ลอกคราบสมบัติ บุญงามอนงค์ สาธยายเนื้อในผมเป็นเอ็นจีโอ

 ลอกคราบสมบัติ บุญงามอนงค์ สาธยายเนื้อในผมเป็นเอ็นจีโอ

7 ก.ค. 57 สำนักข่าวอิศราเปิดเผยบทสัมภาษณ์ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ซึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ในคุกเป็นเวลาเกือบ 1 เดือน ก่อนจะได้รับการประกันตัวผลัด 3 เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 57 เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน การเคลื่อนไหวทางการเมือง
 
และพูดถึงกรณีนายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ อดีตรองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

 โพสต์เฟซบุ๊ก "Vanchai Tantivitayapitak" กล่าว ชื่นชมนายสมบัติ ว่าเป็นคนที่มีความอดทนและทำงานเพื่อสังคมมาตลอด ทั้งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547 หรือการเป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อตั้งมูลนิธิกระจกเงา
 
นายวันชัยโพสต์ถึง บก.ลายจุดดังนี้
 
ปีนี้ครบรอบ 10 ปีของสึนามิที่เกิดขึ้นในภาคใต้ เมื่อเดือนธันวาคม 2547 ที่ภาคใต้ ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตมากกว่า 3 พันคน

ปีนั้นผมอยู่ในพื้นที่นาน ทั้งภูเก็ตและพังงา เพื่อเก็บข้อมูลและช่วยเหลือผู้คนเท่าที่จะมีโอกาส

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจมากคือ การได้เห็นจิตใจและความอึดอดทนของหนูหริ่ง ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการระดมอาสาสมัครเพื่อไปช่วยเหลือผู้คนเป็นเวลานานนับ เดือน

หนูหริ่งประสานทุกฝ่าย เพื่อจัดตั้งและสร้างระบบอาสาสมัครให้มีความชัดเจน

ท่ามกลางความหดหู่ เสียงร่ำไห้ของญาติพี่น้องและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์

การอยู่กับสภาพศพที่กองอยู่ในรถเทลเล่อร์สูงเท่าภูเขาเป็นเวลา นาน คงไม่สามารถบอกได้หรอกว่า รู้สึกอย่างไร แต่หนูหริ่งก็อดทนและทำงานต่อเนื่องอย่างน่ายกย่อง เพื่อช่วยเหลือใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของตัวเอง

ผมรู้จักหนูหริ่งหรือคุณสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด มานานมาก รู้จักทั้งภรรยา และลูกสาวที่เห็นตั้งแต่แรกเกิด เห็นการทำงาน ความตั้งใจของเขาในการตั้งศูนย์ช่วยเหลือคนหายในนามมูลนิธิกระจกเงา

เขาเป็นคนรุ่นแรก ๆ ที่สนใจเทคโนโลยีออนไลน์และเก่งอย่างหาตัวจับยากเมื่อยี่สิบกว่าปี

หากตั้งบริษัทคงรวยล้นฟ้าไปแล้ว แต่ก็ใช้พรสวรรค์อันนี้ในการทำงานช่วยเหลือสังคมมาตลอด

หนูหริ่งเป็นคนมีความกล้าและความเชื่อในอุดมคติที่ปรารถนาให้สังคมไทยดีขึ้น

แต่แน่นอนว่าความเชื่อของเขาอาจจะแตกต่างจากอีกหลายคนในสังคม ความมุ่งมั่นของเขาอาจจะทำให้คนมีอำนาจไม่สบายใจมาทุกยุคทุกสมัย

ในท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่กล่าวหาหนูหริ่งต่าง ๆ นานาอย่างไม่เป็นธรรม ผมเพียงอยากบอกว่า ผมภูมิใจที่เป็นมิตรสหายกับหนูหริ่งครับ

แม้ว่าหลายอย่างอาจเห็นเหมือนกัน บางอย่างอาจจะเห็นไม่ตรงกัน แต่ผมนับถือน้ำใจและความกล้าหาญของเขา ซึ่งนับวันจะหาได้ยากในสังคมนี้
 
นายสมบัติ เปิดใจกับสำนักข่าวอิศราไว้ดังนี้
 
@ หลังได้รับการประกันตัวประกาศเลิกเคลื่อนไหวทางการเมือง
 
ผมต้องหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่แล้ว เพราะได้รับสิทธิการประกันตัวก็ต้องทำตามเงื่อนไขที่ได้แถลงต่อศาล ก็จะต้องไม่เข้าข่ายมาตรา 116 ไม่ยุยงปลุกปั่น ชวนกันไปกินแซนวิช กินแม็คโดนัลด์ ทำไม่ได้แล้ว เพราะติดเงื่อนไขของศาล
 
ส่วนเรื่องการแสดงความเห็นเป็นเรื่องที่จำกัดโดยไม่น้อยในบริบทตอน นี้ แม้จะไม่เกี่ยวกับการยุยง ผมไม่รู้จะนิยามการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร แม้จะตั้งใจดีการเสนอแนะแนวทางการปรองดองอย่างไร
 
@ วางบทบาทตัวเองในช่วงนี้ไว้อย่างไร
 
บทบาทหลักของผม คนจำนวนหนึ่งเห็นผมทางการเมือง แต่ทางเนื้อในผมเป็นเอ็นจีโอ ผมจะกลับไปทำงานด้านสังคมมากขึ้น ช่วยเหลือสังคมมากขึ้น ทางการเมืองก็คงติดตามบ้าง แต่การแสดงความเห็นคงไม่มีแล้วหรือน้อยลง
 
“ผมจะกลับไปสู่จุดเดิม กลับไปทำงานภาคสังคม ภาพผมก็จะเป็นงานด้านสังคม เพราะไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีความเห็นต่าง ถ้าผมไปทำงานเอ็นจีโอคงไม่มีใครหวาดระแวงอีก”  
 
@ แต่ก็มีข่าวว่าจะไปทำงานด้านธุรกิจ
 
มีคนรู้จักหลายคนมาชวนผมไปทำงานด้านธุรกิจ แต่ผมคงไม่ทำธุรกิจ เพราะมันไม่เคยอยู่ในหัวผมเลย และผมอาจจะทำมันได้ไม่ดี ผมสนงานสาธารณะมากกว่า
 
@ ในช่วงที่โดนคสช.ควบคุมตัวนายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ โพสต์เฟสบุ๊กเขียนถึงหนูหริ่งที่รู้จัก ว่าเป็นคนทำงานเพื่อสาธารณะ
 
ใช่ เรื่องนี้มีคนถามผมเยอะ ทหารก็เคยถามผม หลายคนบอกว่าเสียดายว่าทำไมผมเปลี่ยนบทบาทของผมในอดีตจนคนลืมผมเสียหมด เพราะช่วงหลังมาวุ่นวายกับการเมือง เขามองว่าบทบาทผมทางการเมืองเป็นกลไกตัวหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
 
“ผมก็อยากชี้แจงว่า การทำงานทางสังคมมันเป็นเนื้อเดียวกับการเมือง แม้มันเป็นงานข้างล่าง แต่มันเชื่อมโยงกับงานเชิงโครงสร้าง และปัญหาทางการเมืองเป็นปัญหาทางโครงสร้าง ซึ่งผมเห็นว่าการที่เราสนับสนุนประชาธิปไตย เป็นงานด้านสังคมแบบหนึ่ง แต่สังคมไทยถ้าไปทำงานทางการเมืองคนมักจะคิดว่าเราจะเข้าสู่อำนาจ ทั้งที่งานทางสังคมมันต้องไปแตะงานด้านการเมือง เช่น การผลักดันกฎหมาย ซึ่งผมก็พยายามพลักดันกฎหมายหลายฉบับให้ผ่านการเห็นชอบจากสภา”
 
@ ถ้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติจะกลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในฐานะแกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงหรือไม่
 
อันนี้ผมต้องขอให้การเมืองเข้าสู่ภาวะปกติก่อน เอาเป็นว่าการติดตามการเมืองของผมยังอยู่ ส่วนจะกลับเข้ามาเคลื่อนไหวหรือไม่ค่อยว่ากัน เพราะตอนติดคุกผมได้ทบทวนมาก ผมไม่ไหวที่จะกลับไปสู่วังวนการเมืองแบบเดิมแล้ว ผมอยากเห็นการเมืองที่ก้าวหน้าและสร้างสรรค์กว่าในอดีต อยากเห็นการเมืองที่ขับเคลื่อนจากฝ่ายประชาชน นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ผมจะได้คิดเรื่องการเมืองที่มาจากประชาชน ที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากฝ่ายการเมือง เป็นโจทย์ที่ผมพยายามศึกษาอยู่
 

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวอิศรา

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์