ความในใจ สมศักดิ์ เจียมฯ โพสต์ถึง แม่ หลังลี้ภัยฯ

ความในใจ สมศักดิ์ เจียมฯ โพสต์ถึง แม่ หลังลี้ภัยฯ


วันที่ 25 ก.พ. นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กหลังมีการเผยแพร่เอกสารคำสั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงนามโดยนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิบการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ไล่ออกเนื่องจากกระทำผิดข้อบังคับมหาวิทยาลัย โดยระบุว่า .....

"ไม่ได้สอนหนังสือที่ธรรมศาสตร์อีก เป็น 1 ในความเสียใจ 4-5 เรื่องของการต้องลี้ภัย เรื่องอื่นๆ ก็เช่น ต้องทิ้งห้องสมุดส่วนตัวที่มีหนังสือฝรั่ง (ส่วนใหญ่เป็นหนังสือปรัชญา) นับพันเล่มไว้, ไม่ได้เล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับบรรดา "ตัวเล็ก" ในหมู่บ้าน ฯลฯ

แต่เรื่องที่ยอมรับว่าเสียใจมากที่สุดคือเรื่องแม่ ตอนนี้แม่ผมอายุ 91-92 แล้ว (เพิ่งผ่านวันเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา) และแม้ว่า แม่จะโชคดี ไม่มีโรคภัยอะไร ไม่เป็นอัลไซเมอร์ ไม่เป็นพากินสัน ยังเดินเหิรไปมาด้วยตัวเอง เข้าห้องน้ำห้องท่า กินข้าว ทำอะไรได้เองตามปกติทุกอย่าง ยกเว้นก็ป่วยโน่นนี่ตามประสาคนแก่บ้าง เช่น เข่าข้อไม่ดี ความดันไม่ดี ฯลฯ แต่โดยรวมเรียกว่าโชคดีมากที่อายุขนาดนี้ยังสุขภาพระดับนี้

แต่ผม realistic หรือมองโลกอย่างเป็นจริงมากพอว่า ยังไง...........คสช. คงอยู่ในอำนาจนานแน่ ยกเว้นแต่จะมีคนมาไล่ (คือไม่ไล่ไม่ยอมลงจากอำนาจแน่) ซึ่งอย่างเร็วที่สุดก็คงเป็นเวลาถึง 4-5 ปี ถึงตอนนั้น ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงต้องถือเป็นความโชคดีมหาศาลระดับมหัศจรรย์ 

แต่คนแก่อายุ 92 คิดจะให้อยู่ต่อถึงตอนนั้น เป็นอะไรที่ผมไม่สามารถคาดหวังได้มากและจำเป็นต้องยอมรับเผื่อไว้ว่า โอกาสคงน้อยทีเดียว แม่เองก็รู้ตัวดีเรื่องนี้ พูดเองบ่อยๆ (ไอ้เรื่องคิดจะอยู่ถึง 120 ปีอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งผมทั้งแม่ยังไม่สติไม่ดีแบบนั้น)

ผมยอมรับว่า เมื่อคิดแบบตระหนักขึ้นมากับตัวเองว่า ลี้ภัยคราวนี้ คงจะต้องอยู่ยาว ความคิดนี้มันรบกวนใจมากเหมือนกัน ว่าโอกาสจะได้อยู่เจอแม่หรือให้แม่เจอในวันท้ายๆของแม่คงน้อยมาก

อย่างที่เขียนในกระทู้ที่แล้ว เรื่องความรัก ผมไม่ชอบการบอก ไม่ชอบฟูมฟาย (ส่วนหนึ่งคงเพราะความที่โตขึ้นมาในครอบครัวคนจีนที่มีรากวัฒนธรรมแบบจีนเก่าไม่น้อย ในวัฒนธรรมแบบนั้น การแสดงความรัก ความสนิทสนมใกล้ชิดในครอบครัว ไม่ใช่อะไรที่ทำกัน) แล้วครอบครัวที่ผมโตขึ้นมา ก็ไม่ใช่ครอบครัวในภาพมายาประเภทเพอร์เฟ็ค ก็มีพ่อแม่ทะเลาะกัน เราทะเลาะกับพ่อแม่เยอะเหมือนกัน สมัยผมเริ่มทำกิจกรรมการเมือง ก็ต้องทะเลาะหนักๆกับแม่บ่อย แม่รู้สึกพูดจาอะไรเราก็ไม่ฟัง เราก็รู้สึกว่า พูดจาอะไรไป แม่ก็ไม่เคยฟัง ฯลฯ

แต่แม่ก็คือแม่ เราโตขึ้นมากับเขากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว สมัยที่ผมติดคุกตอน 6 ตุลาอยู่ 2 ปีที่บางเขน แทบทุกวัน ตอนเย็นๆแม่จะแวะมาเยี่ยม ตอนนั้นแม่ต้องขายอาหาร มาตอนกลางวันก็ไม่ได้ กว่าจะมาถึงก็เย็นเกินเวลาเยี่ยมแล้ว ผมลงไปพบเยี่ยมไม่ได้ แม่ก็ใช้วิธีฝากอาหารฝากขนมขึ้นมา พอของเยี่ยมส่งขึ้นมาถึงห้อง ผมรู้ว่าแม่มา ก็จะปืนขึ้นไปบนที่นอน ไปตรงช่องหน้าต่างที่มีลูกกรงกั้น ยื่นหน้ายื่นมืออะไรออกไปไม่ได้หรอก แต่พอมองเห็นลงไปด้านล่างข้างนอกตัวตึกได้นิดหน่อย แม่ส่งของขึ้นมาให้แล้ว ก่อนกลับก็จะแวะมายืนนอกตัวตึกตรงจุดที่ผมมองไปจากลูกกรงได้ ก็ส่งเสียงตะโกนทักทายกัน (เพราะห้องขังผมอยู่ชั้นบนสุด ไกลจากข้างล่างทีเดียว) 

ทุกครั้งผมก็จะตะโกนว่า ไม่ต้องลำบากมาทุกวันๆหรอก ของกินอะไรก็มี มาก็พบเยี่ยมไม่ได้ ตะโกนเสียงดุๆหนักๆโกรธๆไปยังไง วันต่อมา แม่ก็ยังมาแบบนี้อีก จนตอนหลังต้องปลงว่า ห้ามยังไงก็คงไม่ได้ผลแน่ (ผมเคยต่อว่าพี่ชายพี่สาวว่า ทำไมปล่อยให้แม่ลำบากมาทุกวันแบบนั้น เขาก็ว่า แม่ "แอบ" มา คือทำเป็นว่า จะออกไปซื้อของซื้อกับข้าว แต่สุดท้ายก็แวบมาเยี่ยมผมทุกที พอคนทีบ้านรู้เข้า ห้ามว่าไม่ต้องลำบากไป เขาก็ไม่ฟัง สุดท้าย เราทุกคนก็ได้แต่ปล่อยไป เพราะแม่รู้สึกสบายใจทีจะทำแบบนั้น)

อย่างทีเขียนไปข้างต้น ความรู้สึกที่ว่า สุดท้าย ก็คงไม่ได้เจอแม่หรือให้แม่เจอในวันท้ายๆของแม่ เป็นอะไรทีรบกวนใจผมเป็นระยะๆเหมือนกัน"



ความในใจ สมศักดิ์ เจียมฯ โพสต์ถึง แม่ หลังลี้ภัยฯ


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์