สุรยุทธ์ นำมวลชน 5 หมื่นเดินรณรงค์

หลายฝ่ายยิ่งเร่งเครื่องรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ ล่าสุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นำกลุ่มมวลชนกว่า 5 หมื่นคน เดินรณรงค์ในงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” ขณะที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปรยในเชิงตำหนิสื่อโทรทัศน์ไม่ให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์

“สุรยุทธ์” นำมวลชนรณรงค์ประชามติ

เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 13 ส.ค. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” โดยมีคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ อาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย (อสพป.) นักเรียน นิสิตนักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่าจาก กทม.และ 17 จังหวัดภาคกลาง รวมจำนวนกว่า 5 หมื่นคน พร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ได้เดินนำขบวนจากลานพระบรมรูปทรงม้า ผ่านเทเวศร์ บางลำพู เข้าถนนราชดำเนินที่แยกคอกวัว ก่อนไปสิ้นสุดที่ปะรำพิธีบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ปักธงไม่ซื้อสิทธิขายเสียง

จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวปราศรัยว่า การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทยในระยะเวลาต่อไป อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับการไปลงประชามติของพี่น้องคนไทย แต่ไม่ว่าผลการลงประชามติ จะเป็นอย่างไร ก็ถือว่าเป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่แท้จริงของคนส่วนใหญ่ จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีสิทธิออกเสียงทุกคนให้ไปใช้สิทธิลงประชามติในวันที่ 19 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ อยากให้ร่วมกันกำหนดอนาคตของชาติโดยใช้วิจารณญาณของตนเอง ไม่หลงเชื่อผู้ไม่หวังดีที่พยายามใช้อำนาจเงินหรือความพยายามอื่นเพื่อขัดขวางไม่ให้การออกเสียงประชามติเป็นไปโดยสุจริตยุติธรรม

ต่อมา พล.อ. สุรยุทธ์ นำผู้เข้าร่วมพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ

โดยมีนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย นายบัญญัติ จันทน์เสนะ และ พล.ต.ท.ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ รมช. มหาดไทย ได้มอบธงชาติไทย ธงปฏิญญา และธง อสพป. ให้กับ พล.อ.สุรยุทธ์ นำไปปักลงบนแท่นพิธี ซึ่ง พล.อ. สุรยุทธ์นำผู้เข้าร่วมพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณว่า “ข้าพเจ้า... ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณว่า จะจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และจะร่วมกันพัฒนาประชาธิปไตย ให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมและเป็นไทยตลอดไป”

หลังเสร็จพิธี พล.อ.สุรยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ มีการสร้างกระแสว่า หากใครรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ลงคะแนนในช่องไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และหากใครรัก คมช.ก็ให้ลงคะแนนในช่องรับร่างว่า คงไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ และการลงประชามตินั้น

หากประชาชนส่วนใหญ่ ออกมาใช้สิทธิจะเป็นประโยชน์

จะแสดงให้เห็นว่าได้รับทราบและเข้าใจการลงประชามติ ไม่ได้เป็นเรื่องของทาง การเมือง ผู้สื่อถามว่าการที่นำชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณกับคมช.มาเปรียบเทียบระหว่างรับกับไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เหมาะสมหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ตนเพียงทำหน้าที่ที่อยากจะให้ประชาชนมาใช้สิทธิลงประชามติเท่านั้น ไม่ได้มองในเรื่องประเด็นทางการเมือง

ปัดยกเลิกกฎอัยการศึก

ต่อข้อถามว่า ได้ตรวจสอบข่าวการใช้เงินบ่อนจากต่างประเทศมาล้มรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ คิดว่าประชาชนเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรกัน เรื่องของการใช้เงินก็เป็นเรื่องของผู้ที่มองการเมืองในลักษณะหนึ่ง แต่ยังอีกนานที่คิดว่าการเมืองของไทยจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องการใช้เงิน ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มีการประกาศกฎอัยการศึกในบางพื้นที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวณรงค์ให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ไม่มีผล เพราะไม่ได้ไปจำกัดสิทธิในการดำเนินงาน เมื่อถามว่า ก่อนการเลือกตั้งจะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ที่ไม่ใช่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พล.อ. สุรยุทธ์ตอบว่า คงจะต้องดูเรื่องของความมั่นคงกันก่อน

“ป๋าเปรม” ติงทีวีไม่ช่วยประชาสัมพันธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่คลื่นมหาชนที่ไปร่วมงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” เคลื่อนขบวนออกจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น มีกลุ่มคนประมาณ 50 คน แยกตัวเดินทางไปที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อมอบจดหมายและกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยมี พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ ออกมารับจดหมายและกระเช้าดอกไม้แทน

ทั้งนี้ พล.ร.ท. พะจุณณ์กล่าวว่า สาเหตุที่ พล.อ.เปรมไม่ออกมารับหนังสือด้วยตัวเอง

เพราะไม่มีการประสานงานมาล่วงหน้า ทำให้เกิดความขัดข้องบางอย่าง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า พล.อ.เปรมได้ติดตามการถ่ายทอดสดงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” ทางโทรทัศน์ช่องต่างๆ แต่ไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องใดถ่ายทอดสด จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์งานนี้ และอยากให้มีโทรทัศน์สักช่องหนึ่งถ่ายทอดสดให้ประชาชนดู ซึ่งสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ถ่ายทอดสดแค่ในช่วงสายที่นายกรัฐมนตรีนำกล่าวคำปฏิญาณตนเท่านั้น..