้องของพี่น้องประชาชน นอกจากปัญหาเร่งด่วนเรื่องทางใต้ ความคิดเห็นแตกแยก ไม่สมานฉันท์อยู่ในขณะนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำ รีบทำด่วน แต่ปากท้องทิ้งไม่ได้

@มองเรื่องของการปกครองท้องถิ่นอย่างไร

การปกครองท้องถิ่นผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เราต้องทำและต้องพัฒนาให้ดีขึ้นตามลำดับ มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในระบอบประชาธิไตย การ กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ก็ไปสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรท้องถิ่น ก็คือ อบต. อบจ. นั่นเอง โดยเฉพาะที่ อบต.มัน เป็นจุดศูนย์กลางอยู่แล้ว

@เรื่องงบประมาณ

อันที่จริงหลาย อบต.ก็มีงบมากมายอยู่แล้ว มีรายได้จากการเก็บภาษีมากพอสมควร ส่วนที่ว่าจะต้องได้จากรัฐไป ตามกฎหมายรัฐ ธรรมนูญกำหนดไว้ตั้ง 35 เปอร์เซ็นต์ แต่ขณะนี้ไปไม่ถึง ก็คงต้องพยายามช่วยตัวเอง รัฐบาลก็อาจสนับสนุนเพิ่มเติมก็เป็นเรื่องที่ต้องไปดูกัน ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเอาใจใส่แน่นอน เพราะตรงนี้มันเป็นหัวใจของความเป็นประชาธิปไตย

@เรื่องภาคใต้ ต้นตอของปัญหา

เกิดจาก เกือบทุกปัญหาเลย พูดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ ศาสนา ชาติพันธุ์ มันใช่หมดเลย เพราะฉะนั้นปัญหาและก็ถูกสะสมมายาวนาน หน่วยราชการหรือจะเป็นอะไรต่าง ๆ เราก็มันส่งคนที่ถูกทำโทษลงไปทางใต้ให้ไกลที่สุด เราจะต้องเข้าใจถึงข้อเท็จจริงของปัญหานี้ก็อย่า มองข้าม แล้วเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ เราดูชาติพันธุ์ ดูความเป็นมา เขาก็เป็นแคว้นที่เก่าแก่ เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับในความแตกต่าง ความหลายหลาย แล้วต้องยอมรับความจริง ยังไงเขาก็ถือว่าเป็นพลเมืองไทยเหมือนกันเพียงแต่ว่านับถือศาสนาต่างกัน มีวัฒนธรรมประเพณีที่ ต่างกันไป แต่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เราต้องใช้ความละเอียดอ่อน แล้วก็ใช้สันติเข้าไปแก้ไข

คืออันนี้เราต้องทำให้ดีที่สุด และเร็วที่สุด แต่เร็วที่สุดต้องใช้เวลาแน่นอน เพราะปัญหาถูกสะสมไว้มากมาย การที่จะค่อย ๆ ล้างออก ไปมันก็ไม่ใช่ง่าย และก็ไม่ใช่ยากที่เราจะทำ

@เรื่องเกี่ยวกับน้ำ

เรื่องน้ำ นี้มันก็มีแหล่งน้ำ ก็มีอยู่แล้วแต่มันไม่พอเพียง ตรงนี้เรามีแผนที่จะนำน้ำจากแม่น้ำบางประกง จากฉะเชิงเทรา ส่งไปทางท่อ อันนี้ คงนี้ไม่พ้น เพราะมันไม่พอ โรงแรมก็พุดขึ้น เกิดขึ้น ปริมาณใช้น้ำไม่พอ และอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ที่มีอยู่มันไม่พอเพียง อันนี้ต้องแก้ปัญหาแน่ นอน ผมว่าหนีไม่พ้น ต่อไปการส่งน้ำด้วยระบบทางท่อจำเป็นต้องใช้ รวมทั้งต้องเข้าไปในทางอีสานด้วย น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถือว่าเป็น วาระแห่งชาติเลย แล้วต้องทำอย่างจริงจัง แล้วต้องเป็นวาระเดียวเท่านั้น

ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐบาลอย่างไรต้องสานต่ออย่างเดียว เพราะฉะนั้นต้อง เป็นวาะแห่งชาติ จะมาเป็นนโยบายเพียงพรรคอย่างเดียวไม่ได้ เพราะมันจะต้องลงทุนมหาศาล ผมว่าอย่างน้อยก็ต้อง 6 แสน 4 แสนล้าน ถึงจะ เอาอยู่ แล้วจบเลยต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว ก็มีนโยบายถึงว่าเปิดก๊อกทำนา ก็นั่นหมายว่าเราเน้นส่งไปทางท่อ อันนี้เป็นโครงการใหญ่แต่ต้องทำ การกักเก็บเมล็ดผลทั้งหลาย ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เราทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ งานแค่นี้เราทำไม่ได้ เราเสียโอกาสอย่างนี้มาเป็น 20 – 30 ปีแล้ว อันนี้ต้องจัดเป็นวาะแห่งชาติอย่างเดียว การสูญเสียของน้ำก็จะไม่มี กักเก็บน้ำก็ได้มากกว่า

@มุมมองเรื่องพรบ.ความมั่นคง

ผมคิดว่าควรจะมีอย่างยิ่ง คือมีดีกว่าไม่มี แต่ให้อยู่ในกรอบที่สังคมยอมรับ พี่น้องประชาชนยอมรับได้ ไม่ต้องหนักอกหนักใจ เพราะฉะนั้นต้องมีการคิดว่าตรงไหนที่คิดว่ามันจะหนักเกินไป ดูว่ามันจะล้ำเส้นเกินไป ก็อาจจะปรับแก้ เท่านั้นเอง แต่การมีไว้ดีกว่าไม่มีเพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจะได้บรรเทาสถานการณ์ที่รุนแรงให้เบาบางลง แทนที่จะเสียหายมากก็เสียหายน้อยลง ผมมองแบบประชาชน มองในส่วนที่ได้ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาเราต้องมองในประเด็นใหญ่ว่ามันอาจจะเกิดการเสียหายอย่างใหญ่หลวง ถ้ามี พรบ.ตัวนี้ มันก็พอประทะเป็นลำดับ เป็นระยะ ๆ ก็จะได้เสียหายน้อยลง ดีกว่าไม่มี แต่การใช้ก็พี่น้องประชาชน และรัฐบาลคุมอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าทหารจะทำอะไรตามอำเภอใจ หรือตรงไหนที่ระบุว่ามันอาจจะหนักเกินไป หมิ่นเหม่ต่อการที่จะใช้อำนาจเกินขอบเขต เราก็ปรับแก้เท่านั้นเอง ปรับแก้เป็นที่ยอมรับได้

@มีนักวิชาการบอกว่าควรไปออกพรบ.นี้ตอนที่มีสภาแล้วจะเหมาะสมกว่า

ผมคิดว่ามันก็มีค่าเท่ากัน ไม่ว่า ส.ส.จะมาจากการแต่งตั้งหรือเลือกตั้งก็ตามก็ทุกคนก็มีความคิดว่าเข้าไปทำงาน เพื่อประเทศชาติ พี่ น้องประชาชน มันไม่มีอะไรแต่งต่างเลย ดีไม่ดีแต่งตั้งอาจจะดีกว่าอีก เขาเลือกคนได้ดีกว่า ต้องดูให้ดี ถ้าเรามองแต่เสียอย่างเดียว ไม่มองจุดด้อย ก็มองให้มันครอบคลุม เพราะฉะนั้นผมว่าการแก้ต้องไปแก้ที่คน ถึงจะแต่งตั้ง ยิ่งแต่งตั้งคัดเลือกเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วคิดว่าทุกคน แล้วบอกว่ารัก ชาติกัน เพราะฉะนั้นเข้าไปทำหน้าที่สำคัญที่สุดเลยคือสภา มันเป็นความเป็นความตายของบ้านเมือง ถ้าเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อประเทศชาติ และ ประชาชน อย่างแท้จริง แล้วก็ต้องทำให้จริง เพราะฉะนั้นความคิดทั้งหลายก็จะหลั่งไหลมา ไปในทิศทางนี้ตลอด ไม่มีอะไรเสียหายมีแต่ดีกับดี เพราะฉะนั้นผมคิดว่า ออกเมื่อไหร่มันไม่สำคัญเลยมันอยู่ที่คน

@ปัญหาเรื่องคนนี้สำคัญมาก

การเลือกตั้งโดยภาพมันจะเป็นอย่างนั้นแต่ถ้าเกิดมีการซื้อเสียงผมถามว่าเป็นคนละเรื่องเลย เพราะอย่างนั้นเราต้องมองให้ดี ผมชอบจะมองและคิดที่ต้นเหตุของปัญหา เพราะฉะนั้นผมคิดว่าปัญหาอยู่ที่คน แต่เรามาออกกฎหมายมันอยู่ที่ปลายเหตุ ถ้าคนดีกฎหมายก็จะลดลงไปอย่างมหาศาล ไม่ต้องมีกฎหมายจุกจิกแบบอังกฤษ ประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยและก็เป็นประชาธิปไตยนาน ๆ มันอยู่ตัวหมดและทุก ๆ คน แสดงว่าทุกคนเคารพ รักประเทศชาติ

อะไรที่มันผิดกฎกติกา เพราะเราคือชอบดิ้น ออกทางนั้นออกทางนี้ พอออกกฎหมายดักก็ดิ้นไปทางโน้น เห็นไหมว่ากฎหมายบ้านเมืองเรามีเยอะ นี่กลายเป็นการบ่งบอกว่าทรัพยากรบุค่คลเรายังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง ผมสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ชอบที่จะแก้อะไรที่ต้นเหตุเลย ต้นเหตุคืออยู่ที่ตัวคนทั้งนั้น ทรัพยากรบุคคล คือความเป็นจริงเราความคิดความอ่านมันไม่ต่างกัน ใครก็อยากคิดดี แต่ในเวลาปฏิบัติมักจะล้มเหลว เพราะฉะนั้นผมก็อยากจะเข้มงวดตรงการปฏิบัติ

@ เห็นว่าแก้ที่คนแล้วเรื่องการศึกษา

การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเรียนฟรี 12 ปี ฟรีก็ต้องฟรีจริง คืออะไรที่จำเป็นเขาจะต้องมีหมด อุปกรณ์ หนังสือตำราต่างๆ ต้องมี เครื่องแบบอย่างน้อยต้องมีสัก 2 ชุด เราเน้นเรื่องการศึกษา เราจะสร้างคนคือสร้างทรัพยากรบุคคลนั่นแอง แล้วต่อไป ถ้าเราสร้างทรัพยากรให้มีความสามารถแล้วต่อไปพวกนี้ก็จะเป็นกำลังของชาติอย่างแท้จริง เรื่องการศึกษาผมถือว่าสำคัญที่สุด และเร่งด่วน ไปควบคู่กับอะไรก็ได้ ปัญหา 3 จ.ชายแดนใต้ ความสมานฉันท์ เรื่องเศรษฐกิจ ต้องไปด้วยกัน เพราะการศึกษามันหยุดไม่ได้ เพราะถ้าหยุดบ้านเมืองเราจะเสียหายมากกว่าอย่างอื่น เพราะฉะนั้นเรื่องการศึกษาผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เร่งด่วนที่สุด และหยุดยั้งไม่ได้ คือไม่มีการประนีประนอมต้องทำให้เต็มที่ การศึกษาเป็นเรื่องของการสร้างคนให้คนไปสร้างชาติ

@ในฐานะที่ท่านเป็นทหารเก่า อยากถามเรื่องเอกสารลับ

กับประเทศที่เขาเจริญแล้ว มีความหมายมาก เรื่องลับก็มีระดับของมัน จะให้ใครระดับไหนรู้ได้บ้าง ลับที่สุดอาจจะทั้งประเทศรู้เพียง 2 คน คนอื่นจะรู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นการทำเอกสารอะไรก็ไม่ควรรู้เกิน 2 คน ที่จริงชั้นความลับของเรานี่มันไม่สมบูรณ์ อะไรมันควรจะลับก็ไม่ลับ มันมีวิธีการปรับชั้นความลับ มันไม่ได้คงอยู่ที่เดียว ความลับนี่อาจจะพอถึงระยะเวลาหนึ่งเปิดเผยได้ก็จบแล้ว เอกสารนี้ไม่ลับอีกต่อไป แต่หากมีความจำเป็นขึ้นมาอีกปรับชั้นความลับสูงขึ้นจากลับไปลับมาก จากลับมากไปลับที่สุด เขาจะต้องระบุเลยว่าใครจะรู้ได้บ้างรู้ได้กี่คน

@ถ้าลับที่สุด ผบ.ทบ.จะรู้ไหม

ถ้าเรื่องในกองทัพอย่างไรก็ต้องรู้ ยังไงสูงสุดต้องรู้ แล้วจะใครอีกคนก็แล้วแต่ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากแต่สังคมไทยเรายังไม่ค่อยเห็นความสำคัญ ถ้ามันหลุดมาจริงผมก็ยังไม่ทราบ เพราะเรื่องยังไม่ถึงที่สุด ถ้ามันหลุดออกมาแล้วถ้าเป็นตัวจริง ที่จริงแล้วถ้าตามระบบมันจะรู้เลยว่าออกมาจากใคร แล้วเอกสารผู้ทำเขาต้องควบคุมหมด แต่ตอนนี้ไม่ทราบเพราะมีบางประเด็นไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นจริงหรือเปล่าจะต้องแยกพิสูจน์กันอีกที

@ถ้ามองจากคนทั่วไปออกจากกองทัพบก ก็ต้องเป็นของจริง แสดงว่าอีกฝ่ายก็ต้องเป็นของปลอม

อาจจะทำขึ้นมาบางประเด็นจึงเพี้ยนไป ต้นฉบับมันไม่มีเพี้ยนอยู่แล้ว

@ถ้าเรื่องนี้มันเป็นประเด็นขึ้นมา การเอาเอกสารของปลอมออกมาถึงขั้นยุบพรรคเลย

ถ้าเป็นของปลอมก็โทษร้ายแรงมาก เพราะทำปลอมแปลงเอกสารแล้วเป็นเอกสารลับ

@ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ สถานการณ์การเมืองจะเปลี่ยนไปเลยไหมครับ

อยู่ที่กกต. และกฎหมายบ้านเมือง ต้องไปดูว่าจะมีการลงโทษกันอย่างไร ก็ถือว่าเป็นการสุ่มเสี่ยงพอสมควร

@ถ้าสมมุตว่ามีการยุบพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง ทางของท่านจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไรไหม

ผมไม่อยากจะมองอย่างนั้น ทุกพรรคก็เได้เปรียบหมด เพราะตัวเลือกมันน้อยลง ถ้าถูกยุบจริงที่เหลือก็ต่อสู้กันไป แต่ถ้าได้ 280(ตามโพลล์กอรมน.) ก็แสดงว่าเกินครึ่ง ก็แสดงว่ามีพี่น้องประชาชน 15-16 ล้านคนไม่เห็นด้วย แล้วคิดว่าจะยุบไหม ถ้าพรรคการเมืองเขาไม่ยอม ผมถึงบอกว่า "สังคมไดประเทศใดมีความรักความสามัคคีดีที่สุด แต่ถ้าตรงกันข้ามอันตรายที่สุด" มันพร้อมที่จะเกิดเหตุอะไรก็ได้

@เลือกตั้งครั้งนี้หวังแค่ไหน

ต้องผ่านวันที่ 23 ธ.ค. ไปแล้วและผลออกมาตรงนั้นมันจะเป็นปัจจัย เป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องคิดว่าเราจะมีจุดยืนอย่างไร จะไปเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ด้วยเหตุผล ต้องคิดให้รอบครอบ

@แสดงว่าหลัง 23 เนี่ย เป็นรัฐบาลก็ได้ เป็นฝ่ายค้านก็ได้

เป็นนักการเมืองต้องเป็นอย่างนั้น อย่าไปมุ่งเพียงอย่างเดียว ถ้ามุ่งจะเป็นรัฐบาลเป็นอย่างเดียวแล้วจะหาใคร เป็นนักการเมืองต้องเป็นทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

@ กลัวเรื่องซื้อเสียงไหม

กลัวที่สุด ถ้าใครกล้ามาสาบานกับผมแล้วทำให้มัน 100% ผมจะกราบให้เลย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในระบอบประชาธิปไตยเลย ผมคำนวนดูแล้วประมาณ 30 ล้านคน จากประชากรจาก 63.5 ล้านคน ก็ออกมาเป็นผู้มีสิทธิ์ 44 ล้านคน ฉะนั้นผู้ไปใช้สิทธิ์จะเป็น 70% ของตรงนี้ ก็ประมาณ 30 ล้านคน ฉะนั้นถ้าพี่น้องประชาชน 30 ล้านคนมีความคิดตรงกับที่ผมว่า เราเกิดมาเป็นคนไทยทั้งที รักพี่น้อง รักในหลวง ฉะนั้นอำนาจของคนมีอยู่แล้ว 1 แมน 1 โหวต ใช้เสียงของตนให้ศักสิทธิ์ที่สุด บอกได้เลยประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจไม่เกิน 20 ปี

ส่วน กกต.ถือว่าเป็นองค์กรอิสระ มีอำนาจในการเลือกตั้ง โดยมีกรอบของกฎหมายอยู่แล้ว เขาจะออกระเบียบอะไรก็ได้โดยไม่ผิดกับกฎหมายที่เขามีอยู่ เพราะฉะนั้นครส.ปรับตั้งขึ้นก็คือเป็นผุ้ช่วย กกต. เป็นหูเป็นตา อย่าไปใช้อำนาจเกินผุ้ช่วยของกกต.ไม่ได้ ตรงนี้น่าจะมี ถ้าเห็นใครซื้อเสียงก็จับเลย ให้ใบแดงก็จบแล้ว ประชาชนแต่ละคน ถ้าไม่อิสระเสรีจริงๆ ตกอยู่ภายใต้ของเงิน อันตราย ถ้าเป็นแบบนี้ เผด็จการดีกว่า ถ้าเผด็จการมีคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต อย่างนี้ไปเร็ว ตัวอย่างประเทศจีน

@มองว่าทหารกับการเมืองควรมีจุดสมดุลย์อย่างไร

ผมก็ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ถ้าบ้านเมืองไม่ถึงกับล่มจม เลือดตกยางออก จนรับไม่ได้ แต่บางครั้งก็จำเป็น คือถ้าสถานการณ์บ้านเมืองถ้าทำแล้วแตกแยก ทำจนจะเลือกตั้งแล้วก็ยังแตกแยกอย่างเอาจริงเอาจัง เรียกว่าหักโค่นกัน ผมก็คิดว่าเราวางใจไม่ได้ มันเป็นวิธีเดียวที่จะระงับเลือดตกอย่างออกให้น้อยที่สุด โดยใช้กำลังทหารเข้ามาปิดกั้นซะ

@คิดว่า 19 ก.ย.ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่

ไม่ถึงขั้นนั้น แต่เราก็อย่าไปทำให้เข้าล็อก ผมว่าไปถามทุกคนก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น คนทำเองไม่ใช่ตัดสินใจได้ง่ายๆ นะว่าจะทำหรือไม่ทำ มันหมายถึงตายกับความสำเร็จ ไม่ใช่เป็นของสนุกที่บางคนอาจจะเข้าใจผิด ที่คิดว่าจะทำหรือไม่ทำ ไม่ใช่ ถ้าเกิดมีการต่อต้านอย่างรุนแรงจากพี่น้องประชาชนลุกฮือกันขึ้นมาทั่วประเทศ ถามว่าคนที่ทำปฏิวัติจะอยู่ไหวหรือ

@การเมืองที่ควรจะเป็นควรจะเป็นอย่างไรในอนาคตข้างหน้า

ก็มีจุดยืนที่มั่นคงรักชาติบ้านเมืองทำในสิ่งที่ดี ไม่คอรัปชั่น ต้องมีภาวะผู้นำกล้าตัดสินใจ ต้องแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้อง ความยากจนต้องทำให้ได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
 
@ฝากอะไรในวันที่ 23 ธ.ค.

อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ตั้งสติกันให้มากที่สุด และออกไปใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด เราเกิดมาเป็นคนไทยรักบ้านเมืองรักพี่น้องประชาชน ก็อยากให้ออกไปใช้สิทธิ์เพื่อเลือกผุ้สมัครในเขตของท่านที่เก่งที่สุด ที่ดีที่สุด ที่เราได้กรองอย่างดีแล้ว นั่นก็หมายความว่าเราจะได้ผู้แทนที่ดีและเก่งเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงในสภาแทนพี่น้องประชาชน แล้วคนที่ดีและเก่งจะเขัาไปทำหน้าที่ของเขาอย่างสมบูรณ์ที่สุด และก็จะเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติมหาศาล ถ้าดีหมด 480 คน ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นมหาอำนาจได้ ผมคิดว่าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาก็มีคนเก่งคนดี ถ้าท่านเลือกก็จะไม่ผิดหวัง
**************

ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์