สุริยะใสจวกแนวคิดศปป. เชิญมาร์ค-ปูร่วมเวที ได้ไม่คุ้มเสีย-ย่ำอยู่กับที่

สุริยะใสจวกแนวคิดศปป. เชิญมาร์ค-ปูร่วมเวที ได้ไม่คุ้มเสีย-ย่ำอยู่กับที่

วันที่ 12 ก.ค. นายสุริยะใส กตะศิลา ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) และรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต แสดงความเห็นถึงแนวคิดศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป หรือ ศปป.ที่จะเชิญนักการเมืองไปออกรายการทีวี โดยระบุว่า

แนวคิดปรองดองของ ศปป.ที่จะเชิญอดีตนายกฯ 2 ท่านคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนางสาวยิ่งลักษ์ ชินวัตร

ไปออกรายการทีวีร่วมกันเพื่อเสนอแนวทางปฏิรูปและปรองดองนั้น สะท้อนความคืบหน้าของกระบวนการปรองดองในรัฐบาล คสช.ที่ไม่มีความคืบหน้า ย่ำอยู่กับที่ทั้งที่การปรองดองเป็นเหตุผลสำคัญของการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

ผมไม่เห็นประโยชน์เท่าไรกับการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ ได้ไม่คุ้มเสีย

และยิ่งจะทำให้กองเชียร์และผู้สนับสนุนทั้ง 2 ฝ่ายหยิบเอาไปเป็นประเด็นขยายผลโจมตีกันและกันซำ้เติมความแตกแยกที่คาอยู่ให้รุนแรงหนักเข้าไปอีก เพราะความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทยไม่ใช่เรื่องระหว่างคุณอภิสิทธิ์กับคุณยิ่งลักษณ์ นี่แค่ปลายภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ต้นตอของปัญหาคือความอยุติธรรม การใช้อำนาจฉ้อฉลทุจริต และกลุ่มติดอาวุธ เป็นต้น

และที่ผ่านมาการทำงานของ ศปป.ยังมีทิศทางที่ขาดเอกภาพ
แม้จะทำงานหนักแต่เข็มมุ่งไม่ชัดเจน โดยเฉพาะระดับผู้มีอำนาจนำอย่าง คสช.และนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนต่อกระบวนการปรองดอง ท่านนายกฯ มักจะพูดว่าให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม นั่นก็ถูกเพียงส่วนหนึ่ง

แต่งานจิตวิทยามวลชน การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การเอาผิดกับผู้มีอำนาจ หรือผู้ก่อเหตุรุนแรง

 การเยียวยาคนเจ็บคนตาย หรือมีกระทั่งการนิรโทษประชาชนที่ร่วมชุมนุม ตามข้อเสนอของกรรมการปรองดองฯ ของ สปช. ก็ไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจนจาก คสช.และรัฐบาลว่าคิดอย่างไรเห็นด้วยหรือไม่ ทำให้หลายคนที่ถูก ศปป.เชิญไปแลกเปลี่ยนพูดคุย เริ่มไม่มั่นใจว่ารัฐบาล คสช. มีนโยบายปรองดองจริง ยิ่งมีการผุดไอเดียรัฐบาลแห่งชาติหรือรัฐบาลปรองดองยิ่งทำให้สังคมสับสนเข้าไปอีก เพราะไม่อยากให้การปรองดองเป็นเกมอำนาจหรือแค่ตัวประกันเท่านั้น

เพื่อเสนอแนวทางปฏิรูปและปรองดองนั้นเป็นการสะท้อนความคืบหน้าของกระบวนการปรองดองในรัฐบาลคสช.ที่ไม่มีความคืบหน้า ย่ำอยู่กับที่

ทั้งที่การปรองดองเป็นเหตุผลสำคัญของการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ซึ่งตนไม่เห็นประโยชน์เท่าไรกับการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ ได้ไม่คุ้มเสีย และยิ่งจะทำให้กองเชียร์และผู้สนับสนุนทั้ง 2 ฝ่ายหยิบเอาไปเป็นประเด็นขยายผลโจมตีกันและกันซ้ำเติมความแตกแยกที่คาอยู่ให้รุนแรงหนักเข้าไปอีก เพราะความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทย ไม่ใช่เรื่องระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นี่แค่ปลายภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ต้นตอของปัญหาคือความอยุติธรรม การใช้อำนาจฉ้อฉลทุจริต และกลุ่มติดอาวุธ เป็นต้น

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า และที่ผ่านมาการทำงานของ ศปป.ยังมีทิศทางที่ขาดเอกภาพ แม้จะทำงานหนัก แต่เป้าหมายไม่ชัดเจน

โดยเฉพาะระดับผู้มีอำนาจนำอย่าง คสช.และนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนต่อกระบวนการปรองดอง นายกรัฐมนตรีมักจะพูดว่าให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม นั่นก็ถูกเพียงส่วนหนึ่ง แต่งานจิตวิทยามวลชน การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การเอาผิดกับผู้มีอำนาจ หรือผู้ก่อเหตุรุนแรง การเยียวยาคนเจ็บคนตาย หรือมีกระทั่งการนิรโทษประชาชนที่ร่วมชุมนุม ตามข้อเสนอของกรรมการปรองดองฯ ของ สปช. ก็ไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจนจาก คสช.และรัฐบาลว่าคิดอย่างไรเห็นด้วยหรือไม่ "ทำให้หลายคนที่ถูก ศปป.เชิญไปแลกเปลี่ยนพูดคุย เริ่มไม่มั่นใจว่ารัฐบาล คสช. มีนโยบายปรองดองจริง ยิ่งมีการผุดไอเดียรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลปรองดอง ยิ่งทำให้สังคมสับสนเข้าไปอีก เพราะไม่อยากให้การปรองดองเป็นเกมอำนาจ หรือแค่ตัวประกันเท่านั้น"นายสุริยะใส กล่าว.“

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์