ประยุทธ์พ้อเป็นนายกฯ ทำดีแค่เสมอตัว

ประยุทธ์พ้อเป็นนายกฯ ทำดีแค่เสมอตัว

"ประยุทธ์"พ้อตำแหน่งนายกฯ เป็นจำเลยสังคม ทำดีเสมอตัว ลั่นไม่ใช้อำนาจเปลี่ยนขั้วการเมือง แจงคุย "ปู"ปมจำนำข้าวตั้งแต่นั่ง ผบ.ทบ. ยันไร้ธงเอาผิด ขู่สั่งประหาร "รมต."หากเรียกรับผลประโยชน์ ลุยเดินหน้าสัมปทานปิโตเลียมครั้งที่ 21

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

เป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางวิชาการประจำปีของการใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าว สารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ในหัวข้อเรื่อง "ข้อมูลข่าวสารกับความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ" โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่ง ว่า พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการต้องเป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายที่จะมีส่วน สำคัญ ทั้งในกระบวนการแก้ปัญหาการทุจริต ลดความขัดแย้ง ความเห็นต่าง และยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เชื่อมโยงกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศเพื่อรองรับกระทรวง ดิจิตอลเศรษฐกิจเพื่อสังคม

แม้ปัจจุบันไทยจะมีอันดับความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของไทยที่ดี ขึ้น แต่ก็ต้องดำเนินการต่อไป

โดยเน้นสร้างความเชื่อมั่นความเป็นธรรมและให้บริการประชาชน และต้องมีมาตรฐานการชี้วัดประสิทธิภาพในการให้บริการและดำเนินการอย่างรวด เร็ว เข้าถึงประชาชน และทุกหน่วยงานต้องบูรณาการและขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐบาลให้ได้ และผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้ม แข็ง ซึ่งตนจะประเมินด้วยตนเอง หากทำไม่ได้ก็จะมีผลในการปรับย้ายในปีนี้ นอกจากนี้จะต้องดูเรื่องการแต่งตั้งและเลื่อนตำแหน่งให้เป็นไปด้วยความเป็น ธรรมและมีประสิทธิภาพ เช่น บางหน่วยงานมีการแต่งตั้งข้ามสายงานหรือเข้าสู่ตำแหน่งสูงเร็วเกินไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนรู้ว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

แต่ก็คิดว่าหากมาจากการเลือกตั้งแล้ว ไม่สามารถทำประโยชน์ได้ ก็ไม่ควรเข้ามา แต่ต้องคิดว่าทำไมหลายคนถึงอยากเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้หรือต้องทำให้คนเหล่า นี้ไม่ต้องการที่จะเข้ามาอยู่ในตำแหน่ง อย่างไรก็ตามมองว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลยของสังคม เพราะหากทำดีก็ดีไป แต่ถ้าทำไม่ดีต้องคิดหนัก แต่วันนี้ตนมีความหนักแน่น และจะพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะดูแลทุกคน แต่ขอให้อยู่ในกรอบและกติกา

"ตอน นี้การปฏิรูปอยู่ในขั้นที่ 2 แต่มีหลายคนกังวลว่า เรื่องปฏิรูปมีหลายเรื่อง เราจะไหวหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของรัฐบาลต่อไปที่จะสานต่อ พวกท่านก็ต้องเลือกกันมาให้ดี และอย่ากังวลว่าผมจะใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ หรือเปลี่ยนขั้วอำนาจ ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีขั้ว ตราบใดที่ทำทุกอย่างสุจริต ไม่ต้องกังวลอะไร ผมไม่เคยขอเงินใคร วันนี้มีข่าวว่ามีชื่อรัฐมนตรีไปเรียกรับผลประโยชน์ 30-50 เปอร์เซ็นต์ เป็นการกล่าวอ้างทั้งนั้น ถ้ามีจริงไปหามา ถ้าเรียกรับผลประโยชน์ถึง 50 เปอร์เซ็นต์จริงคงต้องเอาไปประหารชีวิตเลย หากมีธรรมาภิบาลถูกต้องไม่ต้องกังวลว่าใครจะทำ วันนี้ผมจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง สร้างกลไกให้แข็งแรงทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ใครต่อต้าน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการกล่าวปาฐกถา นายกรัฐมนตรีได้เดินชมงานและนิทรรศการต่าง ๆ ที่มาเปิดแสดงในงาน

อาทิ บูธ ของกรมการปกครอง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการถ่ายรูปเพื่อทำบัตรประชาชนใหม่ โดยบัตรประชาชนใบเดิมของนายกรัฐมนตรี จะหมดอายุภายในปี 2560 และบัตรใหม่ที่ทำในวันนี้จะหมดอายุในเดือน มี.ค. 2566 ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าคำนำหน้าของนายกรัฐมนตรีนั้น ใช้คำว่านายประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มียศทางทหารนำหน้าชื่อแต่อย่างใด และเมื่อทำบัตรเสร็จแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ของกรมการปกครองก็ได้มอบบัตรประชาชนใบใหม่ให้แก่นายกรัฐมนตรี โดยทันที พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้ต่ออายุใบขับขี่ที่บูธของกรมการขนส่งทางบก และร่วมถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้ระบุว่าได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ซึ่งได้บอกว่าพร้อมสู้คดีจำนำข้าว ว่า เป็นการพูดคุยกันตั้งแต่สมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นรัฐบาล และตนเป็น ผบ.ทบ. ก็ได้ไปบอกถึงปัญหาในโครงการดังกล่าว ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็บอกว่าไม่เป็นไร มีข้อมูลหลักฐานต่าง ๆพร้อม เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน เพราะท่านเป็นรัฐบาล เมื่อถามว่าเป็นการเตือนแล้วไม่ฟังใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ทุกคนให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี เป็นเพียงการแจ้งปัญหาที่เห็นให้ทราบเท่านั้น เมื่อถามต่อว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีการตั้งธงไว้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ปัดโธ่ ก็ถามมากี่ครั้งแล้ว พูดเหมือนเดิม"

พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมลงชื่อคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตเลียมครั้งที่ 21 ว่า

เป็นเรื่องของกระทรวงพลังงานที่ต้องหารือกับคนที่มีความเห็นแตกต่าง แต่ยืนยันว่าการเปิดสัมปทานปิโตเลียมที่มีกำหนดการไว้เดิม ต้องเดินหน้าต่อ จะมีตามกติกาที่วางไว้ อาจมีปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ก็ในพื้นที่สัมปทานใหม่เท่านั้น กลุ่มที่คัดค้านต้องเอาข้อมูลมาพูดกันด้วยเหตุผล สู้ด้วยข้อเท็จจริง เอาข้อมูลมาเจอกัน ถ้าสู้ไม่ได้ก็ไม่ได้ และหลังจากนี้เมื่อเปิดสัมปทานแล้วก็ต้องใช้ระยะเวลาในการสำรวจถึง 5 ปี ใช้เงินเป็นจำนวนมาก ถ้าเราทำเองก็ใช้เงินมหาศาล จึงต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าด้วย.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์