อภิสิทธิ์ ท้ารัฐจัดการม็อบพังเวที ปชป. พิสูจน์กฎหมู่ไม่เหนือ กม.

อภิสิทธิ์ ท้ารัฐจัดการม็อบพังเวที ปชป. พิสูจน์กฎหมู่ไม่เหนือ กม.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2549 18:37 น.

อภิสิทธิ์ จี้รัฐบาลจัดการม็อบกลุ่มปิดล้อมเวทีที่เชียงใหม่ ท้าพิสูจน์กฎหมู่ไม่อยู่เหนือกฎหมาย เพราะมีความผิดซึ่งหน้าพร้อมหลักฐานชัดเจน ย้ำสิทธิเสรีภาพสำคัญสุดในระบอบ ปชต. ชี้การหลอมรวมคนไทยคือภาระสำคัญของรัฐบาลชุดใหม่

วันนี้ (31 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรีปิดล้อมทางเข้าออกเวทีปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.เชียงใหม่เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนขอถือโอกาสขอบคุณประชาชนที่เป็นกำลังใจมาจากทุกภาคจำนวนมาก ซึ่งรักในเรื่องของสิทธิเสรีภาพ และจิตวิญญาณของความเป็นนักประชาธิปไตยบนหลักการที่รักษาไว้ของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งได้ให้กำลังใจและแสดงความห่วงใยตนและพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการแสดงออกของคนเชียงใหม่ที่มานั่งฟังการปราศรัยด้วยความสงบ

สำหรับเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นมาจากคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีกระบวนการในการจัดการเชื่อมโยงกับการใช้อำนาจทั้งในส่วนของท้องถิ่นและผู้มีอำนาจอื่นๆ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เราได้รับทราบตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนที่จะออกเดินทางไป จ.เชียงใหม่ มีประชาชนที่เป็นห่วงแจ้งเบาะแสมาให้ทราบ ทำให้เราเข้าใจชัดเจนว่ามีขบวนการ และเชื่อด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐทราบล่วงหน้าเช่นกัน แต่ที่น่าสังเกตคือ การกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตนได้ขึ้นไปปราศรัยในช่วงสั้นๆ ซึ่งตนตั้งใจไปขอบคุณคนที่มาฟังและยืนยันว่าสิ่งที่เราทำเป็นเพียงการใช้สิทธิตามวิถีทางประชาธิปไตย แต่เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายก็ตั้งใจว่าจะไปยุติการปราศรัย ทั้งนี้ ระหว่างการปราศรัยมีผู้ที่สร้างปัญหาเข้ามากล้ากระทำสิ่งเหล่านี้ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีสื่อมวลชนพร้อมกล้องโทรทัศน์ที่เป็นสักขีพยานบนเวที

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นการท้าทายกฎหมายบ้านเมืองอย่างยิ่ง และสะท้อนคำว่ากฎหมู่ได้ดีที่สุด รัฐบาลต้องพิสูจน์จากกรณีนี้ว่ากฎหมู่ไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย เพราะภาพเหตุการณ์ทั้งหมดมีการบันทึกไว้ และความจริงแล้วการมาชุมนุมที่สนามบินถ้าไปสอบถามบุคคลในสถานที่ที่เกี่ยวข้องน่าจะยืนยันได้ว่าผู้ที่มีส่วนในการจัดการก็เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นใคร สังกัดที่ไหน ในหลายกรณีของความไม่สงบทำให้ขาดความมั่นใจว่าประชาชนธรรมดาโดยเฉพาะใครก็ตามที่ไม่อยู่ในสังกัดของผู้มีอำนาจ ยังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับใคร นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดยืนทางการเมืองคือต้องการยืนยันว่าพื้นฐานที่สำคัญของประชาธิปไตยต้องมาก่อน คือ สิทธิเสรีภาพ การได้รับการปฏิบัติโดยเท่าเทียมกัน 1 คน 1 เสียงต้องมาจากตรงนี้ก่อน นั่นคือสิทธิในการรับรู้และเสนอข้อมูลข่าวสารที่ทุกคนสามารถจะไปไหนต้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งตนต้องการเห็นเจ้าหน้าที่และรัฐบาลแสดงความจริงจังในการพิทักษ์ตรงนี้ จึงจะพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าคือการรักษากติกาบ้านเมือง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วแน่นอนที่สุดมีปฏิกิริยาที่ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สนับสนุนพรรค หรือบุคคลทั้งหลายที่เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่ตนจำเป็นที่จะต้องเรียนถึงประชาชนทุกคนที่มีความรู้สึกรุนแรงว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของคนเชียงใหม่ แต่เป็นเรื่องของคนเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่มีการจัดการเป็นขบวนการ คนเชียงใหม่หลายคนได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น กรุณาอย่าเหมารวมว่าเป็นเรื่องของคนเชียงใหม่ และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำกิจกรรมทางการเมืองที่เชียงใหม่มาตลอด แต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้

อย่างไรก็ตาม อยากขอบคุณสำหรับกำลังใจและขอเรียกร้องให้บ้านเมืองต้องจัดการกับขบวนการนี้ ซึ่งตนยืนยันว่าเป็นการจัดการจริงๆ และเป็นผลพวงอย่างหนึ่งของระบอบทักษิณ อีกทั้งอย่าให้เหตุการณ์นี้นำไปสู่ความแตกแยกในเรื่องของจังหวัดในเรื่องภาค แต่ทุกคนต้องยืนหยัดในเรื่องสิทธิเสรีภาพที่จะต้องใช้ได้ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับสังคมและการเมืองต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมั่นใจว่าเป็นกระบวนการจัดตั้งพรรคจะมีการดำเนินคดีกับผู้นำท้องถิ่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความผิดซึ่งหน้า เจ้าหน้าที่ก็อยู่และหลักฐานสื่อสารมวลชนก็มีอยู่ครบถ้วน จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ส่วนจะเป็นโทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ตนคิดว่าต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่พิสูจน์ก่อนว่า ที่พูดว่าไม่ยอมรับกฎหมู่เป็นอย่างไร

เมื่อถามว่ามั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบ้านเกิดของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย คนไทยก็ต้องมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน คือจุดสำคัญที่สุด ตนคิดว่าถ้าเราหลุดไปจากหลักนี้ไม่มีทางที่จะเริ่มต้นเรื่องประชาธิปไตยได้เลย ดังนั้น จึงต้องเรียกร้องว่าเจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่รักษาบ้านเมืองอย่าไปทำหน้าที่ปกป้องหรือเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ผมหมดกำลังใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่มานั่งฟังการปราศรัยถือว่ากล้าหาญมาก คือ ถูกปิดล้อมไม่ให้เข้าไปฟังก็ยังอุตส่าห์มุ่งมั่นไปนั่งฟังด้วยความสงบ การเปิดปราศรัยของพรรคทุกเวทีเราเชิญชวนคนไปเลือกตั้งดังนั้นคนที่มาดำเนินการกับเวทีของพรรคประชาธิปัตย์ คือคนที่ขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยอย่างชัดเจน นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบกับความรู้สึกของคนภาคใต้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กระทบกับความรู้สึกแน่นอน แต่ความจริงไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นคนใต้หรือเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ใครที่หวงแหนสิทธิเสรีภาพของคนทุกคนรู้สึกได้ และท้ายที่สุดตนยังเชื่อว่าแนวทางเรื่องของเหตุผล สติ และความสงบจะเป็นแนวทางที่ยั่งยืนที่สุด เพราะถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้โดยไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลที่มาจากความไม่ถูกต้อง ตนก็ยังเชื่อว่าความถูกต้องจะได้รับชัยชนะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้การหลอมรวมของคนทั้งประเทศยากมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การหลอมรวมเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลชุดต่อไป และจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีผู้นำที่สำนึกในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความถูกต้อง ความรับผิดชอบ ดังนั้น ภารกิจการหลอมรวมเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าผู้นำขาดสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนพยายามพูดมาตลอดก็คือ หลายฝ่ายพยายามยึดสันติวิธี แต่เมื่อเวลาผ่านไปความสุ่มเสี่ยงมีมากขึ้น และถ้าบรรยากาศของบ้านเมืองไม่เป็นไปบนพื้นฐานของประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพหรือทำให้เกิดความรู้สึกเท่าเทียมกัน ก็จะไม่ได้คำตอบที่จะคลี่คลายเรื่องต่างๆ ได้ ดังนั้น วันที่ 2 เมษายน จึงไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหาวิกฤตในปัจจุบันสิ่งที่เรายืนยันก็คือ คนเป็นผู้นำประเทศต้องกลับไปคิดให้หนัก

ด้าน นายเจริญ คันธวงศ์ อดีตประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนอยู่ในวงการการเมืองมา 30 ปี ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาอยู่ในวงการการเมือง ตนจึงอยากวิงวอนคนที่เกี่ยวข้อง ว่าอย่าได้เอาวัฒนธรรมนี้มาเป็นวัฒนธรรมการเมืองของประเทศไทย ครั้งนี้ถือว่าเป็นรอยด่างของประวัติศาสตร์การเมือง แต่ไม่ว่าเขตไหนไม่อยากให้มีการแก้แค้นกัน จึงอยากวิงวอนว่าอย่าให้เกิดขึ้นเลย เพราะเสียชื่อประชาธิปไตยคนไทย และเสียชื่อคนเชียงใหม่ เพราะคนเชียงใหม่มากมายโทร.มาให้กำลังใจพรรคประชาธิปัตย์ให้ต่อสู้ต่อไป เพื่อความถูกต้องของสังคม อย่าได้ท้อถอย

ด้าน นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เดินลงจากเวทีไม่ใช่เป็นการประท้วง แต่เป็นการกุ้มรุมทำร้ายมากกว่า ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้าเพราะพวกเราหลายคนถูกลูกหลง ทั้งนี้ กระบวนการจัดตั้งที่เกิดขึ้นผิดปกติ เพราะตามปกติต้องมีการเลี้ยงน้ำเลี้ยงข้าว แต่ม็อบเหล่านี้มีการเลี้ยงเหล้า เหมือนต้องการเจตนาให้เกิดความรุนแรงขึ้น ดังนั้น จึงขอฝากเจ้าหน้าที่ว่าทีวีได้มีการบันทึกเทปไว้ชัดเจน

รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีประชาชนโทรศัพท์มาสอบถามที่ทำการพรรคถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าพรรคจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ซึ่งแกนนำพรรคได้กำชับไปยังอดีต ส.ส.ของพรรคในภาคใต้ไม่ให้มีการเคลื่อนไหวหรือทำอะไรในลักษณะตอบโต้ เพราะเหตุการณ์จะบานปลาย เนื่องจากคนภาคใต้บางคนไม่พอใจอย่างมากถึงขนาดบอกว่าจะเดินทางไปเผาที่ทำการพรรคไทยรักไทย

นักธุรกิจใต้มองม็อบต้าน ปชป. ที่เชียงใหม่จัดตั้ง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2549 02:02 น.

กลุ่มม็อบต่อต้าน ปชป.ปราศรัย ที่เชียงใหม่ไม่กระทบการท่องเที่ยวระหว่างภาค เหตุน่าจะเป็นม็อบจัดตั้งจากฝ่ายตรงข้าม

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ได้เปิดเผยถึงการก่อความวุ่นวายขณะที่พรรคประชาธิปัติย์ขึ้นเวทีปราศรัย ที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ในภาคการท่องเที่ยวระหว่างภาคคงจะไม่มีผลกระทบ เนื่องจากทุกคนทราบดีว่า อุปนิสัยใจคอของคนเชียงใหม่ไม่ได้ก้าวร้าวเหมือนอย่างที่เห็นในภาพทางสื่อต่างๆทั้งโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ และคนใต้เองก็มีเหตุผลพอที่จะไม่ทำร้ายนักท่องเที่ยว หรือคนต่างถิ่นที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว หรือเข้ามาทำธุระ แต่ภาพที่เห็นทางสื่อน่าจะเป็นกลุ่มม็อบที่ต่อต้านพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอาจจะได้รับการจัดตั้งมาจากพรรคการเมืองตรงข้ามมากกว่า

นายกสมาคมท่องเที่ยวฯ ได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวทั่วไปของจังหวัดกระบี่จากภาวะการเมืองเริ่มรุนแรงและวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดน้อยลงตามลำดับ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เนื่องจากข่าวสารในทุกวันนี้รวดเร็วมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจะทราบล่วงหน้าตลอดว่าเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร ถ้าหากว่า เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย นักท่องเที่ยวก็จะยกเลิกโปรแกรมการเดินทางไปยังประเทศนั้นทันที ซึ่งขณะนี้ภาพการท่องเที่ยวโดยรวมของจังหวัดกระบี่ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว

นายกสมาคมท่องเที่ยวฯได้กล่าวอีกว่า จากการที่ได้เดินทางไปทำโรดโชว์ยังกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 2549 ที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวและเอเย่นต์ทัวร์ของหลายๆ ประเทศเป็นจำนวนมาก โดยจะมีการเดินทางมาในช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวที่จะถึง ตั้งแต่เดือนพฤจิกายน 2549 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาวะปัจจัยภายในประเทศด้วยว่ามีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือไม่ หากว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น นักท่องเที่ยวก็คงจะยกเลิกอย่างแน่นอน ขอวอนทุกฝ่ายให้หันหน้าเข้าหากัน อย่าทำให้สังคมต้องแตกแยกมากว่าที่เป็นอยู่ เพื่อประเทศไทย เพราะขณะนี้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็ได้รับผลกระทบมากพอแล้ว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์