แฉ7วันก่อนอายัดชินวัตรโยกเงิน 8พันล้านหาย! บรรณพจน์ โอนมากสุด5พันล้าน

เหลือในบัญชีแค่4.3หมื่นล้าน ตั้ง"จารุวรรณ-อำนวย"ล่าคืน นายกฯชี้ล็อบบี้ยิสต์ป่วนไร้ผล สนธิเตือนแม้วกลับระวังมือที่3



แบงก์ชาติรายงาน คตส.พบเงินบัญชีขายหุ้นชินคอร์ปช่วงระหว่าง 4-11 มิ.ย.ถูกถอนออก 8 พันล้าน เหลือเพียง 4.3 หมื่นล้าน เจอชื่อ"บรรณพจน์"เคลื่อนย้ายมากสุด 5 พันล้าน มีมติตั้ง"คุณหญิงจารุวรรณ-อำนวย"หน.ทีมตามอายัดทรัพย์ครอบครัวทักษิณ "นายกฯ"มั่นใจคุยต่างชาติแล้วไม่หวั่นล็อบบี้ยิสต์ปลุกบอยคอตไทย "สนธิ"เตือนห่วง"แม้ว"กลับมาเสี่ยงอันตราย อาจโดนมือที่ 3 แทรก


@ "สุรยุทธ์"ไม่หวั่นบริษัทล็อบบี้ยิสต์ของทักษิณ จ้างต่างประเทศบอยคอต



พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ไม่หวั่นกรณีบริษัท เบเกอร์ บอทส์
ซึ่งเป็นบริษัทล็อบบี้ยิสต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจ้าง ออกแถลงการณ์เรียกร้องนานาชาติคว่ำบาตร ไม่ต้องเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) สั่งอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าต่างประเทศเข้าใจหลังทำความเข้าใจมาตลอด 6 เดือนตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่รัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ารัฐบาลมั่นใจว่าต่างประเทศจะเข้าใจ แม้จะมีการจ้างล็อบบี้ยิสต์ต่างๆ พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า "ผมมั่นใจว่าเราสามารถจะทำความเข้าใจ และก็ได้ทำความเข้าใจล่วงหน้าไว้แล้วด้วย" และหาก พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้ามาชี้แจงทรัพย์สินตามที่ คตส.แจ้งไป ก็เป็นสิทธิ เป็นความจำเป็นที่ต้องเข้ามาป้องกันทรัพย์สินของตนเอง


"สนธิ"เชื่อ"ทักษิณ"ไม่กลับไทยตอนนี้



พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวกรณี พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับเข้าประเทศไทยว่า จะต้องขอผ่านทางรัฐบาลมากกว่า แต่คงจะมีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องความมั่นคง ทาง คมช.จะต้องหารือกับทางรัฐบาลว่าสถานการณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นตัวตัดสิน

เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับเข้ามาตอนนี้หรือแค่หยั่งเชิง พล.อ.สนธิกล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นกุศโลบาย ไม่เชื่อว่าจะกลับมาจริงๆ การที่เชื่ออย่างนั้น เพราะปกติแล้วมีคนรักก็มีคนไม่ชอบก็เยอะ ตรงนี้ไม่จำเป็นจะต้องมาเสี่ยงกับสิ่งเหล่านี้ ส่วนหนึ่งจะกลัวเรื่องคดีอาญาด้วยหรือไม่นั้นต้องผสมกันหลายเรื่องช่วงนี้ เพราะข้อสรุปของ คตส.ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ


ห่วงเข้ามาตอนนี้ชีวิตเสี่ยงอันตราย



เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่าจะไม่มีการควบคุมตัวหรือกักบริเวณ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สนธิกล่าวว่า เวลานี้ยังไม่มีอะไรเป็นตัวบ่งบอกว่าใครกระทำความผิดหรือไม่อย่างไร เพียงแต่จะต้องเฝ้าระวังอยู่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเข้ามาแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะกลายเป็น คมช.ทำอีก เกรงว่าจะมีมือที่ 3 สร้างสถานการณ์

เมื่อถามว่า เหตุผลหนึ่งที่ไม่สบายใจคือเรื่องความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณเอง พล.อ.สนธิกล่าวว่า "ใช่ เมื่อก่อนจะเห็นว่า เมื่อท่านอยู่ก็ยังมีปัญหาหลายคนที่ไม่พอใจ ถ้าเผื่อว่าท่านมาในวิกฤตอย่างนี้ อย่าลืมนะว่า คนส่วนใหญ่เขายังมีความรู้สึกอะไรต่อมิอะไรเก่าๆ อยู่ กลับมาช่วงนี้อาจจะไม่ปลอดภัยในตัวของท่านเอง"

เมื่อถามว่า เป็นเพราะไม่รู้ว่าใครจะปองร้าย พ.ต.ท.ทักษิณบ้าง พล.อ.สนธิกล่าวว่า "ใช่ครับ ต้องระมัดระวัง ก็จะต้องมาเป็นภาระ จะต้องใช้กำลังในการป้องกันมากขึ้น ผมไม่ได้ติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณมานานแล้ว"

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกลับตอนนี้เสี่ยงต่อชีวิตมาก พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "อันตรายครับ อันตราย"


เชื่อสังคมโลกเข้าใจไม่บอยคอต



พล.อ.สนธิกล่าวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาต่อสู้เรื่องคดีคงไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเผื่อว่าคดีมันยังไม่จำเป็นจะต้องให้ท่านมา ก็เห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องมา เพราะสถานการณ์ในภาพรวมยังไม่เรียบร้อย ส่วนกรณีบริษัทล็อบบี้ยีสต์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างแถลงบอยคอตประเทศไทยนั้น พล.อ.สนธิกล่าวว่า เรื่องนี้ทางรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจงตามกฎหมาย เชื่อว่าสังคมโลกเข้าใจอยู่แล้ว

@ บัวแก้วยัน"เบเกอร์ฯ"ปกป้องลูกค้า

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า หากดูรายละเอียดในเอกสารในย่อหน้าที่สองจะพบว่าบริษัท เบเกอร์ บอทส์ ระบุชัดเจนว่า กระทำการดังกล่าวเพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างซึ่งก็คือลูกค้าของเขา และเป็นการกระทำโดยได้รับมอบอำนาจจากลูกค้า ส่วนรายละเอียดที่มีการพูดพาดพิงถึงประเทศไทยและสิ่งที่เกิดผ่านมาก็เป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศได้เคยชี้แจงอย่างเข้มข้นมาเป็นระยะอยู่ตลอด โดยอาศัยข้อเท็จจริงในภาพรวม ดังนั้น คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปตอบโต้เบเกอร์ บอทส์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวชินวัตร เคยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ยุติการว่าจ้างบริษัทเบเกอร์ฯไปแล้ว การกระทำครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ายังคงมีการว่าจ้างกันอยู่ใช่หรือไม่ นายธฤตกล่าวว่า ผมไม่แน่ใจ แต่ในเอกสารข่าวของบริษัทเบเกอร์ บอทส์ ก็ปรากฏข้อเท็จจริงตามนั้น


จาตุรนต์ ยัน"แม้ว"ต้องมาแจงอายัด




ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงความเห็นแล้วว่าจะไม่กลับประเทศไทยในขณะนี้ จนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นเพราะไม่อยากให้เป็นประเด็นทางการเมือง ในช่วงที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย แต่กรณีการชี้แจงทรัพย์สินต่อ คตส. รวมถึงการชี้แจงต่อศาล พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องกลับมา




นพดล ท้าหาหลักฐานลงนามสิงคโปร์



วันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตั้งข้อสังเกตกรณีที่บริษัท แอมเพิลริช อินเวสท์เมนต์ จำกัด เปิดบัญชีหลักทรัพย์ไว้กับยูบีเอส โดยมีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม แม้จะโอนหุ้นให้นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายว่าไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ แต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ห้ามนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีถือหุ้น จึงโอนให้ลูกเป็นเรื่องปกติ

สำหรับกรณีที่ คตส.ตั้งข้อสังเกตกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณยังมีอำนาจลงนาม กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป ซึ่งอาจเข้าข่ายการซุกหุ้นภาค 2 นั้น นายนพดลกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ คตส.ต้องพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจสั่งลงนามหรือไม่ แต่ คตส.ไม่ควรตีความแบบหาเรื่อง การอายัดทรัพย์ก็ต้องมีเหตุ การอายัดทรัพย์ครั้งนี้ที่กรรมการ คตส.มีเสียงแตก 7 ต่อ 4 เสียงนั้น แสดงให้เห็นว่า ยังมีนักกฎหมายที่เห็นในสิ่งที่ถูกต้องอยู่บ้าง







ขู่ร้องให้"ยูเอ็นฯ"มาคุ้มครองแทน


เมื่อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ระบุว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับไทย รัฐบาลจะไม่ดูแลความปลอดภัย โดยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ นายนพดลกล่าวว่า หาก พ.ต.ท. ทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้รับการดูแลความปลอดภัยหรือมีการเตรียมวางแผนลอบสังหารแล้วจะไปไว้วางใจอะไรบ้าง ในเมื่อฝ่ายทหารเข้ามากุมอำนาจ และการที่ พล.อ.สุรยุทธ์ระบุเช่นนี้ ขอถามกลับไปว่าอยากให้สหประชาชาติมาคุ้มครองให้หรือ หากเป็นจริงคงไม่เป็นผลดีต่อประเทศ

"ขณะนี้การอายัดทรัพย์มีผลไปแล้ว คงทำได้เพียงการเดินหน้าฟ้องร้องคดี โดยขณะนี้กำลังพิจารณาดูว่าจะฟ้องร้องทั้งคณะหรือไม่ ตอนนี้ประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง และจะมีการประชุมทุกวัน โดยในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนในเรื่องการฟ้องร้องอย่างแน่นอน" นายนพดลกล่าว


"หญิงอ้อ"ฟ้อง17คตส.ปฏิบัติหน้ามิชอบ



วันเดียวกันที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร มอบอำนาจให้นายบุญเฉลียว ดุษดี ยื่นฟ้องนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และกรรมการ คตส. รวม 17 คน ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด กรณีกล่าวหาซื้อที่ดินบริเวณเทียนร่วมมิตร รัชดาภิเษก จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน เป็นเงิน 772 ล้านบาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลขที่ 2160/2550 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 27 สิงหาคม เวลา 09.00 น. (อ่านรายละเอียด น.2)


"คตส."ยันเงินเทมาเส็กอยู่ครบ



ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. เปิดเผยก่อน คตส.ประชุมนัดพิเศษว่า กรณีที่นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุว่า เงินจำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ยังอยู่ในประเทศไทยนั้น นายสักกล่าวว่า ต้องตรวจสอบกันต่อไป และจากการตรวจสอบพบว่าภายหลังการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปกับกลุ่มเทมาเส็ก เงินค่าหุ้นจำนวน 7.3 หมื่นล้านบาท เข้ามาในประเทศไทยครบถ้วนทุกจำนวน


แถลงแก้ไขบัญชีอายัดทรัพย์ใหม่



ต่อมาเวลา 16.00 น. นายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษก คตส. แถลงผลการประชุม คตส. นัดพิเศษว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานในส่วนของการอายัดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัว โดยในส่วนคำสั่งอายัดเลขที่ 016/2550 ที่ให้อายัดบัญเงินฝากที่ได้จากการขายหุ้นชินคอร์ปแก่กองทุนเทมาเส็ก รายการที่ 16 และ 17 ที่มีการระบุว่าเป็นบัญชีจากกองทุนธนบดี ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนเป็นบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมไทยพาณิชย์ ซึ่งในวันนี้นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ได้ลงนามคำสั่งแก้ไขฉบับใหม่และแจ้งให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องรับทราบแล้ว

@ พบบัญชีเงินขายหุ้นชินฯหาย8พันล.

นายสักกล่าวว่า ที่ประชุมยังได้รับรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า จากการตรวจสอบบัญชีเงินจากการขายหุ้นชินคอร์ป จำนวน 7.3 หมื่นล้านบาท พบว่าตั้งแต่วันที่ 4-11 มิถุนายน 2550 มีตัวเลขลดลงไปอีกประมาณ 8 พันล้านบาท เพิ่มเติมจากวงเงินที่หายไปแล้ว จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ขณะนี้ตัวเลขบัญชีการซื้อขายดังกล่าวมีจำนวนเงินเหลืออยู่ประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนรายละเอียดว่าเงินที่หายไปถูกถอนออกจากบัญชีใด วันใด เวลาใด ยังไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้


ธปท.ชี้8พันล้านยังไม่ออกนอก


นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท กล่าวว่า ธปท.ได้ส่งข้อมูลการเบิกเงินจากบัญชีของ พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงวันที่ 4-11 มิถุนายน 2550 จำนวน 8,000 ล้านบาทไปให้ คตส.แล้ว ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เงินจำนวนดังกล่าวยังคงอยู่ในประเทศไทยไม่ได้มีการโอนออกไปยังต่างประเทศ

"เส้นทางเดินของเงินจำนวน 8,000 ล้านบาท ที่ถูกถอนออกไปไม่สลับซับซ้อนมากนักเพราะฉะนั้นการตรวจสอบจึงไม่ใช่เรื่องยากและไม่ใช้เวลานาน"


ไม่เคยอนุญาตซื้อทาวน์เฮาส์ฮ่องกง


นางธาริษากล่าวด้วยว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยขออนุญาตนำเงินออกไปเพื่อซื้อทาวน์เฮาส์ที่ฮ่องกง แต่ก่อนหน้านั้นมีการขออนุญาตหรือไม่นั้น ไม่ทราบเรื่อง ทั้งนี้ ระหว่างที่เป็นผู้ว่าการ ธปท. เคยมีการขออนุญาต 2 ครั้ง ครั้งแรกคือ เพื่อซื้ออพาร์ตเมนต์ที่ประเทศอังกฤษ ส่วนครั้งที่สองคือ เพื่อซื้อบ้านที่ประเทศอังกฤษเช่นกัน จำนวน 400 ล้านบาท

ตามอายัดถ่ายโอน-แปลงทรัพย์สิน

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุกรรมการ คตส. กล่าวว่า สำหรับแนวทางการติดตามเส้นทางเงินบัญชีที่อายัดไว้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

1.บัญชีที่เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป จะต้องมีการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

2.บัญชีเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ซึ่งทั้งสองส่วนหากพบว่าหากมีการถ่ายโอนไปอยู่ที่ใด หรือมีการแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นก็จะต้องตามไปอายัดด้วย

@ พบ"บรรณพจน์"โอนออก5.6พันล.

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า จากข้อมูล ธปท.พบว่า ในบัญชีทั้งหมด 21 บัญชีนั้น บัญชีที่มีการโอนเงินออกไปมากที่สุดคือ บัญชีของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารัชโยธิน ในวันที่ 4 มิถุนายน มีเงินอยู่ 6 พันล้านบาท แต่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน เหลือเงินในบัญชีเพียง 340 ล้านบาทเศษ โดยมีการโอนเงินออกจากบัญชีกว่า 5.6 พันล้านบาท


บัญชีของ น.ส.พิณทองทา ถูกโอนไปกว่า 2พันล้านบาท (เป็นอันดับ2)


เดิมมีเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเดียวกัน จำนวน 2.3 พันล้านบาทเศษ ถูกโอนออกไปกว่า 2 พันล้านบาท เหลือเงินในบัญชีเพียง 300 ล้านบาทเศษ


ส่วนบัญชีที่มีการโอนออกมากเป็นอันดับ 3 คือ ของนายพานทองแท้

ที่ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเดียวกัน เดิมมีเงินอยู่ 1 พันล้านบาทเศษ ถูกโอนออกไปเกือบหมด เหลือเพียง 6 ล้านบาทเศษ

อย่างไรก็ตาม มีบัญชีที่มีเงินไหลเข้า 1 พันล้านบาท คือบัญชีของ น.ส.พิณทองทา เพิ่มจาก 2 พันล้านบาท เป็น 3 พันล้านบาท

สำหรับบัญชีที่มีเงินฝากมากที่สุดและไม่มีการโอนออกไปแต่อย่างใด คือ บัญชีของ น.ส.พิณทองทา มีเงินฝาก 1.3 หมื่นล้านบาท และนายพานทองแท้มีเงินฝาก 1 หมื่นล้านบาท


"อุ๋ย"แง้มอาจใช้เงินฝากตปท.ซื้อบ้าน


ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในช่วงที่ตนเองเป็นผู้ว่าการตั้งแต่ปี 2544-2549 พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยขออนุญาตนำเงินออกไปซื้อสินทรัพย์หรือลงทุนในต่างประเทศจำนวนเงินมากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องปกติที่นักธุรกิจทั่วไปจะมีบัญชีเงินฝากอยู่ที่ต่างประเทศหากมีรายได้จากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นการซื้อบ้านราคาแพงที่ฮ่องกงจึงอาจเป็นเงินจากบัญชีเงินฝากที่ต่างประเทศอยู่แล้ว ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่ได้มีเงินจากการขายหุ้นชินคอร์ปอย่างเดียว


แนะคตส.ขอข้อมูลปปง.ตามเงิน



ส่วนเงินที่หายไปจากบัญชีจำนวน 20,000 ล้านบาทนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า เงินก้อนดังกล่าวน่าจะอยู่ที่ประเทศไทยเพื่อใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ในประเทศมากกว่า สิ่งที่ต้องคิดในตอนนี้คือ ทาง คตส.ได้ติดตามเงินจนครบถ้วนทุกทางแล้วหรือไม่ เพราะบัญชีสามารถโอนย้ายไปยังบัญชีอื่นๆ ได้อีกหลายทอด แต่ขณะเดียวกันการฝากหรือถอนเงินที่มีจำนวนมากกว่า 2 ล้านบาท ธนาคารพาณิชย์จะต้องรายงานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รับทราบทุกธุรกรรม จึงสามารถขอดูข้อมูลการโยกย้ายเงินดังกล่าวย้อนหลังได้จาก ปปง.

"เป็นเรื่องยากที่จะขอตรวจสอบเส้นทางเดินเงิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากบัญชีเงินฝากที่อยู่ในต่างประเทศทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเข้มงวดกับเรื่องข้อมูลของลูกค้าอย่างมาก แม้ว่า ธปท. จะเป็นผู้ทำเรื่องโดยตรงก็ไม่มีทางที่ธนาคารเหล่านั้นจะยินยอม"




โอ๊คเลื่อน-แจงขายหุ้นชินฯ27มิ.ย.



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปที่มีนายวิโรจน์ เป็นประธาน ได้นัดหมายให้นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณเข้าชี้แจงข้อมูล แต่นายพานทองแท้ได้มอบหมายให้ทนายความมาขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 มิถุนายน โดยให้เหตุผลว่ากำลังอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งคณะอนุกรรมการได้อนุมัติการเลื่อนดังกล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์