ชาวบ้านต้องกลับไปดูแล ควาย เหตุอยู่ฟัง สมัคร ปราศรัยน้อย

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.)  แถลงถึงการประเมินผลการเปิดปราศรัยในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อวันที่ 25 กันยายน ว่า ต้องขอบคุณแม่ทัพภาค 2 เพราะได้รับความร่วมมือส่งทหารมาอำนวยความสะดวก รวมทั้งทางมหาดไทยก็อำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้มาฟังปราศรัยเป็นจำนวนมาก แม้จะมีเสียงข่มขู่ตามมาว่าจะมีการเอาผิดการปราศรัยครั้งนี้ย้อนหลัง พรรคพลังประชาชนก็ยืนยันว่าได้ทำตามกฎหมายทุกประการ
'หลายๆ คนอาจจะมองว่าในช่วงที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรรคหลังประชาชน กล่าวปราศรัยนั้นพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่งได้ทยอยเดินทางกลับ ซึ่งพรรคได้ประเมินและขอชี้แจงว่าการที่พี่น้องประชาชนทยอยเดินทางกลับนั้นเนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นฤดูของการทำนา เมื่อถึงเวลาเย็นประชาชนจำนวนมากก็มีความเป็นห่วงสัตว์เลี้ยง วัว ควาย จึงจำเป็นที่จะต้องกลับไปดูแล เพราะแต่ละคนมาจากสถานที่ที่ไกลออกไปจากที่ปราศรัย จึงจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับ  และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็ได้รับการแจ้งว่าพี่น้องภาคอีสานไม่ได้ประสงค์ที่จะรับฟังข้อมูลอะไรมาก เพียงแต่อยากมาให้เห็นหน้า เมื่อเห็นหน้ากันแล้วก็เดินทางกลับ ซึ่งพรรคพลังประชาชาชนจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงเรื่องระยะเวลา เพราะการปราศรัยครั้งนี้ประชาชนมารอตั้งแต่เวลาเที่ยงกว่าๆ อาจจะต้องปรับกระบวนต่างๆ ให้กระชับ และใช้เวลาช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง' ร.ท.กุเทพ

เหมือนการจัดตั้งประชาชนมาฟังปราศรัยอย่างที่บางฝ่ายออกมากล่าวหา แต่ที่พรรคพลังประชาชนสังเกตเห็นและต้องระวังคือการจัดคนมาประท้วง ต่อต้าน ถือป้ายที่มีข้อความหยาบคาย อันเป็นผลพวงจากการต่อต้านรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งคงจำได้ว่าครั้งหนึ่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เดินทางไปฟังปราศรัยในพื้นที่ภาคเหนือก็มีผู้ต่อต้านและทำให้เกิดคะแนนสงสาร แต่พรรคพลังประชาชนไม่ประสงค์ให้เป็นอย่างนั้น เราจึงหลีกเลี่ยงและจะมีการระวังในทุกจังหวัดที่จะมีการเปิดปราศรัย
 
โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวต่อว่า

นอกจากนี้ การแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมัครและนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ของเครือข่ายพลังแผ่นดินนั้น หากเห็นว่าพรรคพลังประชาชนทำผิดกฎหมาย เราก็ยินดีสู้ตามกระบวนการ แต่อยากจะตั้งข้อสังเกตว่าที่จังหวัดบุรีรัมย์มีนักการเมืองอยู่ในเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อยู่ร่วมในพรรคประชาราช ดูแลการเคลื่อนไหวอยู่ จึงไม่แปลกที่มีการต่อต้าน