กลุ่มไทยรักไทยลงมติเอกฉันท์ ย้ายไปสังกัดพรรคพลังปชช.

กลุ่มไทยรักไทยลงมติเอกฉันท์ ย้ายไปสังกัดพรรคพลังปชช.

28 กรกฎาคม 2550 15:06 น.
นพ.สุรพงษ์ ระบุ ที่ประชุมสมาชิกกลุ่มไทยรักไทย ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหากร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ผ่านประชามติ


(28กค.) เวลา 13.30 น.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มไทยรักไทย และพ.ต.ท. กานต์ เทียนแก้ว ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประ ชาชน แถลงข่าวผลการประชุมอดีตส.ส.และผู้สมัครส.ส.300คน ในการที่กลุ่มไทยรักไทยจะไปเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนเป็นเอกฉันท์

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญอดีตส.ส.และผู้สมัครส.ส.กลุ่มไทยรักไทยมาประชุมหลังผู้บริหารกลุ่มหารือกันแล้วเมื่อวันที่ 25ก.ค.ว่า หากประชามติไม่ผ่าน คมช.และครม.จะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดมาใช้ก็ได้ หากมีการระบุว่าจะเลือกตั้งวันที่ 16 ธ.ค. กลุ่มต้องสมัครส.ส.ก่อนวันที่2พย. แกนนำกลุ่มได้แบ่งหน้าที่ไปศึกษาทางเลือกไว้หลายทาง และได้ข้อสรุปว่ากลุ่มไทยรักไทยจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคที่จดทะเบียนกับกกต.ไว้แล้ว เพราะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดโดยพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกับพรรคไทยรักไทยคือพรรคพลังประชาชนที่ตั้งขึ้นหลังการปฏิรูปการเมืองคือช่วงปี2541 เพราะพรรคส่งผู้สมัครส.ส.และผู้ว่าฯกทม.และจัดกิจกรรมทางการเมืองมาตลอด และมีความโปร่งใสในการทำงาน โดยมีการตรวจสอบบัญชีกับกกต.ที่ครบถ้วน พรรคนี้มีนโนบายสร้างรัฐสวัสดิการ การแก้ไขความยากจน สิ่งแวดล้อม โดยกลุ่มมีมติเอกฉันท์เห็นพ้องว่าจะไปเป็นสมาชิกพรรคนี้

นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ที่ประชุมพูดกันว่าอดีตส.ส.บางคนไม่สะดวกในการเดินทางมาสมัครในวันนี้ แต่แจ้งความจำนงไว้แล้ว และในวันที่30ก.ค.จะมาดำเนินการสมัครกับฝ่ายทะเบียนของกลุ่ม คาดว่าผู้สมัครจะเพิ่มขึ้นอีก การดำเนินการขั้นตอนไปคือ กรรมการบริการพรรคประชาชนจะประชุมกันในช่วงบ่ายวันนี้เพื่อพิจารณารับสมาชิกใหม่และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยจะแจ้งกกต.ให้ทราบเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรคไปแล้วและรอคำตอบอยู่ ส่วนหัวหน้าพรรคนั้น จะเป็นหัวหน้าพรรคคนเดิมคือ โดยกลุ่มและพรรคพลังประชาชนยังไม่ได้คุยเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรคแต่อย่างใด และเมื่อกลุ่มไปเป็นสมาชิกพรรคนี้ กลุ่มก็จะทำตามนโยบายพรรคพลังประชาชนไปก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในภายหลัง ส่วนกรอบเวลาและที่มาของหัวหน้าพรรคนั้น ในวันนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะวันนี้ต้องทำให้ระบบสมาชิกภาพพรรคเกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยหารือเรื่องอื่นๆกันอีกครั้ง คาดว่าน่าจะเป็นช่วงต้นเดือนสค. ทั้งนี้ที่ประชุมยังมีความกังวลว่า ผู้มีอำนาจบางคนอาจขัดขวางการที่กลุ่มจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคนี้ด้วย แต่ขอให้อย่ากลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะกลุ่มดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

เมื่อถามว่า การย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชาชนจะกระทบฐานเสียงหรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า การเมืองยุคใหม่ ชื่อพรรคอาจไม่สำคัญที่สุดที่จะได้รับความนิยมจากประชาชน เพราะผู้บริหารพรรคและนโยบายจะมีความสำคัญกว่าชื่อพรรค และเชื่อว่าประชาชนจะยอมรับ เมื่อถามว่ากิจกรรมและการรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ2550 นั้น กลุ่มและพรรคกิจกรรมจะลงพื้นที่หรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า หลังสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน กลุ่มไทยรักไทยก็หารือกันว่าตั้งแต่วันนี้-19สค.จะลงพื้นที่รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เช่นเดิม เพราะเป็นวาระสำคัญของชาติ เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลสองด้าน และจะชี้แจงเรื่องการสังกัดพรรคพลังประชาชนไปพร้อมๆกันด้วย แต่คิดว่าประชาชนน่าสนใจ

เมื่อถามว่า ตอนนี้คู่แข่งทางการเมืองเดินหน้าไปมากแล้ว กลุ่มและพรรคเพิ่งจะรวมตัวกัน แล้วจะต่อสู้ได้หรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้กลุ่มก็จะพิจารณาผู้สมัครส.ส.ไปด้วย ส่วนนโยบายพรรคนั้น อย่าลืมว่าในช่วงเดือนต.ค.2549 อดีตพรรคไทยรักไทยก็เตรียมนโยบายพรรคไว้พอสมควร และในช่วงหลังการรัฐประหาร นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคก็เตรียมการศึกษานโยบายต่างๆไว้แล้วเช่นกัน หากพ้นวันที่ 19ส.ค.กลุ่มและพรรคพลังประชาชนก็พร้อมรณรรงค์เลือกตั้งต่อไป ส่วนความคาดหวังว่าพรรคพลังประชาชนจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า กลุ่มและพรรคพร้อมเลือกตั้งและจะไม่บอยคอต แต่ก็ยังกังวลเช่นกันว่า จะมีการสกัดกั้นพรรคแน่นอน เพราะผู้ที่มีอำนาจบางคนไม่อยากให้อดีตพรรคไทยรักไทยกลับมาทำงานการเมือง แต่เชื่อว่าพรรคพลังประชาชนนำเสนอนโยบายที่ประชานต้องการ และเชื่อมั่นผู้บริหารพรรคชุดใหม่ว่าจะผลักดันนโยบายได้จริง ประชาชนก็จะสนับสนุน และผลการสำรวจก็ทำให้เราเชื่อมั่นเต็มที่

เมื่อถามว่า ที่ประชุมหารือเรื่องประชามติที่อาจจะผ่านหรือไม่ และหากผ่านจะกลับไปตั้งพรรคเองหรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้คุยเรื่องหากประชามติผ่านแล้วจะกลับมาตั้งหรือใช้ชื่อพรรคที่เตรียมไว้ กลุ่มหารือและได้ข้อสรุปเพียงว่าจะเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ส่วนประชามติที่อาจจะผ่านนั้นไม่ได้คุยและมันเป็นเรื่องอนาคต

ด้านพ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า ยินดีที่กลุ่มไทยรักไทยให้เกียรติมาร่วมงานกับพรรคพลังประชาชน ตนรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ปัญหาต่างๆในประเทศจะสงบ บ้านเมืองจะได้เกิดความสมานฉันท์ เพราะปีนี้เป็นปีมหามงคลด้วยแล้วนั้น การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นอย่างสงบ และเกิดการต่อสู้ทางการเมืองแบบยุติธรรมเพื่อให้ได้ส.ส.มาบริหารประเทศต่อไป สิ่งที่หารือกันในวันนี้คือ พรรคพลังประชาชนมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะสานต่อนโยบายพรรคไทยรักไทยที่ถูกกฎหมายและเป็นประโยชน์กับประชาชน เพื่อใช้หนี้แผ่นดินและความสงบสุขสมานฉันท์ ฉะนั้นขอให้ประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรคไทยรักไทยก็ขอให้มาสนับสนุนพรรคพลังประชาชน

“วันนี้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคจะประชุมกันเพื่อขอแจ้งวาระว่าได้รับสมาชิกใหม่ รวมทั้งจะแจ้งย้ายที่ทำการพรรคจากดอนเมืองไปยังวังทองหลาง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะแจ้งไปยังกกต.ในสัปดาห์หน้าทันที จะรอช้าไม่ได้เพื่อแสดงความจริงจังทางการเมือง จากนั้นพรรคก็จะทำงานทันที ส่วนการโดนครหาว่าพรรคโดนกลุ่มไทยรักไทยเทคโอเวอร์นั้น ของอย่างนี้มันอยู่ที่ความไว้วางใจ พรรคต่อสู้ทางการเมืองมาตลอด10กว่าปี ผมเคยลงสมัครผู้ว่ากทม.มาแล้วและแข่งกับนายสมัคร สุนทรเวช ที่ผ่านมาพรรคได้ส.ส.3คนในการเลือกตั้งภาคใต้เมื่อ2เมย.49 และยังได้คะแนน3แสนคะแนน ฉะนั้นพรรคก็เป็นสถาบันทางการเมืองเช่นกัน”พ.ต.ท.กานต์กล่าว

พ.ต.ท.กานต์กล่าวว่า พรรคมีเป้าหมายว่าประชาชนมีความสุข ประเทศมั่นคง เศรษฐกิจดี เน้นการรักษาความยุติธรรมทุกด้าน โดยเฉพาะการลงสมัครส.ส.ที่ต่อเป็นธรรม ตนเคยลงสมัครส.ส.และผู้ว่าฯกทม.มาแล้วก็เข้าใจว่าผู้สมัครต้องมีสนามเลือกตั้ง โดยต้องไปสู้กันในทางเปิดเผยแบบสมน้ำสมเนื้อ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน หากมีการทำผิดกฎหมาย กรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบและพรรคจะโดนยุบ จึงขอให้สมชิกพรรคพลังประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายด้วย

พ.ต.ท.กานต์กล่าวว่า ได้สอบถามประชาชนแล้วพบว่า มีความสุขกับนโยบายรัฐสวัสดิการที่พรรคไทยรักไทยเคทำไว้ และสอดรับกับสิ่งที่พรรคเน้นนโยบายในด้านปัจจัยสี่ ประชาชนมีเงินใช้ มีงานทำ หากผู้นำการเมืองเก่ง ประชาชนก็จะลืมตาอ้าปากได้ ส่วนผู้นำพรรคคนใหม่นั้น ต้องหารือกันก่อนและต้องรอราชกิจจานุเบกษาในร่างพรบ.แก้ไขปรับปรุงประกาศคปค.ฉบับที่15มีผลบังคับใช้เสียก่อน

ผู้สื่อชข่าวารายงานว่า พรรคพลังประชาชนนั้น ก่อตั้งเมื่อปี2541 หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันคือนส.สุภาพร เทียนแก้ว เลขาธิการพรรคคือนส.ปิยะรัตน์ เทียนแก้ว พรรคนี้เคยลงสมัครส.ส.2เมย.2549มาแล้วในภาคใต้
 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์