ล้างบางบช.ก.ครั้งใหญ่ โยกย้าย202ตำแหน่ง

ล้างบางบช.ก.ครั้งใหญ่ โยกย้าย202ตำแหน่ง

ผบ.ตร.สั่งกวาดล้างขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง โยกย้ายใหญ่บช.ก.202ตำแหน่ง กองปราบฯล้างบาง50ตำแหน่ง

จากกรณีพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้กวาดล้างขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง

พร้อมกับปลดย้าย และจับกุมดำเนินคดีตำรวจสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งนำโดย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.และขณะนี้ผบ.ตร. กำลังลงมือจัดระเบียบตำรวจในสังกัดบช.ก. ครั้งใหญ่ โดยจะมีการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อจัดหาตำรวจเข้าไปดูแลงานในบช.ก. เพื่อสร้างภาพพจน์ใหม่ให้กลับมาเป็นที่เชื่อถือของประชาชน โดยล่าสุดมีการตัดสินใจแต่งตั้งพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.ก. ขึ้นดำรงตำแหน่งผบช.ก. คนใหม่ เพื่อทำหน้าที่แทนพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่ถูกดำเนินคดี และถูกปลดจากราชการไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

รายงานข่าวจากกองบังคับการปราบปราม ระบุว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ถือเป็นการล้างบางครั้งใหญ่ใน บช.ก.
 
โดยมีนายตำรวจระดับสารวัตรไปจนถึงรองผู้บังคับการ (สว.-รอง ผบก.) จากทุก บก. ในสังกัด บช.ก. จะถูกเสนอชื่อย้ายออกนอกหน่วยทั้งสิ้น 202 นาย ซึ่งถือว่าเป็นการย้ายครั้งใหญ่ที่สุดกว่าที่เคยมีการโยกย้ายใน บช.ก. โดยนายตำรวจที่ถูกเสนอชื่อทั้งหมดถูกมองว่าเป็นนายตำรวจที่อยู่ในเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และได้ดิบได้ดีในสมัยที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นั่งเก้าอี้เป็น ผบช.ก. ทั้งหมดจะถูกเสนอชื่อย้ายออกไปยัง กองบัญชาการต่างๆ ทั่วประเทศ โดย บก. ที่มีผู้ถูกเสนอชื่อโยกย้ายออกนอกหน่วยมากที่สุด คือ ตำรวจในสังกัด กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ถูกเสนอชื่อออกนอกหน่วยมากถึง 50-60 นาย หรือคิดเป็น 25% ของตำรวจทั้งหมดที่จะถูกโยกย้าย ส่วนที่เหลือจะถูกโยกย้ายเป็นจำนวนลดหลั่นกันลงมาจะเป็นตำรวจที่อยู่ในสังกัด กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และกองบังคับการตำรวจน้ำ(บก.รน.) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม มีรายงานด้วยว่า ผู้ที่จะถูกโยกย้ายนั้น ส่วนใหญ่แล้วถูกกำหนดให้ไปสังกัดอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
 
โดยผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่า เพื่อเป็นการลงโทษจากการกระทำความผิด ร่วมกับเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกดำเนินคดีด้วยก็ตาม แต่การโยกย้ายครั้งนี้เริ่มประสบปัญหา เนื่องจากจำนวนตำรวจที่ถูกย้ายออกจาก บช.ก. นั้นมีจำนวนมากกว่านายตำรวจที่สมัครใจจะย้ายมาอยู่ในสังกัด บช.ก. และตำรวจในพื้นที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่แล้ว ก็เป็นคนที่มีพื้นเพอยู่ในจังหวัดนั้นๆ หรือใกล้เคียง จึงไม่มีความต้องการจะเข้ามาทำงานใน บช.ก. จากปัญหาดังกล่าวจึงทำให้โผแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีปัญหาล่าช้า เพราะติดพันกันไปหมดทุกกองบัญชาการทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของ บก.ป. นั้น รองผู้บังคับการ(รองผบก.ป.)

ที่จะถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยประกอบด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ พ.ต.อ.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ส่วนที่เหลือ คือ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบก.ป. และ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. ยังคงอยู่ที่เดิม ทำให้ใน บก.ป. มีตำแหน่ง รองผบก.ป. ว่างถึง 7 ตำแหน่ง ในส่วนของ ผู้กำกับการทุกตำแหน่งจะถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยทั้งหมด ยกเว้นตำแหน่ง ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม (ผกก.ปพ.) ที่ยังคงเป็น พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผกก.ปพ. รักษาการในตำแหน่ง ผกก.ปพ. คุมกำลังคอมมานโด และสายตรวจทั่วประเทศอยู่เหมือนเดิม ส่วนที่ถูกโยกย้ายประกอบด้วย พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก. 2 บก.ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณเกษม ผกก. 3 บก.ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก. 4 บก.ป. พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก. 5 บก.ป. และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก. 6 บก.ป. ที่แม้จะไม่ใช่เด็กในคาถาของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และมีผลงานสืบสวนจับกุมคลี่คลายคดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ถูกเสนอชื่อโยกย้ายด้วยเช่นกัน

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ในส่วนของรองผู้บังคับการที่จะกลับเข้ามาเป็น รองผบก.ป. นั้น

ขณะนี้เท่าที่มีรายงานประกอบด้วย พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9 (รองผบก.สส.ภ.9) พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผู้บังคับการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รองผบก.สปพ.) พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(รองผบก.ปคม.) พ.ต.อ.สมภพ พงษ์ฤกษ์ รองผบก.สส.ภ. 7 เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนายตำรวจลูกหม้อของ บก.ป. แทบทั้งสิ้น ในส่วนของ กก.1 บก.ป. นั้น พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) ที่ขณะนี้มานั่งรักษาการแทน ผกก.1 บก.ป. อยู่นั้น จะได้นั่งเก้าอี้นี้เต็มตัวคุมพื้นที่เมืองหลวง แทน พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 บก.ป.ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายหลังถูกจับกุมดำเนินคดี โดย พ.ต.อ.จิรภพ ได้รับแรงผลักดันจากสายทหาร

ส่วนนายตำรวจที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผกก. ใน บก.ป. นั้น

 ส่วนใหญ่เป็นเด็กในสายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีต รองผบ.ตร.
ประกอบด้วย พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดภูเก็ต (ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต) พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.สส.ภ.จว.นครนายก พ.ต.อ.โสภณ สารพัฒน์ ผกก.สภ.ทุ่งลุง จ.สงขลา พ.ต.อ.สุรพงษ์ ธรรมพิทักษ์ ผกก.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก. 8 บก.รน. นอกจากนี้ยังมีชื่อของ พ.ต.อ. สมพงษ์ สุวรรณวงศ์. รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.3. เป็นตัวสอดแทรกอีกด้วย.


ล้างบางบช.ก.ครั้งใหญ่ โยกย้าย202ตำแหน่ง


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์