อานันท์-ชวนประสานเสียงเตือนคมช. อย่าสืบทอดอำนาจ

"อานันท์-ชวน"ประสานเสียงเตือนคมช. อย่าสืบทอดอำนาจ ชี้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมประชาชนไม่ยอมรับ


อานันท์ชี้รัฐประหารโดยอุบัติเหตุ

สำหรับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้น นายอานันท์ มองว่า ไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมปี 2540 ไม่ดี แต่เกิดจากกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และตัวบุคคล ซึ่งแตกต่างจากในอดีต เนื่องจากเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุที่เหตุการณ์พาไป ฉะนั้นการจะไม่ให้เกิดรัฐประหาร ก็อย่าปล่อยให้เรื่องการเมืองเป็นของรัฐบาลหรือพึ่งรัฐธรรมนูญอย่างเดียวแต่ต้องเป็นเรื่องของประชาชนทุกคน

"รัฐธรรมนูญทุกฉบับในอดีตจะเขียนไว้เสมอว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งคำๆนี้ในความเป็นจริง ไม่เคยปฏิบัติได้"นายอานันท์ กล่าว

แนะ4เสาหลักสร้างประชาธิปไตย และว่าการสร้างประชาธิปไตยก็เหมือนกับการสร้างบ้านต้องมีเสาเอก 4 เสา คือ


1. ต้องมีหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สังคมจึงจะมีความยุติธรรมมากขึ้น
2. ต้องเป็นสังคมเปิดเผย ประชาชนต้องเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และมีส่วนร่วมทุกการตัดสินในนโยบายต่างๆของรัฐบาล
3.องค์กรตรวจสอบต้องประกอบด้วยบุคคลที่สุจริต โปร่งใส ไว้ใจได้
4. สร้างประชาสังคม ให้ประชาชนพึ่งพาตัวเอง ไม่ใช่พึ่งพาแค่ข้าราชการหรือศาล และต้องมีปฏิสัมพันธ์กันทั้ง 4เสาหลักถ้าดูแลให้ดีจะทำให้เสาต้นอื่นเป็นธรรมไปด้วย"นายอานันท์กล่าว

ชมคมช.แต่อย่าคิดสืบทอดอำนาจ

นายอานันท์ยังกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ว่ามีความตั้งใจดีที่จะปฏิรูปการปกครองให้เข้าสู่ประชาธิปไตยแม้จะรู้สึกว่าบุคคลเหล่านี้ยังขาดความเข้าใจที่ลึกซื้งในเรื่องดังกล่าวแต่การนำเสียงท้วงติงมาปรับปรุงการทำงานก็เป็นสิ่งที่ดีและมั่นใจว่าด้วยวิวัฒนาการทางการเมืองประชาชนจะไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจทั้งโดยตรงและโดยอ้อม

"ชวน"ถล่มยุคแม้วเลวร้ายที่สุด


ด้านนายชวน หลีกภัย อดีตนายรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤตที่นำมาสู่ปฏิวัติรัฐประหารไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 49 แต่เกิดขึ้นมาก่อนเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ถ้าดูเหตุผลในการปฏิวัติจะเห็นว่าเหมือนกับสิ่งที่ตนเคยอภิปรายในคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราได้รัฐบาลที่มาจากการทุจริตการเลือกตั้งเพราะเมื่อทุจริตแล้วก็ต้องสร้างหลักป้องกันตัวเองในทุกองค์กร

"75 ปีของประชาธิปไตยไทยที่ผ่านมา มีทั้งสิ่งที่ดีงาม และสิ่งที่เลวร้ายตามมา แต่สิ่งที่เลวร้ายมีมากกว่า จนกลายเป็นวิกฤติที่สุด ฝ่ายนิติบัญญัติพัง ฝ่ายบริหารคุมอำนาจคนเดียว องค์กรข้าราชการเป็นเครื่องมือบริษัท องค์กรอิสระเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ตรวจสอบไม่ได้ เหลือแต่องค์กรตุลาการ นอกนั้นสั่งได้หมด องค์กรสื่อทีวี วิทยุ ก็ถูกครอบงำทั้งหมด เหลือแค่สื่อสิ่งพิมพ์เพียงไม่กี่ฉบับ ที่สุดฐานที่ค้ำจุนความมั่นคงประชาธิปไตยก็พังทลายทั้งหมด จนเกิดวิกฤตินำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดของไทย ดังนั้นถ้าหากไม่อยากให้วิกฤติเกิดขึ้น ทุกองค์กรก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์"นายชวน กล่าว

ตอกย้ำหมดยุคสืบทอดอำนาจแล้ว

และว่าวิกฤติปี´49 ไม่ใช่เกิดจากจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ แต่เกิดจากความผิดเพี้ยนของสาระสำคัญทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่นำเข้าสู่อำนาจเงินที่ซื้อได้ทุกอย่าง ดังนั้นการจะปรับแก้ต่าง ๆ จึงไม่ใช่การให้ความสำคัญกับหลักการเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาคนควบคู่กันไปด้วย

"การจะสืบทอดอำนาจของคมช.คงจะหมดยุคไปแล้ว แค่จะทำให้มีอำนาจอยู่ก็ยังลำบาก ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่ จะทำอย่างไรให้เป็นคุณูปการกับประชาธิปไตยในอนาคตมากที่สุด เห็นว่าสิ่งที่ยังพอมีโอกาสแต่ยังไม่ได้ทำ คือการรณรงค์ให้ประชาชนเรียนรู้ประชาธิปไตยจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งเชื่อว่าจิตสำนึกของประชาชนยังมีอยู่"นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการจัดงานรำลึกอยู่นั้น

ได้มีกลุ่มนักศึกษาใช้ชื่อว่า กลุ่มโดมแสบ นำโดย น.ส.อรุณวนา สนิกะวาที นำพวงหรีดมาวางบริเวณหน้าหอประชุมศรีบูรพาพร้อมอ่านแถลงการณ์ประณามอาจารย์ มธ.กลุ่มที่ไปรับใช้เผด็จการด้วย

บัญญัติแนะยึดคุณธรรมนำการเมือง


นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า วันนี้บ้านเมืองเราค่อนข้างวิกฤต และสิ่งที่วิกฤตจริงๆในเวลานี้ คือ วิกฤตคนที่คุณธรรม ซึ่งการที่จะทำให้เกิดคุณธรรม หรือคุณธรรมนำสังคมได้นั้นจะเกิดขึ้นด้วยภารกิจ 4 ประการ คือ
1.ประพฤติในสิ่งที่ดีงาม
2.ต้องช่วยกันสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีมีคุณธรรม
3.ยกย่องคนดี มีคุณธรรม ให้เป็นที่ปรากฏในสังคม
4.อย่านับถือคนไม่ดี ถ้าเราพูดความจริง 4 ประการนี้สังคมก็จะเดินไปข้างหน้า โดยสิ่งที่ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณธรรมต้องนำสังคม และสังคมต้องมีคุณธรรมเป็นตัวนำ


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์