‘พระสุเทพ’ ฝากถึง ‘บิ๊กตู่’ ลุยใช้อำนาจเลิกเกรงใจคน

‘พระสุเทพ’ ฝากถึง ‘บิ๊กตู่’ ลุยใช้อำนาจเลิกเกรงใจคน

อยู่ใต้ร่มพระธรรมนานถึง 6 เดือนแล้ว สำหรับ “หลวงลุงสุเทพ” พระสุเทพ ปภากโร หรือ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ

อยู่ใต้ร่มพระธรรมนานถึง 6 เดือนแล้ว สำหรับ “หลวงลุงสุเทพ” พระสุเทพ ปภากโร หรือ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ท่ามกลางปมร้อนถอดถอน “ยิ่งลักษณ์-สมศักดิ์-นิคม” ออกจากตำแหน่งทางการเมือง งานนี้ “พระสุเทพ” เปิดโอกาสให้ “ทีมข่าวการเมืองเดลินิวส์” เข้าสัมภาษณ์ถึงความร่มเย็นแห่งพระธรรม พร้อมฝากข้อความถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ “อดีตนายกฯ ปู” นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ชีวิตใต้ร่มกาสาวพัสตร์เป็นอย่างไรบ้าง

การบวชเป็นความคิดของแกนนำ กปปส. ที่เห็นว่า เมื่อเราต่อสู้จบมวลมหาประชาชนแยกย้ายกันกลับบ้าน เราเป็นแกนนำก็จะไปบวชกัน ไปปฏิบัติธรรมเพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิต อาตมาตัดสินใจบวชเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2557 มาถึงวันที่ 16 ม.ค. 2558 เป็นเวลา 6 เดือนพอดี ซึ่งก็มีคำถามมามากว่า อาตมาจะบวชนาน แค่ไหน อาตมาตั้งใจแต่เบื้องต้นว่า จะมาบวชเพื่อศึกษาธรรมะ ฝึกปฏิบัติ ให้เกิดบุญ เกิดกุศล อาตมาจะได้อุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิตทั้งหลาย เราต่อสู้มาทั้งหมด 204 วัน อาตมาตั้งใจว่าจะไม่คิดอะไรในขณะที่บวช จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ดีให้ครบ 204 วันก่อนแล้วค่อยมาคิดเรื่องของตัวเอง ว่า จะตัดสินใจบวชต่อไปหรือจะลาสิกขา ถ้าจะบวชต่อไปก็ไม่ต้องคิดมากบวชต่อไปแต่ถ้าจะลาสิกขาต้องมาคิดว่าจะลาเมื่อไหร่ อย่างไร แต่ตอนนี้ยังไม่คิด ไม่ว่อกแว่ก เวลาอาตมาทำอะไรจะไม่ว่อกแว่ก เพราะฉะนั้นตราบใดที่ไม่ครบ 204 วันอาตมาจะไม่คิดเรื่องนี้

ขณะที่หลวงลุงบวชอยู่ ก็ยังมีข่าวทวงเงินบริจาค 2,000ล้านว่าหายไปไหน ตรงนี้จะชี้แจงอย่างไร

อาตมาเข้าใจดีคนที่มีเจตนาจะทำลายล้างมวลมหาประชาชน หรือกระบวนการของมวลมหาประชาชนก็ต้องพุ่งเป้ามาที่แกนนำก่อน ก็เริ่มจากอาตมาหัวแถว และจะไล่ไปหาแกนนำทั้ง 9 คนตามลำดับ อะไรที่จะทำให้กระบวนการของมวลมหาประชาชนสั่นคลอน อ่อนแอลงได้เขาก็ทำได้ทุกอย่าง เท่าที่อาตมามีประสบการณ์ สังเกตมา เรื่องที่จะทำลายคนมี 2 เรื่องคือ 1. เรื่องชู้สาว และ 2. เรื่องเงิน เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องมาเล่นงานว่า พวกอาตมาหอบเงิน 2,000-3,000 ล้านบาท มาเสวยสุขในเพศบรรพชิต ก็ไม่เป็นไรให้ส่งดีเอสไอมาค้นในกุฏิได้ไม่มีปัญหา อาตมาอยากจะบอกไปถึงญาติโยมมวลมหาประชาชนว่า ไม่ต้องไปโกรธเคือง ไปมีอารมณ์เรานิ่ง เราเฉย ใจเราพ้นเรื่องนินทา โจมตีแบบนี้ไปแล้ว เรารู้ว่ากว่าจะมีเงินแต่ละบาทเราเดือดร้อนอย่างไร เราไม่เคยบ่น หรือเรียกร้องจากใคร ทุกคนเห็นและเราเปิดเผย ฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปตอบโต้ใคร เพราะเขาไม่ได้หวังดีกับเราอยู่แล้ว

เรื่องการช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บ เสียชีวิตอยากจะให้รัฐบาลเข้ามาช่วยหรือไม่

รัฐบาลพิจารณาไปแล้วกัน ก็รู้ก็เห็นอยู่ อาตมาบอกตรง ๆ ว่า ผู้เสียชีวิตไม่มีใครมาเรียกร้องจากเรา เราทำด้วยหัวใจกันจริง ๆ แต่ก่อนคนที่เสียชีวิตได้เงินมา 7.75 ล้านบาท ขณะที่ของเราไม่มีเลย แต่เราจะไม่ไปเรียกร้องใด ๆ ให้รัฐบาลพิจารณาเอง ใครมีหน้าที่อะไรก็ดูไป เราเจียมตัว ไม่ไปทวงบุญคุณกับใคร ไม่ไปเรียกร้องกับใคร คนที่น่าสงสารมากที่สุดคือผู้พิการ เมื่อเราจดทะเบียนมูลนิธิมวลมหาประชาชนเสร็จแล้ว อาตมาคิดว่า จะเดินปาฐกถาธรรมหาเงินให้กับมูลนิธิเพื่อที่จะไปดูแลผู้พิการและผู้เสียชีวิต ซึ่งเราจะดูแลผู้พิการต่อไป ไม่เรียกร้องความเห็นใจจากใคร

มองการทำงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไร

หลังจากที่เราวางภาระเรื่องบ้านเมือง แล้วชวนมวลมหาประชาชนเข้ามาปฏิบัติธรรม ทำใจให้สงบ ทำใจให้ร่มเย็น สู้กันมากแล้ว เหนื่อยกันมามากแล้วพักกันบ้าง เราจะบอกกับประชาชนของเราว่า เอาเรื่องบ้านเมืองให้เป็นภาระของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรคพวกไป ขอบคุณที่เขามารับหน้าที่ แบกภาระบ้านเมืองแทนพวกเรา ไม่อย่างนั้นถ้าเขาไม่ออกมาเราต้องเป็นรัฐบาลกันเอง ป่านนี้หัวล้านหมดแล้ว ภาระบ้านเมืองเยอะแยะ ก็ต้องขอบคุณ ทุกคนได้เอาใจช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ให้เขาทำงานสำเร็จ ให้เขาปฏิรูปบ้านเมืองให้สำเร็จ เอาใจช่วย สนช. เอาใจช่วย สปช. เราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองที่ดีขึ้น

มั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้

อาตมาไม่รู้จัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยเป็นญาติพี่น้อง ไม่เคยมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยกันมาทางใดทางหนึ่ง แต่ว่ารู้จักในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายที่รักชาติ รักแผ่นดิน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเหมือนกัน อาตมาเชื่อเขาหมดหัวใจ เคยทำงานมาด้วยกัน และเชื่อว่า คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนพึ่งได้ ชาติพึ่งได้ อาตมามั่นใจว่า อาตมามองไม่ผิด และเขาสุจริต อาตมาเป็นนักการเมืองอาชีพมา 30 กว่าปี คนมาเป็นนายกรัฐมนตรีมา บริหารประเทศเหนื่อยยากมาก ไม่ต้องอะไรแค่เลือกคนมาเป็นคณะรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว และรัฐมนตรีแต่ละคนเห็นหน้าไม่เห็นหัวใจ เวลามาทำงานจริง ๆ เป็นอย่างไร

“อาตมาพูดให้รัฐมนตรีเหล่านั้นได้สำนึกว่า การมาเป็นรัฐมนตรีในยุคสมัยนี้ต้องรู้ว่ามาเป็นในสถานการณ์พิเศษ ไม่ใช่สถานการณ์ธรรมดาจะมาคิดว่าเป็นรัฐมนตรีเพื่อเกียรติยศของวงศ์ตระกูล ทำเท่อยู่ไม่ได้ รัฐมนตรีในรัฐบาลยุคนี้ต้องทำงานหนักกว่ารัฐมนตรีสมัยปกติ 5 เท่า 10 เท่า ถึงจะแก้ปัญหาประเทศได้ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า เสียของ แต่สำหรับตัว พล.อ.ประยุทธ์ อาตมาให้คะแนนเต็ม ใครจะกล่าวหาอย่างไรไม่สนใจ อาตมาบอกประชาชนว่าเชียร์เขา สนับสนุนเขา เขานี่แหละเป็นความหวัง เขาทำการแทนเรา เราขอให้เขาทำงานสำเร็จ ทำการปฏิรูปให้สำเร็จ”

มองการทำงานของ สนช. และ สปช. ในเวลานี้อย่างไร

อาตมาไม่รู้ว่า สนช. และ สปช. คัดเลือก หรือตั้งกันมาอย่างไร แต่อยากจะให้แต่ละคนที่ได้มาเป็นแล้ว สำนึกว่า ประเทศนี้ แผ่นดินนี้หวังพึ่ง ประชาชนหวังพึ่ง ต้องเข้าใจว่า ประชาชนต้องการเห็นการปฏิรูปประเทศ จะมานั่งตีสำนวนโวหาร อภิปรายกันเหมือน ส.ส. พรรคการเมืองต่าง ๆ เขาทำกันมันคงไม่ถูกต้องเพราะฉะนั้น การที่พล.อ.ประยุทธ์จะไปพบกับ สนช. และ สปช. เพื่อพูดคุย อาตมาคิดว่า สมควรที่ พล.อ.ประยุทธ์จะทำ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เสี่ยงชีวิตทำการยึดอำนาจ คนยึดอำนาจถ้าแพ้ก็เป็นกบฏ ขนาดอาตมายังไม่แพ้ยังโดนขอหากบฏต่อแผ่นดินอยู่เลย เพราะฉะนั้นเมื่อเขาตัดสินใจทำอย่างนั้น เขาจำเป็นที่จะต้องมีความรับผิดชอบ เขาตัดสินใจยึดอำนาจมาเขาต้องรับผิดชอบต่อประชาชน รับผิดชอบต่อแผ่นดินนี้ เมื่อคนที่เขาตั้งขึ้นมา องค์กรต่าง ๆ ทำไม่ได้ก็ต้องเลือกใหม่

“แม้แต่รัฐมนตรีทั้งหลายถ้าแก้ปัญหาประชาชน ไม่ได้ก็ต้องออก พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจ รับอำนาจไปจากประชาชน ทำเลย เป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์เต็มที่แล้ว คนไหนทำงานให้ประเทศชาติไม่ได้ก็เปลี่ยน เพราะว่า เวลาเสียหายขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ ทั้งชีวิต ลูกหลานเดินถนนต้องรับคำวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าทำไม่สำเร็จ เราก็เห็นมาแล้วคนพูดเรื่องเสียของ ของเสียกันมาตั้งมากมายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์มีบทเรียน แต่อาตมาเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนฉลาด เป็นคนจริงใจ เพียงแต่ว่าเรื่องของบ้านเมืองท่านอาจจะไม่รู้ทุกเรื่อง ต้องเข้าใจว่าท่านเป็นทหาร เป็นทหารอาชีพ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองมาก่อน แต่อาตมาเชื่อว่า เขาเรียนรู้มาก”

ดูเหมือนว่าท่านจะมั่นใจ พล.อ.ประยุทธ์มาก แต่ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจ โดยเฉพาะในเรื่องของการถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นี่เป็นจุดอ่อนของสังคมไทย สังคมไทยเวลามีความคาดหวังอะไรจะให้เป็นอย่างใจตัวเองทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ใช้อำนาจถอดถอนด้วยตัวเองนะ วันนี้ต้องใช้ สนช.และ สนช. ที่ตั้งมามีความเห็นร้อยพ่อพันแม่ ความคิดเห็นต่างความเห็นเขาจะเอาอย่างไรเป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ บังคับยาก แม้แต่เรื่อง สปช. เรื่องปฏิรูปคิดกันคนละด้าน บางทีทำงานมาด้วยกัน แต่เมื่อมาเป็น สนช. ก็คิดต่างกันอีก นายกฯ จะมาจากการเลือกตั้งโดยตรงหรือจะมาจากสภา นายกฯจะมาจากสภาหรือจะเป็นคนนอก ก็มีสารพัดความคิดเห็น เป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นเราต้องแยกแยะให้ชัดเจน จะไปลงโทษ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวไม่ยุติธรรม อาตมาไม่ได้มาแก้ตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์

จะถูกจะผิดต้องว่ากันไปตามกฎเกณฑ์ ถอดถอนได้หรือไม่ได้ก็ว่ากันไปตามเกณฑ์ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น จะดำเนินคดีได้หรือไม่ก็ว่าไปตามเกณฑ์ไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ต้องพูดกันตรง ๆ อัยการก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน จุดยืนเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ง่าย แต่อาตมาฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ อำนาจอยู่ในมือของท่านทุกอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ ท่านต้องใช้อำนาจของท่านเต็มที่ เล็งประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นหลัก ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งนั้น วันนี้ต้องคิดอย่างนี้ เมื่ออำนาจอยู่ในมือต้องบริหารอำนาจเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองนี้ หมดเวลาที่จะต้องเกรงใจใคร สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ อาตมาเชื่อว่าเขาเป็นชายชาติทหาร เป็นลูกผู้ชายที่กล้าที่จะทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง เมื่อถึงคราวจำเป็น

ถ้าผลออกมาว่าไม่ถอดถอน ทางมวลมหาประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่

ตอนนี้อาตมาจะไม่พูดประเด็นการเมือง อาตมาพูดกับมวลมหาประชาชนว่า เราจะสงบ จะนิ่ง เราต้องการให้บ้านเมืองนิ่ง ให้บ้านเมืองสงบ เพื่อให้คนที่มีหน้าที่แก้ปัญหาได้ทำงาน ถ้ายังวุ่นวายรัฐบาลหรือสภาเทวดาที่ไหนก็แก้ไม่ได้ สภาเทวดาทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้น มวลมหาประชาชนของเราจะนิ่ง เราจะไม่ลงไปร่วมวงทะเลาะกับใคร เขาจะเลือกนายกฯโดยตรงหรือนายกฯโดยอ้อม จะเอาคนนอกหรือคนในเป็นนายกฯ เราจะนั่งฟังเฉย ๆ เขาจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอน เราจะดูแล เจตนาเป็นเครื่องบ่งบอกว่าคนนั้น คนฝ่ายนั้นเขาคิดอะไร เขาทำอะไรเพื่อประโยชน์ของใครให้ถึงที่สุด มวลชนถ้าไม่ถึงที่สุดเราจะไม่เคลื่อนไหว แต่ยืนยันให้ทุกคนรู้ว่าชาตินี้ ประเทศนี้ เป็นสมบัติของประชาชน ที่สุดของที่สุดคือประชาชนต้องรับผิดชอบ ต้องดูแลชาติบ้านเมือง

ถ้าหากนางสาวยิ่งลักษณ์ จะหวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งมองอย่างไร

เขาจะพูดอย่างไรเรื่องของเขา ไม่เป็นไร แต่เราจะบอกเขาว่า คนที่ทำไม่ดีไม่มีทางที่จะกลับมาโกงชาวนาได้อีก ไม่มีทางที่จะมาปล้นประเทศไทยอีก อย่าระเริงไปว่าจะรอดเงื้อมือของกฎหมาย เราไม่รู้ว่าคนจะถอดถอนเขาได้หรือไม่ กฎหมายจะเอาผิดเขาได้หรือไม่ แต่ให้รู้ว่าประชาชนจับตามองทุกขณะและประชาชนเก็บทุกอย่างไว้ในหัวใจ

สุดท้ายอยากจะฝากอะไรไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

อาตมาเคยพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มานานแล้วและเลิกพูดไปแล้ว เพราะเห็นว่า เขาแก้ตัวไม่ได้ เขาไม่สามารถหยุดยั้งกิเลสที่ครอบงำ รวยแล้วก็อยากรวยที่สุดติดอันดับโลก มีอำนาจแล้วก็อยากมีอำนาจเป็นนายกฯ อยู่ ก็อยากเป็นประธานาธิบดี นี่คือกิเลส แล้วเห็นว่า คนที่อยู่แวดวงก็มีกิเลสเดียวกัน พวกนี้ถึงทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่ต้องบอกให้เขารู้ว่า มวลมหาประชาชนวันนี้ตื่นแล้ว รู้แล้ว และจะไม่ปล่อยปละละเลยให้เขามาทำปู้ยี่ปู้ยำให้ประเทศไทยของเราอีกต่อไป เขาจะเชื่อเราหรือไม่ก็ตามใจ แล้วอย่ามาหลงระเริงในอำนาจเงิน อำนาจอิทธิพลที่เขามี เราได้พิสูจน์แล้วว่าคนจนอย่างเรา คนธรรมดาอย่างเรา มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่และพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อให้ประเทศอยู่รอด รอดจากเงื้อมือพวกเขาซึ่งเรามองเห็นว่าเขามาด้วยกิเลสก้อนใหญ่ กองใหญ่ เยียวยาไม่ได้.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์