พันธมิตรชุมนุมใหญ่ 2 พ.ค. ไล่กกต.-บี้รัฐบาลลาออก

พันธมิตรชุมนุมใหญ่ 2 พ.ค. ไล่กกต.-บี้รัฐบาลลาออก

โดย ผู้จัดการรายวัน 26 เมษายน 2549 04:31 น.

พันธมิตรฯ นัดชุมนุมใหญ่ท้องสนามหลวง 2 พ.ค.นี้ ไล่กกต.จัดการเลือกตั้งไม่ถูกต้อง เรียกร้องรัฐบาลรักษาการลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ส่วนการจัดเวทีโค่นล้มระบอบทักษิณเมืองย่าโม 28 เม.ย. ตั้งเค้าป่วนซ้ำรอยอุดรธานี รองผู้ว่าฯ ทำตัวเป็นลิ่วล้อไทยรักไทยไม่อนุญาตใช้พื้นที่ขู่รื้อเวทีทิ้งแน่ ปลุกอารมณ์ลูกหลานย่าโมไม่ธรรมดาถ้าเกิดเหตุฮือรุมล้อมคงห้ามไม่ทันและเอาไม่อยู่ แกนนำพันธมิตรฯ บ่ยั่นลั่นเหยียบถึงถิ่นเชียงใหม่เพื่อให้ข้อมูลรอบด้านแก่ประชาชน ทนายสนธิขอเลื่อนนัดคดีหมิ่นฯ ด้านสมัชชาประชาชนฯ เปิดประชุมใหญ่ถกปฎิรูปการเมืองวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากเวทีกู้ชาติ "ระบอบทักษิณโคตรชุ่ย คนสมุยไม่ต้องการ แมลงดำหนามกัดกินมะพร้าว ยังไม่เท่าทักษิณโกงกินบ้านเมือง" บริเวณชายหาดพรุเฉวง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ค่ำวานนี้ (25 เม.ย.) ว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัยของแกนนำพันธมิตรฯกว่า 20,000 คน พร้อมเปล่งส่งเสียงตะโกน "ทักษิณ...ออกไป" ดั่งสนั่นไปทั่วบริเวณ มีการนำธง และข้อความต่อต้านระบอบทักษิณหลากหลายมาโบกสะพัด

แกนนำพันธมิตรฯ ต่างสลับกันขึ้นเวทีลอกคราบระบอบทักษิณ กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. นายสนธิ ได้ขึ้นเวที โดยบอกให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมบอกต่อ ๆ กันว่า ทางพันธมิตรฯ จะมีการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ใครไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่เราจะชุมนุมร่วมกันทั้งประเทศและเราจะเดินพร้อมกัน

หลังนายสนธิ พูดจบประชาชนชาวเกาะสมุย พร้อมใจกันปรบมือแสดงความพึงพอใจ พร้อมกันส่งเสียงตะโกน "ทักษิณ...ออกไป" และ "ทักษิณ...GET...OUT" อีกครั้ง ก่อนที่นายสนธิ จะลงจากเวที

จากนั้น ในเวลาประมาณ 22.00 น. นายสนธิ ได้ขึ้นเวทีอีกครั้ง และประกาศนัดหมายเวลาชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 2 พ.ค.นี้ เพื่อแสดงประชามติขับไล่คณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จัดการเลือกตั้งไม่ถูกต้องจนเกิดปัญหาวิกฤต และเรียกร้องรัฐบาลรักษาการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

**แฉผู้ว่าฯ-ลิ่วล้อสกัดเวทีพันธมิตรฯ

ที่บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตยนำโดย ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมาคมทันตแพทย์เอกชนไทย ในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มฯ และนายสำคัญ จงโกเย็น ผู้แทนองค์กรครูจังหวัดนครราชสีมา แถลงยืนยันจัดเวทีประชาธิปไตยปราศรัยใหญ่โค่นระบอบทักษิณของแกนนำพันธมิตรฯ ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อย่างแน่นอน

กลุ่มภาคีฯ ยังเรียกร้องให้นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ สั่งยกเลิกการอนุมัติให้กลุ่มงาน OTOP เข้ามาจัดงานที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฯในวันที่ 28 เม.ย. ซึ่งตรงกับวันที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะจัดเวที เพราะภาคีฯ ได้ทำหนังสือขออนุญาตใช้พื้นที่เป็นลายลักษณ์อักษรถึงผู้ว่าฯก่อนหน้านี้แล้ว และทราบว่าในวันที่ 28 เม.ย.เป็นช่วงที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฯว่าง ไม่มีกิจกรรมใดๆ

ทพ.ศุภผล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการใช้สถานที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฯแบบเร่งด่วนและมีเงื่อนงำ โดยมีรายงานว่าที่ประชุมได้มีมติ 3 ใน 5 เสียงยืนยันอนุมัติให้ภาคีมวลชนคนโคราชฯ ใช้สถานที่จัดเวทีได้ แต่ผู้ว่าฯกลับฝืนมติดันทุรังให้กลุ่มงานโอทอปเข้ามาจัดงานแสดงสินค้าในวันนั้นแทนอย่างไม่มีเหตุผล พร้อมได้ขยายเวลาการจัดงานโอทอปจากกำหนดเดิม 1 วัน คือ 26 เม.ย.ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 2 พ.ค. จากที่ก่อนหน้านี้ก็ได้พยายามติดต่อบริษัทเอกชนให้เข้ามาใช้สถานที่ในวันที่ 28 เม.ย.แต่บริษัทเอกชนปฏิเสธเข้าร่วมงาน

ส่วนสวนสาธารณประโยชน์ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ซึ่งเป็นสถานที่ภาคีฯใช้จัดกิจกรรมเวทีประชาธิปไตยมาตลอดนั้น ขณะนี้ปรากฏว่าทางเทศบาลนครนครราชสีมา ได้สั่งให้นำสังกะสีมาล้อมรั้วปิดกั้นรอบบริเวณไว้ โดยอ้างว่าเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์

"พฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความพยายามที่จะขัดขวางการชุมนุมโดยสงบสันติของคนโคราช ซึ่งเป็นการแสดงออกตามสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ข้าราชการทำเป็นไม่เข้าใจสิทธิเสรีภาพของการชุมนุมอย่างสงบ และพยายามประจบสอพลอผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของตัวเอง จึงขอเรียกร้องไปยังผู้ว่าฯและผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังให้เห็นว่าท่านกำลังจะทำการขัดขวางการชุมนุมอย่างสันติของประชาชนตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ" ทพ.ศุภผล กล่าว พร้อมกับย้ำว่า แม้จะโดนขัดขวาง แต่ทางเราก็ยืนยันที่จะเดินหน้าจัดเวทีต่อไป เพราะยังมีถนนทุกสายในนครราชสีมา ที่สามารถจัดการชุมนุมได้อีก เช่น ถนนหน้าจวนผู้ว่าฯ ซึ่งเราเข้าใจผู้ว่าฯเป็นอย่างดี เพราะถ้าไม่ทำ ท่านก็อาจจะได้รับความเดือดร้อน

**เตรียมแฉโครงการทุจริตนักการเมืองใหญ่

กลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชฯ ยังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 6 เรื่อง "การรณรงค์ทางการเมือง และการชุมนุมอย่างสงบสันติของประชาชนโคราชครั้งที่ 3 เพื่อเปิดโปงระบอบทักษิณที่บิดเบือน ครอบงำ หลอกลวงประชาชนชาวไทยมาอย่างต่อเนื่อง" พร้อมแจกใบปลิวเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมในวันที่ 28 เม.ย.เวลา 16.00 น. ที่หน้าหอประชุมเปรมติณสูลานนท์ เพื่อเดินขบวนรณรงค์ไปตามถนนสายหลักในเมืองโคราช ก่อนเข้าร่วมเวทีปราศรัยที่หน้าศาลากลางฯ ในเวลา 17.00 น. มาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป

สาระสำคัญของแถลงการณ์ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลบนเวทีปราศรัยมากมาย เช่น โครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน, การจัดสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่โคราช ซึ่งเปรียบเสมือน สนามบินหนองงูเห่าแห่งโคราช, เงื่อนงำการยุบพรรคชาติพัฒนา, อะไรคือระบอบทักษิณ, โครงการ 30 บาทจะดีขึ้นหากทักษิณ ออกไป, ข้อมูลการขายชาติขายแผ่นดินและข้อมูลการโกงชาติทุกเรื่องของผู้นำประเทศ เป็นต้น

ต่อมา ทพ.ศุภผล ได้ไปยื่นหนังสือเปิดผนึกให้แก่ พล.ต.ต.อำนาจ อันอาตม์งาม ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยในการจัดเวทีประชาธิปไตยวันที่ 28 เม.ย.ที่จะถึงนี้

พล.ต.ต.อำนาจ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ไม่อยากให้นครราชสีมาเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย จ.อุดรธานี แต่เชื่อว่าคนโคราชน่าจะมีความเข้าใจดีและไม่ก่อเหตุการณ์วุ่นวายอะไรขึ้น และกลุ่ม ส.ส.นครราชสีมา ก็มีความปรองดองกันดี ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดกำลังเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยตามความเหมาะสมที่กลุ่มภาคีฯ ร้องขอ

**รองผู้ว่าฯปฏิเสธสกัดเวทีพันธมิตร

ขณะเดียวกันที่ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ชั้น 1 นายประชา จิตสุทธิผล และนายสุเมธ ศรีพงษ์ รองผู้ว่าฯนครราชสีมา ได้นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แถลงตอบโต้กลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชฯว่า ตามที่กลุ่มภาคีฯระบุว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ทางจังหวัดฯได้มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการใช้สถานที่ดังกล่าวเพื่อจัดงานนั้นไม่เป็นความจริง ถือเป็นการโฆษณาชวนเชื่ออย่างชัดเจน เพราะจนถึงวันนี้ ทางกลุ่มภาคีฯยังไม่มีการยื่นหนังสือเพื่อขอใช้สถานที่อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรมายังทางจังหวัดฯเลย รวมทั้งทางจังหวัดฯก็ไม่ได้ประชุมคณะกรรมการพิจารณาใช้สถานที่ตามที่กลุ่มภาคีฯกล่าวอ้างด้วย

"ท่านผู้ว่าฯได้มอบหมายให้ผมเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้โดยตรง แต่ก็ไม่เห็นมีเรื่องนี้เสนอเข้ามา มีเพียงการโฆษณาทางสื่อมวลชนว่าจะไปจัดเวทียังที่ต่างๆ รวมทั้ง จ.นครราชสีมา แต่ไม่เคยระบุสถานที่ชัดเจน ซึ่งการที่จะใช้สถานที่ตรงไหนนั้น ใครเป็นเจ้าของสถานที่ก็ต้องไปขอใช้จากเขา สำหรับคนโคราช การทำอะไรที่แสดงว่าเป็นนักเลง คิดว่าอย่าดีกว่า เพราะไม่เหมาะสมด้วยประการใดๆ ผมคิดว่าลูกหลานย่าโม ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เราจะทำอะไรก็แล้วแต่อย่าให้คนอื่นเดือดร้อนดีที่สุด" นายประชา กล่าว

**ออกลายเถื่อน รื้อเวทีแน่หากดึงดัน

ภายหลังการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวได้ถามนายประชา ถึงกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย. สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ใช้สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตช่อง 3 สัญจร ไม่เห็นมีการเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการใช้สถานที่ทั้งที่เป็นภาคเอกชน และกรณีที่กลุ่มม็อบคาราวาน นำโดยนายคำตา แคนบุญจันทร์ และนายอรรถฤทธิ์ สิงห์หลอ มาพักค้างคืนที่หน้าสนามศาลากลางจังหวัดฯ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ก็ไม่ได้มีการเรียกประชุมพิจารณาอนุญาตให้ใช้เช่นกัน อีกทั้งผู้ว่าฯกลับสั่งให้รื้อเต็นท์ ที่ได้จัดตั้งไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมจัดงานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 49 เพื่อให้กลุ่มคาราวานคนจนเข้าตั้งที่พักค้างคืน แต่นายประชา ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว

เมื่อถามว่าหากกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชฯยืนยัน จะใช้สถานที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดฯ จัดเวทีวันที่ 28 เม.ย.จังหวัดฯจะทำอย่างไร นายประชา กลับรีบตอบทันทีว่า ก็ให้ลองดู ถ้ามีการตั้งเวทีก็ต้องมีการรื้อ แต่อย่าลืมว่าคนที่เขาอยู่เดิม คือ กลุ่มโอทอป มาจากทุกอำเภอทั้ง 26 อำเภอและ 6 กิ่งอำเภอของ จ.นครราชสีมา เขาจะยอมหรือเปล่า และหากมีการรุมกันเกิดขึ้น ก็คงเอาไว้ไม่อยู่ ห้ามก็คงห้ามไม่ทัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า งานโอทอปที่ทางจังหวัดฯจัดขึ้นระหว่าง 26 เม.ย.-2 พ.ค.ถือว่าเป็นการจัดงานแบบรีบเร่งและมีเงื่อนงำอย่างมาก โดยจังหวัดฯเพิ่งเรียกประชุมการเตรียมการจัดงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเมื่อวันที่ 24 เม.ย. เวลา 10.30 น.ที่ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ชั้น 1 รวมทั้งสั่งให้ทุกอำเภอระดมชาวบ้าน กลุ่มเกษตรกร นำสินค้าโอทอป พืชผักปลอดสารพิษ มาวางจำหน่ายภายในงาน รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ผู้ต้องขังทัณฑสถานฯ ก็เพิ่งได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ในวันเดียวกัน ให้จัดนำสินค้าเข้าร่วมจำหน่าย โดยที่ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อนว่าจะมีการจัดงานดังกล่าวขึ้น

**เชื่อจัดเวทีไม่มีปัญหา - เยือนถึงถิ่นชม.

ต่อประเด็นข้างต้น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ จะดูท่าทีกลุ่มภาคีคนชาวโคราชว่า จะยังเดินหน้าจัดเวทีต่อหรือไม่ แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ชุมนุมด้วยความสงบยึดหลักอหิงสา ขณะนี้ทราบว่าทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจากันอยู่ หากเปิดเวทีได้แกนนำก็พร้อมจะเข้าร่วม

ส่วนการจัดเวทีที่เชียงใหม่ ซึ่งจะกำหนดวันชัดเจนอีกครั้งในเร็วๆ นี้นั้น นายสมศักดิ์ พูดว่า กลุ่มพันธมิตรฯจะเดินหน้าต่อไป และไม่กลัว พร้อมทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลอย่างรอบด้านต่อไป

**คนอุดรประณามกลุ่มคนรักอุดร

วันเดียวกัน ที่ห้องฟ้าหลวง 1 โรงแรมนภาลัย "กลุ่มพลเมืองอุดรสร้างสรรค์สังคม" นำโดยนางเพลินพิศ โคตรทองหลาง, ทันตแพทย์หญิงสมบูรณ์ พันธ์ภู่, นายไพลวัณ คุณบุญเรือง แก้ววงศ์ และนายชูชาติ บูรรุ่งโรจน์ แถลงข่าวประณาม "กลุ่มคนรักอุดร" ที่ทำการชุมนุมปิดล้อมอาคารเฉลิมพระเกียรติ ม.ราชภัฏอุดรธานี เพื่อล้มเวทีเสวนาทางวิชาการของเครือข่ายพันธมิตรฯ และพยายามจะทำร้ายวิทยากร คือ นายสุริยะใส กตะศิลา และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เมื่อวันที่ 23 เม.ย.โดยมีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย 2 คนอยู่เบื้องหลังคือ นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล และนายธีระชัย แสนแก้ว

ตัวแทนกลุ่มพลเมืองฯ ระบุว่า การปิดล้อม กดดัน ข่มขู่ คุกคามด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายและพฤติกรรมอันป่าเถื่อน ซึ่งปรากฏต่อสายตาคนทั้งประเทศรวมทั้งทั่วโลกตามสื่อต่างๆ นั้น เป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้เกิดแก่ประชาชนชาวอุดรธานี ไม่ได้สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของชาติ ซึ่งเชื่อว่าคนอุดรส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าว

กลุ่มพลเมืองอุดรสร้างสรรค์สังคม จึงได้เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ 4 ข้อคือ 1.ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์รวมทั้งนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง, 2.ขอให้สื่อมวลชนสร้างความเข้าใจต่อประชาชนคนอุดรธานีและคนทั้งประเทศว่ามวลชนเหล่านี้เป็นเพียงกลุ่มคนเฉพาะกิจที่ไม่ใช่พฤติกรรมของคนอุดรธานีส่วนใหญ่ ซึ่งรักสงบ รักประชาธิปไตย มีเหตุผลและมีความใจกว้างต่อความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลายทางการเมือง

3. กลุ่มพลเมืองอุดรฯขอประณามการบุกรุกเข้าไปสร้างความวุ่นวาย เดือดร้อน เสียหายต่อสถานที่ราชการโดยเฉพาะมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะปัญญาของบัณฑิต ถือว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และ 4.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องมีผู้รับผิดชอบ

นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวในกลุ่มนักวิชาชีพแพทย์ ใน จ.อุดรธานีเตรียมที่จะยื่นหนังสือต่อแพทยสภา ในเรื่องของการให้ระวังและทบทวนในการใช้คำว่า "นายแพทย์" นำหน้าชื่อของนายวิชัย ชัยจิตวณิชกุล ด้วย

**มิ้ง โดดอุ้มหมอวิชัย

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการกระทำของ 2 ส.ส.พรรคไทยรักไทย ที่เป็นแกนนำในการปิดล้อมแกนนำพันธมิตรฯ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ว่า คนที่อยู่ในเหตุการณ์จะเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุด ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ที่เป็นคนกลางที่พยายามเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ตั้งแต่เช้าเป็นผู้รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าเรื่องนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัด จะต้องเป็นผู้ช่วยชี้แจง

เมื่อถามว่า ทางพรรคไทยรักไทยจะตรวจสอบพฤติกรรมของ ส.ส.ทั้งสองคนหรือไม่ รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ย้อนถามว่าจะให้ตรวจสอบในฐานะอะไร แล้วกล่าวต่อว่า สิ่งที่ปรากฏออกมาเป็นความเคลื่อนไหวของประชาชนที่แสดงออกภายใต้กฎหมาย เท่าที่ทราบผู้ว่าฯ ได้เชิญ ส.ส.ทั้งสองมาช่วยคลี่คลายและแก้ไขสถานการณ์ด้วยซ้ำ

ต่อข้อถามว่า เป็นการสมควรหรือไม่ที่ ส.ส.จะมาเป็นแกนนำในการปลุกระดมประชาชนให้ไปปิดล้อมอาคารที่เกิดเหตุ น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อกล่าวหา อยากให้ไปดูข้อเท็จจริง แล้วให้ความเป็นธรรม ใครทำอะไรถูกไม่ถูกก็ว่าไปตามนั้น ทุกคนมีวิจารณญาณที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้า ส.ส.ทั้งสองคนทำผิดกฎหมาย จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร รองเลขาธิการพรรค กล่าวว่า หากทั้งสองคนมีความผิดตามกฎหมายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะต้องจัดการ แต่ขณะนี้ยังไม่พบความผิดของทั้งสองคน ถ้าทำความผิดและเพิกเฉยต่อการทำหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อถามว่ายืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายหรือไม่ รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานของรัฐก็ต้องยึดกฎหมาย ยึดหลักการ บ้านเมืองก็อยู่ได้ ให้ความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคน

"สนธิ" ส่งทนายเลื่อนพบพนักงานสอบสวนครั้งที่ 2

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราม นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พินิต ศิริชัย หัวหน้าสำนักงานผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อยื่นหนังสือขอเลื่อนวันนัดเข้าพบพนักงานสอบสวน ในคดีที่นายสนธิถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ออกไปเป็นครั้งที่ 2

นายสุวัตร กล่าวว่า สาเหตุที่นายสนธิไม่สามารถเข้ารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนได้ในวันนี้ เนื่องจากติดภารกิจการปราศรัยของเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว หากยกเลิกจะทำให้เกิดความเสียหายต่อหลายฝ่าย โดยเฉพาะผู้จัดงาน และกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนนับหมื่นคนที่มารอคอยฟังการปราศรัย จึงขอเลื่อนนัดเข้าพบพนักงานสอบสวนออกไปเป็นวันที่ 17 พ.ค.นี้ ตามที่เคยแสดงเจตจำนงไว้เดิม

นายสุวัตร ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะไม่อนุญาตตามคำร้องที่ตนยื่นในวันนี้ และน่าจะเตรียมขออนุมัติหมายจับนายสนธิต่อศาลอาญา ซึ่งเรื่องนี้ตนได้เตรียมการไว้แล้ว โดยได้ยื่นหนังสือคุ้มครองสิทธิ พร้อมวีซีดีการให้สัมภาษณ์ของนายสนธิต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ไปเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา และในวันนี้ได้ยื่นหนังสือฉบับเดียวกันต่อประธานศาลฎีกา ทั้งนี้ เพื่อขอให้ตนได้มีโอกาสถามค้านพยานของพนักงานสอบสวน กองปราบปรามที่จะใช้เป็นหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับนายสนธิต่อศาลว่ามีเหตุผลเพียงพอ หรือไม่

นอกจากนั้น นายสุวัตรยังกล่าวถึงกรณีที่ 5 แกนนำพันธมิตรฯ มีกำหนดต้องเข้าพบกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ในวันที่ 28 เม.ย.ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตยว่า แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนก็ไม่น่าจะสามารถเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนได้เช่นกันเนื่องจากติดภารกิจต้องขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตร

นายสุวัตร ยืนยันว่า พันธมิตรทั้ง 5 คนจะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาได้ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ตามที่กำหนดไว้ แต่หากภารกิจเสร็จสิ้นก่อนกำหนดก็อาจจะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนกำหนด โดยจะไม่มีการบิดพลิ้วอย่างแน่นอน

ด้าน พ.ต.ท.พินิต ศิริชัย เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับหนังสือขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนจากทนายของนายสนธิ จากนี้ก็จะนำเสนอผู้บังคับการกองปราบปราม เสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อทำการพิจารณาต่อไป

**เปิดสมัชชาฯถกปฏิรูปการเมือง

นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (26 เม.ย.) เครือข่ายองค์กรประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมืองฯ เครือข่ายนักวิชาการฯ เครือข่ายสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง ร่วมกับพันธมิตรฯ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปการเมืองไทย ครั้งที่ 2 เป็นครั้งแรก ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีเนื้อหาหลัก คือ การรับฟังข้อเสนอกระบวนการและเนื้อหาการปฏิรูปการเมืองจากทุกภาคส่วนทั้งกลุ่มนักวิชาการ เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน และเครือข่ายพันธมิตรฯ ในนาม สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากภูมิภาคและจังหวัดต่างๆ รวมถึงการกำหนดจังหวะก้าวการเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการเมือง

นางเรวดี กล่าวว่า ต้องการให้เกิดการทำงานร่วมกันของภาคประชาชน ภาคสังคมและประชาคม โดยแนวคิดปฏิรูปการเมืองที่ไม่ได้ยึดกรอบเพียงแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่มองถึงเรื่องสิทธิ เสรีภาพ การมีส่วนร่วมและการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ การตัดสินใจในทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยข้อเสนอด้านเนื้อหาทั้งหมดจะผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือน

นางเรวดี กล่าวต่อว่า ในส่วนคณะบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องผ่านกระบวนการสรรหาในลักษณะคล้ายๆ กับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยมีคณะกรรมการกลางมาสรรหาตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ปฏรูปการเมืองก่อน และบุคคลที่จะเข้ามาต้องปราศจากการครอบงำทางการเมือง ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องทำฉบับเพียงแต่หยิบบางมาตราที่ต้องแก้เท่านั้น

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์