ชัดเจนในภารกิจหลัก

นับวันก็ยิ่งเห็นอาการโหดนิ่มๆของสองพี่น้อง “นักรบหมวกแดง”

มันต้องอ่านกันหลายๆชั้น กับการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ถ่างขาควบเก้าอี้ รมว.มหาดไทย พูดเป็นนัยให้ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกฯ พลิกบทจากพระเอก เล่นเป็นพระรอง ทำหน้าที่แค่ผู้ช่วย นั่นก็เพราะไม่ต้องการให้ภาพ “บิ๊กบัง” ที่จัดเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง ถูกสังคมแคลงใจตั้งท่าบล็อกพรรคพลังประชาชนชัดเจนเกินไป

เพราะสังคมไทยก็รู้ๆกันอยู่ “ชอบเชียร์มวยรอง”
คะแนนสงสารทำให้พลิกล็อกมานักต่อนัก

แต่ตามเกมก็อย่างที่เห็นกัน ยุทธศาสตร์ที่แฝงอยู่กับการตั้ง “บิ๊กบัง” เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ตามด้วยการแต่งตั้งให้นั่งประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง กัปตันทีมสกัดเครือข่ายอำนาจเก่า ประกอบกับการเคลื่อนไหวเดินสายของ “บิ๊กบัง” เดี๋ยวโผล่ที่กระทรวงมหาดไทย ให้นโยบายกับผู้ว่าราชการจังหวัด เดี๋ยวก็ไปแจมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ระดมเครื่องไม้เครื่องมือ วางเครือข่ายแน่นหนา... วันนี้ชัดเจนในภารกิจ

ทหารล้มเลิกยุทธศาสตร์ต่อท่ออำนาจในพรรคการเมือง “บิ๊กบัง” หยั่งกระแสแล้วถูลู่ถูกังไม่ไหว พับแผนลงสนามการเมือง มุ่งสกัดขั้วอำนาจเก่าสถานเดียว ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาล ไม่เกี่ยง แต่ต้องบล็อกเครือข่ายไทยรักไทยไม่ให้ได้เสียงเกิน 240 เสียง ครึ่งหนึ่งของสภาฯ 480 ที่นั่ง เบรกไม่ให้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ เพราะนั่นคือหนทางเดียวของพรรคพลังประชาชนที่จะบรรลุเป้าหมายทวงอำนาจคืน

“ใครจะเป็นรัฐบาลก็ได้ยกเว้นพรรคพลังประชาชน”
เมื่อยุทธศาสตร์ของผู้คุมเกมออกมาแบบนี้ ก็เป็นอะไรที่ฟลอร์เปิดกว้างสำหรับป้อมค่ายการเมืองที่เหลือ 


ชิงธงนำกันตามสบาย พรรคประชาธิปัตย์นั้นนิ่งแล้ว

แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค จะยืนท่องมอตโต้ “ประชาชนต้องมาก่อน” ผ่านสปอตวิทยุ โทรทัศน์ วันละ 3 เวลาหลังอาหาร แต่ก็คงไม่มีผลให้เปลี่ยนแปลงมากมาย  กับฐานต้นทุนที่ปักษ์ใต้ 50 ที่นั่งขึ้นไป ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ก็มีต้นทุน อดีต ส.ส.เก่ากระจายอยู่ทั่วไป ขณะที่ภาคอีสาน โอกาสลบปมด้อยยังยาก ตัวแปรจริงๆอยู่ที่สนามกรุงเทพฯ จากทั้งหมด 36 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ จะกวาดขี้หมูขี้หมา 26 เก้าอี้ อย่างที่ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค วางฟอร์มโตล่วงหน้าหรือไม่
 

เอาเป็นว่า ถ้าแป้กเวทีเมืองหลวง ประชาธิปัตย์ดันแต้มรวมได้ไม่ถึง 120 ที่นั่ง“อภิสิทธิ์” หวิวก็แล้วกัน

ยิ่งล่าสุด กับการมาแรงของพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดหน้าโชว์ตัวในเวทีประชุมใหญ่สามัญประจำปีนัดแรก ด้วยต้นทุนอดีต ส.ส.ในสังกัด “พินิจ จารุสมบัติ-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ” ยังมีคนของค่ายพลังประชาชนที่หนีเกมสกัดอำนาจเก่า แห่ไหลเข้าไม่หยุด กองกำลังหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในพื้นที่ปักษ์ใต้ฐานเสียงต้นทุนของพรรคประชาธิปัตย์เองก็เถอะ การได้ “หมอแว” นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตผู้ต้องหาคดีเจไอสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย มาพร้อมทีมงานของทนายสมชาย นีละไพจิตร ลงเจาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ให้พรรคเพื่อแผ่นดิน

งานนี้ประชาธิปัตย์ลบหนึ่งที่นั่งเป็นอย่างต่ำ


โดยเฉพาะกับการแบะท่าของนายพินิจ ระบุมีความเป็น ไปได้ที่ในอนาคตจะมีการเจรจาความร่วมมือกัน โดยเฉพาะพรรคชาติไทยของนายบรรหาร ศิลปอาชา และพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ  รวมติดเมื่อไหร่ สมการการเมืองพลิกได้ก็แล้วกัน.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์