เติ้ง ไม่ร่วมถกนายกฯ แนะโละ-ตัดหัวกุนซือทิ้ง

เป็นไปด้วยความคึกคัก มีตัวแทนพรรคการเมืองทยอยเดินทางมาถึงร่วมประชุมกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อระดมความเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ตามกำหนดการเริ่มต้นขึ้นเวลา 14.30 น.

เริ่มจากนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการระดมความเห็นครั้งนี้ จากนั้น จะฟังความเห็นจากผู้แทนทุกพรรคการเมือง (44 พรรค) ผ่าน 3 ช่องทาง ประกอบด้วย

1.การแจกเอกสารจัดทำโดยสำนักประสานงานการเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้แก่หัวหน้าพรรคการเมือง แสดงความคิดเห็น

2.รวบรวมเอกสารข้อเนอแนะของทุกพรรคการเมือง ที่จัดทำถึงรัฐบาล

3.หยิบยกประเด็นสำคัญที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางขึ้นมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประชุมครั้งนี้ ใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

จากนั้น รัฐบาลจะรวบรวมความคิดเห็นของตัวแทนพรรคการเมืองเพื่อเสนอต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ประกอบการพิจารณาการร่างรัฐธรรมนูญ ส่งความเห็นดังกล่าวแยกจากความเห็นของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อ ส.ส.ร. ในวันพรุ่งนี้

จำนวนและที่มาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) การกำหนดให้มีองค์กรแก้ไขปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองในมาตรา 68 (2)

รวมถึงการบัญญัติบทนิรโทษกรรมของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) มาตรา 299 และประเด็นการบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า บรรยากาศภายในห้องประชุม มีการจัดโต๊ะในลักษณะ สี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยนายกรัฐมนตรี นั่งอยู่ตรงกึ่งกลางของโต๊ะ

โดยมี นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายนรนิติ เศรษฐบุตร ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ประธาน ส.ส.ร.) นั่งขนาบข้าง ฝั่งตรงข้ามมีตัวแทนพรรคการเมือง อาทิ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน และ
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช

ขณะที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ไม่มาร่วมประชุม อ้างติดนัดแพทย์ไม่สามารถเลื่อนนัดได้ โดยส่งนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เข้าร่วมประชุมแทน

สาเหตุที่ไม่ร่วมประชุมด้วยไม่ใช่เพราะงอน หรือมีปัญหา แต่ติดนัดสำคัญ ต้องไปพบแพทย์ หากรัฐบาลนัดหมายล่วงหน้าชัดเจน ก็ตั้งใจจะไปร่วมประชุมด้วย และที่ฝ่ายเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอ้างว่า

โทรศัพท์ติดต่อตนไม่ได้ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยนายบรรหาร ได้นำโทรสารหนังสือเชิญร่วมประชุมกับรัฐบาลมาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมชี้แจงว่า จากหนังสือดังกล่าว ทำให้เห็นได้ชัดว่า ทีมงานของนายกรัฐมนตรีทำงานบกพร่อง เพราะหนังสือลงวันที่ 3 พ.ค.

แต่เพิ่งจะส่งโทรสารมาให้พรรคการเมืองต่างๆ ช่วงเช้าวันนี้ และเครื่องโทรสารต้นทาง ที่ทำเนียบรัฐบาล ยังตั้งวันที่ผิด เป็นวันที่ 9 พ.ค. วันพรุ่งนี้ด้วย

"ผมเป็นห่วง ถ้านายกรัฐมนตรีมีสต๊าฟทำงานแบบนี้ ต้องปลดให้หมด เหมือนกับที่ผมเคยว่า นายกฯทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี) ว่า จะต้องเอากุนซือไปตัดหัว ทำงานแบบนี้มันสำคัญ อย่าไปดูถูกพรรคการเมือง ต้องให้เกียรติ

ผมว่าประชุมครั้งนี้ คงไม่ได้อะไร คงเป็นเบี้ยหัวแตก พูดกันคนละนาทีก็หมดเวลาแล้ว ที่จริงถ้าไม่พร้อม ไม่มีเวลา รัฐบาลก็น่าจะกำหนดวันอื่น ควรให้เวลาวันละ 4 - 5 ชั่วโมง" นายบรรหาร กล่าว

ต้องการให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญรับฟังความคิดเห็น และมีการปรับแก้ เพราะหากให้มีการร่างรัฐธรรมนูญไปก่อน จะไม่มีการแก้ไขเกิดขึ้น และยังไม่สามารถประเมินได้ว่า จะมีการเลือกตั้งภายในปีนี้หรือไม่ แต่เห็นว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย เลือกตั้งไปก็ไม่เกิดประโยชน์

"ไอ้ที่บอกว่ารับไป แล้วจะแก้ ผมไม่เชื่อ ไปเอาแบบอย่างเยอรมนีมา คนร่างคงต้องไปอยู่เยอรมนี ทำไมไม่เอาแบบคนไทย คนร่างก็อย่าอคติ เพราะคุณเธอไม่ได้ลงเลือกตั้ง

เช่น อาจารย์บางคน ผมเห็นในทีวีแล้ว อยากจะขว้างจอ บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ ส.ส.ที่จะไปงานบวช งานแต่ง ส.ส.มีหน้าที่ออกกฎหมาย คนคิดแบบนี้ต้องไปสอนหนังสือ ไปอยู่ในมหาวิทยาลัย ให้มาร่างรัฐธรรมนูญมันก็แย่

ผมยอมรับว่า ตอนนี้ผมห่วงสถานการณ์มากๆ ผมก็รักบ้านเมือง" หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าว

ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ