ดร.สุเมธ ระบุรวยแต่ขาดความสุขไม่มีประโยชน์-หนุนผู้บริหารประเทศไม่ฟุ้งเฟ้อ

"ดร.สุเมธ" ระบุรวยแต่ขาดความสุขไม่มีประโยชน์-หนุนผู้บริหารประเทศไม่ฟุ้งเฟ้อ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 27 เมษายน 2549 20:56 น.

เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ย้ำคนไทยต้องปฏิวัติอำนาจจิตใหม่ ไม่ให้กิเลสพาไป อย่าเอาอย่างฝรั่ง พัฒนาประเทศไม่มีรากไม่ดูศักยภาพ "โตแล้วแตก" ชี้คนรวยแต่ไม่มีความสุขมีประโยชน์อะไร หนุนผู้บริหารประเทศไม่โลภมาก ให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือรู้จักพอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน มีจริยธรรม และธรรมาภิบาล เป็นหนทางเดียวที่ชาติจะอยู่รอด

วันนี้ (27 เมษายน) นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ในโอกาสรับเชิญจากสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ห้องประชุมสภาฯ ว่า คนไทยมีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงน้อยมาก แม้แต่คนในสภาพัฒน์เอง ทั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รับสั่งเรื่องนี้มานานแล้ว ไปนิยมเอาอย่างฝรั่ง เช่นตัวอย่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ฉบับแรกจนถึงแผน 7 ที่เติบโตโดยไม่มีฐานราก ไม่มีความพร้อม ในที่สุดก็เกิดปรากฏการณ์ที่ โตแล้วแตก มุ่งให้ประเทศไปสู่อุตสาหกรรม ทั้งที่ไม่ดูศักยภาพตนเอง ในที่สุดก็นำไปสู่การที่ต้องกู้เงินจากต่างประเทศ ซื้อเทคโนโลยีเข้ามา และมีปัญหาในเรื่องคุณภาพของคน เมื่อต่างชาติเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนออกไป ทุกอย่างก็พังครืนลง เหมือนบ้านถูกถอนเสาเรือน

นายสุเมธ กล่าวว่า 9-10 ปีมานี้ วัฎจักรการพัฒนาของประเทศไทยเป็นเช่นนี้ตลอด หากยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ใช้หลักของความพอดี พัฒนาตามขั้นตอน ทั้งนี้มีบันทึกเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริของผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่ง ระบุว่าในหลวงเคยพูดเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งมีนัยสำคัญ ที่ท่านเตือนว่า อย่าเอาเครื่องจักรกลไปใช้กับประชาชน และปรากฎว่า ตอนนี้เครื่องมือเกษตร เช่นจอบ เสียม ก็หาไม่ค่อยมีแล้ว การพัฒนาประเทศที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการเตรียมความพร้อม ในที่สุดก็ไปไม่รอด

นายสุเมธ กล่าวว่า เศรษฐกิจพอเพียงต้องรู้จักพอประมาณ ทำอะไรให้มีภูมิคุ้มกัน และ มีจริยธรรม และธรรมาธิบาล ทั้งนี้เศรษฐกิจพอเพียงไม่ใช่ต้องประหยัดรัดเข็มขัด แต่ทำอะไรต้องตรวจสอบศักยภาพของตนเองก่อน ประเทศชาติของเรามีจุดแข็งตรงไหน เช่น ด้านเกษตร หรือมวยไทยรุ่นไหน เป็นที่ยอมรับของโลก หรือการพัฒนาอาหารฮาลาลทางภาคใต้ เรามีศักยภาพพอที่จะทำได้ไม่ยาก เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร เราต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า ไม่ต้องไปเดินตามใคร เราต้องมีความเสี่ยงในการบริหารตลอด แต่เราสามารถป้องกันได้ เพราะมีภูมิคุ้มกัน

10 ปีมาแล้ว ที่พระองค์ท่านรับสั่งเรื่องไบโอดีเซล แต่ไม่มีใครสนใจ มาวันนี้ก็เห็นปัญหาแล้ว เราขาดน้ำมันดีเซล ถ้าเชื่อท่านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราปลูกพืชทำไบโอดีเซลก็ไม่ลำบากขณะนี้ เราผลิตได้เท่าไหร่ ก็ลดการสั่งซื้อน้ำมันจากนอกประเทศได้เท่านั้น จะประหยัดได้มูลค่ามหาศาลทีเดียวนายสุเมธ กล่าว

นายสุเมธ ยังยกตัวอย่าง บริษัทปูนซีเมนต์ไทย ที่ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาแก้ปัญหาวิกฤติใน 2 ปีที่แล้ว ได้พลิกให้การขาดทุนกว่า 20,000 ล้านบาท มากำไร และการมีธรรมาภิบาล

เมื่อพบวิกฤต ก็ผ่าตัดใหญ่ เอาความพอประมาณ เป็นตัวตั้ง กรุ๊ปปิ้งใหม่หมด เอาธุรกิจหลักเก็บไว้ พอประมาณ ควบคุมไม่ขยายตัวมาก เลือกลงทุนในส่วนที่มีความถนัด เพียงปีครึ่ง ตัวเลขแดงก็หาย กำไรมากขึ้น ทำตัวให้ผอม เล็กลง ทำให้รอด ตัดภาระออกหมด ทำเต็มศักยภาพ ไม่กระเทือนเลย เมื่อประสบวิกฤตในขณะนี้ ปีที่แล้วกำไรในรอบ 35 ปี นายสุเมธ กล่าว

นายสุเมธ กล่าวว่า หากสนับสนุนให้ผู้บริหารระดับสูงในประเทศสามารถใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงได้สบายๆ อย่าโลภเกินไป หรือหลงเคยชินกับสิ่งที่เคยทำ แม้ส่วนเกินที่ได้มาก็จะทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว อะไรที่เกินพอ ทำลายสิ่งรอบตัวหมด เหมือนมนุษย์ที่บริโภคเกินตัว จะทำลายทุกสิ่ง มนุษย์ต้องกลับมาอยู่อย่างพอเพียง จึงจะอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน

60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงตั้งเป้าหมายไว้ ว่า ทรงจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ท่านให้ทุกคนยึดความสุข ประโยชน์สุข ไม่ใช่ยึดความรวย คนรวยแต่ไม่มีความสุข ไม่มีประโยชน์ เมื่อก่อนสหประชาชาติก็ใช้ GDP. เป็นตัวชี้วัดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้เปลี่ยนมาเป็นการใช้ GHP. เป็นตัววัด ( Good Happyness Product) ประโยชน์สูงสุดคือความสุข พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ขณะนี้ประเทศอังกฤษกำลังบรรจุวิชาว่าด้วยความสุขในหลักสูตรในโรงเรียนมัธยมศึกษาของอังกฤษ นายสุเมธ กล่าว

นายสุเมธ กล่าวว่าตอนนี้แผน 8 และ 9 ของสภาพัฒน์ ได้บรรจุเรื่องนี้ลงไปแล้ว แต่ความเข้าใจยังเป็นปัญหาอยู่ ต้องปฏิวัติอำนาจจิตใหม่ เพราะคนยังเคยชินกับนิสัยเก่า ๆ ซึ่งต้องสร้างกระแสค่านิยมในสังคมไทยใหม่ทั้งหมด ไม่ให้ติดในสิ่งฟุ่มเฟือย หรูหรา เริ่มตั้งการเลี้ยงดูเด็ก ทั้งข้าราชการ ก็ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ทั้งหมด อย่าไปผูกติดกับกระแสโลก ที่เน้นการบริโภคนิยม

มีการทำวิจัยของต่างประเทศ เขียนในหนังสือเรื่อง Millionire next door เอาเศรษฐีอเมริกา 200 คน มา ศึกษาพฤติกรรม พบว่า 80-90 % ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีการจัดงานเลี้ยงอย่างหรูหรา มีไข่ปลาคาเวียแพง ๆ ปรากฏว่าไม่มีใครแตะเลย นายสุเมธ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการบรรยายสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ได้สอบถามความเห็นถึงกระแสพระราชดำรัสของในหลวง เมื่อวันที่ 26 เมษายน นายสุเมธ กล่าวว่า ชัดเจน แจ่มชัด ไม่ต้องตีความ"ช เมื่อวานนี้(26 เม.ย.) นักข่าวโทรศัพท์มาให้ผมตีความจำนวนมาก ผมต้องตัดสายทิ้ง ผมคงไม่ตีความอะไร ใครไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้นายสุเมธ กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์