ทรท.เก่าเฮ สมัครซบ พปช. ใกล้เปิดตัว

ทรท.เก่าเฮ สมัครซบ พปช. ใกล้เปิดตัว


หลังจากที่หลายฝ่ายต่างจับตาดูว่าอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จะหันเหไปสมัครพรรคอะไรและจะเอาใครมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น ล่าสุดนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทยและอดีตผู้ว่าฯ กทม. ได้ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนแล้ว โดยอดีต ส.ส.ไทยรักไทยมั่นใจว่านายสมัครจะรับเป็นหัวหน้าพรรคด้วย 


“สมัคร” ซุ่มเงียบสงวนท่าที
 


สำหรับความเคลื่อนไหวของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทย และอดีตผู้ว่าฯ กทม.นั้น วันที่ 31 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดทั้งวันนายสมัครยังคงเก็บตัวเงียบ สงวนท่าที โดยบรรยากาศบริเวณบ้านพักภายในหมู่บ้านโอฬาร 2 ถนนนวมินทร์ เต็มไปด้วยความเงียบเหงา ไม่มีบุคคลใดเข้าพบ โดยเด็กในบ้านแจ้งกับสื่อมวลชนที่ไปสังเกตการณ์ว่านายสมัครยังไม่เดินทางกลับจากต่างจังหวัด 


“สุมิตร” สานต่อพรรคพี่พรรคน้อง


ขณะที่นายสุมิตร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย น้องชายนายสมัคร กล่าวว่า ได้พูดคุยกับพี่ชายแล้วเป็นไปตามกระแสข่าว ที่คนเขารู้กันทั่วไปหมดแล้ว สำหรับพรรคประชากรไทย ตนยังคงเป็นหัวหน้าพรรคและเดินหน้าทำงานการเมืองต่อ เหมือนเป็นพรรคพี่พรรคน้อง และจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้านี้ เมื่อถามว่าเป็นห่วงพี่ชายหรือไม่เพราะมีเสียงวิจารณ์มากว่าอาจก่อให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างสองขั้วอย่างรุนแรง นายสุมิตรตอบว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิของนายสมัครที่จะลงมาใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทางการเมืองมาทำงานในสนามการเมือง ส่วนใครจะวิจารณ์อย่างไรก็ปล่อยไป


“สมัคร” เข้าพลังประชาชนแล้ว


วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่อาคารไอเอฟซีที นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มไทยรักไทย แถลงว่า ล่าสุด นายสมัคร สุนทรเวช ตกลงใจจะร่วมดำเนินการทางการเมืองกับกลุ่มไทยรักไทยแล้ว และได้ฝากใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนมากับแกนนำกลุ่มไทยรักไทยที่ไปทาบทามด้วย ต้องใช้เวลาสักระยะในการมาร่วมประชุมกับทางกลุ่ม เพราะต้องรอให้กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนชุดปัจจุบันประชุมกันก่อน ต่อข้อถามว่าเป็นการทาบทามให้มานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชาชนใช่หรือไม่ นายแพทย์สุรพงษ์ ตอบว่า เป็นการทาบทามให้มาร่วมงานกับกลุ่มไทยรักไทย ส่วนเรื่องอื่นอยู่ในขั้นตอนต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ ทาบทาม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาร่วมงานกับทางกลุ่มด้วยหรือไม่ นายแพทย์สุรพงษ์ตอบว่า ยังไม่ได้รับคำตอบจาก พล.อ.ชวลิตว่าจะมาร่วมงานกับกลุ่มเราหรือไม่ ต้องให้เวลาในการตัดสินใจ


ไม่ใช่เรื่องสำคัญว่าขัดแย้งกับใคร


ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาร่วมงานครั้งนี้ นายสมัครยื่นเงื่อนไขอะไรหรือไม่ นายแพทย์สุรพงษ์ตอบว่า ยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับนายสมัคร จึงไม่ทราบรายละเอียด นายสมัครเองติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด ภายในสัปดาห์หน้าจะนัดคุยกันกับผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เกรงว่าคดีรถดับเพลิงจะมีปัญหากับนายสมัครหรือไม่ นายแพทย์สุรพงษ์ตอบว่า คดีนี้เป็นเพียงข้อกล่าวหาของ คตส. เชื่อว่านายสมัครพร้อมจะต่อสู้ แก้ข้อกล่าวหา ต่อข้อถามว่า นายสมัครเคยวิพากษ์วิจารณ์ ประธานองคมนตรีจะทำให้มีปัญหาในอนาคตหรือไม่ นายแพทย์สุรพงษ์ตอบว่า ขณะนี้กระแสตอบกลับมามีหลายด้าน แต่เราไม่ได้มองว่าปัญหาการวิจารณ์ประธานองคมนตรีจะทำให้มีข้อจำกัดอะไร หากใครมีกำลังใจทำงานให้บ้านเมืองก็ไม่ควรแยกเขาแยกเรา ใครจะขัดแย้งกับใครในอดีตมิใช่ประเด็นสำคัญ 


ปัดไม่รู้เรื่องผู้ใหญ่ทาบสมัคร
 


ต่อข้อถามว่า สมาชิกของกลุ่มไทยรักไทยบางคนยังต้องการ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาร่วมงานกับกลุ่ม นายแพทย์สุรพงษ์ตอบว่า ยังคาดหวังว่าจะมีผู้อาวุโสคนอื่นมาร่วมงานด้วย รวมทั้ง พล.อ.ชวลิต แต่วันนี้เพิ่งเริ่มต้นของการมีที่อยู่ของกลุ่ม คงต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ให้ทุกอย่างมีความชัดเจน ส่วนนายสมัครจะถูกข้อจำกัดในเรื่องรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการตรวจสอบกับนายสมัครในเรื่องพวกนี้ จากนี้ไปกลุ่มไทยรักไทยจะทำงานอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา สง่างาม คาดว่าข่าวที่ว่าจะมีการสกัดกั้นกลุ่มไทยรักไทยคงเป็นแค่ ข่าวลือเท่านั้น เชื่อว่าผู้มีอำนาจเองก็คงอยากให้ประชาชนมีทางเลือกมากๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะคนเดือนตุลาฯกับนายสมัครดูจะขัดกันมาก่อนในแง่คิด นายแพทย์สุรพงษ์ ตอบว่า ควรอยู่กับปัจจุบันและมองไปในอนาคต ถ้ามุ่งพัฒนาประชาธิปไตย ไม่ว่าพื้นเพจะเป็นอย่างไรก็น่าจะ ร่วมมือกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จริงหรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ต่อสายทาบทามนายสมัครด้วยตัวเอง

นายแพทย์สุรพงษ์ ตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ใช่ผู้ที่ไปทาบทามนายสมัครด้วยตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้ชื่อพรรคพลังประชาชนเป็นชื่อหลักในการหาเสียงเลยหรือไม่ นายแพทย์สุรพงษ์ ตอบว่า ในกลุ่มยังมีคนต้องการให้จดทะเบียนพรรคใหม่ ต้องรอดูว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ หากผ่านจะมาคุยกันเรื่องนี้อีกครั้ง ทั้งนี้ ในส่วนสมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิมที่มี 14 ล้านคนนั้น จะต้องเต็มใจไปสมัครพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง คิดว่าเวลาจำกัดคงจะได้ สมาชิกน้อยไม่เท่าเดิม


“ป๊อก” ฟันธงทุกคนล้วนมีตำหนิ
 


ด้านนายปองพล อดิเรกสาร สมาชิกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ทั้งนายสมัคร สุนทรเวช และ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ มีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เพราะเป็นผู้อาวุโสทางการเมือง และเคยเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งคู่ ส่วนที่มองว่านายสมัคร เคยเปิดศึกกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น หากใครจะวิจารณ์จุดนี้ก็วิจารณ์ได้หมด หัวหน้าพรรคทุกคนก็มีจุดตำหนิกันทั้งนั้น แต่ครั้งนี้เป็นการเลือกหัวหน้าพรรค ไม่ได้เลือกสมเด็จพระสังฆราชและโดยเฉพาะการเมืองในปัจจุบันมีความเข้มข้น โหดเหี้ยมจึงควรได้ผู้ที่รู้ทัน สำหรับพรรคพลังประชาชนต้องได้ผู้นำที่เข้มแข็ง ซึ่งจุดเด่นของนายสมัครนั้นมีหลายเรื่องโดยเฉพาะการปราศรัยที่คนทั่วไปชอบในลีลาการพูด 


รับดึง “สมัคร” ช่วยพรรคยามยาก


ทางด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆแล้วมีผู้หลักผู้ใหญ่กว่าตนได้ไปทาบทามนายสมัครไว้ก่อนที่พวกตนจะไปหารือ เป็นเรื่องที่ดีในยามที่เรายากลำบาก แต่ได้รับความกรุณาจากท่าน ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ทางการเมือง รู้ซึ้งถึงประวัติศาสตร์ทางประชาธิปไตยมา อย่างยาวนาน และได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองมาก็มาก แต่ความชัดเจนทั้งหมดขอให้รอฟังจากนายสมัครเอง 


วอน คมช.เลิกระแวงขั้วเก่าสางแค้น
 


คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงกรณีที่ประธาน คมช. ระบุว่า อดีตสมาชิกไทยรักไทยย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนเป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อดิ้นหนีเอาตัวรอดว่า วันนี้ถือว่า กลุ่มไทยรักไทยเดิมเพิ่งเริ่มตั้งไข่ หาบ้านใหม่อยู่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โดนกลั่นแกล้งสารพัด เท่าที่ได้ให้คำปรึกษาแก่แกนนำพรรครุ่นใหม่คิดว่า จะชูเรื่องการสร้างความสงบ สุขและความสมานฉันท์ ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำ คมช. เกรงขั้วอำนาจเก่าจะกลับมาแก้แค้น คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ขอให้เลิกกังวลได้แล้ว ที่ผ่านมาแม้มีสมาชิกบางคนพูดอย่างนั้น แต่ก็เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่มีการแก้แค้นใดๆทั้งสิ้น เวลานี้เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ แม้แต่จะตั้งพรรค เองยังไม่ได้ ต้องไปขอพรรคอื่นอยู่ ขอให้จบแล้วหันหน้า ต่างคนต่างทำหน้าที่ เร่งคืนประชาธิปไตยให้ประชาชน จัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า เมื่อต้องการ สร้างความสงบ แต่เหตุใดยังเดินหน้าคว่ำรัฐธรรมนูญ

คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า  แม้จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับใดก็ต้องมีการเลือกตั้งอยู่ดี แต่มีหลายประเด็นที่เอื้ออำนวยต่อการสืบทอดอำนาจ เราจึงไม่เห็นด้วย อยากให้กลับไปใช้ รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ประชาชนมีส่วนร่วมร่าง และเป็นฉบับ ที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดมาใช้ ดังนั้น ผู้มีอำนาจอย่า ไปหลอกประชาชนว่า ต้องผ่านรัฐธรรมนูญปี 50 เท่านั้นถึงจะมีการเลือกตั้ง ขอให้ประชาชนเขาได้ตัดสินใจกันเอง 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์