วาง 8 ยุทธศาสตร์ฟื้นฟูประเทศ

วาง 8 ยุทธศาสตร์ฟื้นฟูประเทศ


ชำแหละงบปี 58 วงเงิน 2.57 ล้านล้าน วาง 8 ยุทธศาสตร์ฟื้นประเทศ ทุ่ม 2.2 แสน สร้างความมั่นคงแห่งรัฐ มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังโตแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในฐานะปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ทยอยแจกจ่ายเอกสารและรายละเอียดเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2558  วงเงิน2,575,000 ล้านบาท ให้กับสมาชิก สนช.สำหรับนำไปศึกษาก่อนจะมีการประชุม สนช. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯในสัปดาห์หน้า หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯตำแหน่งประธานและรองประธานสนช. โดยเอกสารดังกล่าวมีการระบุถึงยุทธศาสตร์การจัดทำงบประมาณและการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของไทย 8 ด้านดังนี้

1.ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเร่งรัดวางรากฐานที่ดีของประเทศ 186,240.7ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.2 ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเร่งรัดการวางรากฐานที่ดีของประเทศให้มีความพร้อมในการดำเนินการตามกรอบประชาคมอาเซียน ปรับปรุงโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ขับเคลื่อนการวางโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับการพัฒนาสู่อนาคต เร่งรัดการประยุกต์ใช้งานวิจัยและพัฒนาไปสู่การปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศอย่างยั่งยืนเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ บูรณาการการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดจนป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างเป็นระบบ

2.ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งรัฐ 222,762.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.6 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อรักษาความมั่นคงแห่งรัฐ เทิดทูนและพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ รักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ โดยเสริมสร้างและพัฒนาระบบป้องกันประเทศให้มีความพร้อมและมีศักยภาพ เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศและประชาคมโลกในการอำนวยความปลอดภัย เตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย และภัยคุกคามทุกรูปแบบ รวมทั้งส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องและกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้มีประสิทธิภาพตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านงานข่าวทั้งในและต่างประเทศ

3.ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม 169,112.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.6 ของวงเงินงบประมาณ  เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสร้างเสถียรภาพทางการคลังในระยะยาว สร้างฐานการผลิตภาคการเกษตรให้มีความเข้มแข็ง ลดต้นทุนการผลิต ขยายผลความสำเร็จโครงการหลวงถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกร พัฒนาโครงการเกษตรกรปราดเปรื่อง ส่งเสริมสินค้าด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ขยายตลาดสินค้าอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล และอาหารเชิงสร้างสรรค์ มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว เสริมสร้างศักยภาพภาคการท่องเที่ยว พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ยกระดับความสามารถทางการค้าการตลาด ควบคุม กำกับราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม

4.ยุทธศาสตร์การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพชีวิต  955,921 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ 37.1 ของวงเงินงบประมาณ สนับสนุนการขยายโอกาสและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานอย่างทั่วถึง เป็นธรรม สนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับก่อนประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พัฒนาด้านสาธารณสุขให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและคุ้มครองแรงงาน ส่งเสริมการมีงานทำและยกระดับทักษะฝีมือและศักยภาพแรงงานไทยทั้งระบบ

5.ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 135,121.8 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.2 ของวงเงินงบประมาณ  เพื่อบริหารจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิดความสมดุลใช้ประโยชน์ในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดำรงไว้ซึ่งทรัพยากรป่าไม้สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทรัพยากรธรณี ทรัพยากรนํ้า ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในระดับมาตรฐาน ฟื้นฟู ป้องกัน และเยียวยาความเสียหายจากภัยทางธรรมชาติ ตลอดจนเตรียมความพร้อมรองรับและปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลก

6.ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม 24,741.4ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อเสริมสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมที่อยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม สร้างความร่วมมือระหว่างนักวิจัย สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัยทงั้ ในและต่างประเทศ และถ่ายทอดเทคโนโลยีงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ สร้างกระบวนการวิจัยและพัฒนาที่เป็นระบบโดยบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง พัฒนาบุคลากรวิจัยที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ

7.ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 9,594.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของวงเงินงบประมาณ เพี่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและขยายความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ ส่งเสริมให้ประเทศไทยมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในเวทีระหว่างประเทศ และให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มุ่งการให้บริการด้านการต่างประเทศ ตลอดจนดูแลสิทธิแรงงานในต่างประเทศ

8.ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 354,484.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.8 ของวงเงินงบประมาณเพื่อสร้างสมดุลการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการภาครัฐให้มีความพร้อม มีมาตรฐาน และบุคลากรภาครัฐมีขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน มุ่งเน้นการให้บริการสาธารณะที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า โปร่งใส ส่งเสริมให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระดับพื้นที่อย่างบูรณาการ และพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีขีดความสามารถในการให้บริการสาธารณะได้อย่างเหมาะสม ปฏิรูปกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากลและพัฒนาระบบกระบวนการยุติธรรมให้กับประชาชนอย่างเสมอภาค ตลอดจนสนับสนุนการบริหารงานของรัฐสภา ศาล และหน่วยงานอิสระของรัฐให้มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง               

นอกจากนี้ในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจเศรษฐกิจไทยในปี 2557 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 อัตราเงินเฟ้อประมาณร้อยละ 1.9-2.9 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญจากอุปสงค์ภายในประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี ภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีความชัดเจนและการบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยการใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและมาตรการทางเศรษฐกิจต่างๆ การเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 และการเร่งจัดทำพ.ร.บ.งบประมาณฯ ให้สามารถประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ตามกำหนดและเบิกจ่ายได้ตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณ  ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกับภาคการส่งออก คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีตามแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลเล็กน้อย เงินสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 3.5-4.5เร่งขึ้นจากปี 2557 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปี 2557 โดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่ฟื้นตัวเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติและโอกาสการส่งออกที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะมีความคืบหน้าในการดำเนินการได้มากขึ้น สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2558 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในช่วงร้อยละ 1.8-2.8 ใกล้เคียงกับปี 2557 แม้จะมีแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัว แต่คาดว่าระดับราคาน้ำมันจะค่อนข้างทรงตัว ขณะเดียวกันดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มที่จะเกินดุลต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากมูลค่าการส่งออกที่เร่งตัวขึ้นและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ในขณะที่การนำเข้าจะเร่งตัวช้ากว่าเพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตยังค่อนข้างต่ำ


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์