ประยุทธ์ไม่ต้องการ Hate Speech เตือนสื่ออย่าแพร่ข่าวเท็จ

ประยุทธ์ไม่ต้องการ Hate Speech เตือนสื่ออย่าแพร่ข่าวเท็จ ชี้เดือนก.ย.ตั้งรบ.-ทูลฯรธน.ชั่วคราว-มีสนช.

เวลา 20.30 น. วันที่ 4 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. หัวหน้าคสช. กล่าวในรายการ คืนความสุขให้คนในชาติ 

  ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ขอทำความเข้าใจในเรื่องสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ โทรทัศน์ดาวเทียม วิทยุกระจายเสียง วิทยุชุมชน โซเชี่ยลมีเดีย สื่อสิ่งพิมพ์ วันนี้บ้านเมืองอยู่ในห้วงไม่ปกติ จำเป็นต้องขอร้องให้ลดการนำเสนอข่าวที่จะเพิ่มหรือขยายความขัดแย้ง หากสื่อใดยังนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงหรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ผู้บริหารสื่อต้องรับผิดชอบด้วย ทั้งนี้คสช.ไม่ได้มุ่งหวังใช้อำนาจจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อ เราต้องการความสงบสุข เพื่อคสช.จะได้แก้ปัญหา

"วันนี้บ้านเมืองของเรานั้น อยู่ในห้วงเวลาไม่ปกติ มีความจำเป็นต้องขอร้องให้ลดการนำเสนอข่าวที่จะเพิ่ม หรือขยายความขัดแย้ง รวมทั้งข่าวที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาจะเห็นว่าก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จะเห็นว่าประชาชนบริโภคข่าวจากสื่อทุกประเภท ต้องยอมรับว่า มีสื่อทั้งที่เลือกข้าง และเป็นกลาง ทำให้สังคม และประชาชนสับสน ก็มีความเกลียดชังซึ่งกันและกัน เพราะต่างฝ่าย ต่างก็เชื่อมั่นที่จะเชื่อในข้อมูลของฝ่ายตน มีการเขียน หรือโพสต์ หรือวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง ทั้งแชร์ข้อมูลของฝ่ายตนเอง และประสงค์ที่จะโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อด้วย รวมความไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้สังคมไทยเสื่อมโทรม เช่น หนังสือลามก อนาจาร หนังสือแนวหมิ่นเหม่สถาบัน ซึ่งพบว่ายังมีการลักลอบจำหน่ายกันอยู่ในหลายพื้นที่เช่นกัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องช่วยกัน ทั้ง คสช. สมาคมผู้สื่อข่าว นักข่าว บรรณาธิการ เจ้าของสำนักพิมพ์ ต่าง ๆ ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่โดยตรง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า

วันนี้โลกเราเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่มีพรมแดน การกระจายข่าวสาร รวดเร็วมาก หากมีการโพสต์ข้อความ หรือเสนอข่าวใดที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม

ก็มีแต่ข้อมูลสร้างความเกลียดชัง หรือที่เรียกว่า Hate Speech เป็นการประจานประเทศไทยในสายตาของต่างชาติ รวมทั้งสร้างผลกระทบต่อภายในประเทศเราเอง ความขัดแย้งก็จะไม่มีวันจบไม่สิ้น บางทีอาจสร้างผลกระทบกับความคิด ความอ่านของเยาวชนไทยที่เป็นอนาคตของเราด้วย หากปล่อยเป็นเช่นเดิม ความแตกแยกจะมากขึ้น เด็กไม่เคารพผู้ใหญ่ ต่างฝ่ายต่างใช้คำพูดที่หยาบคายใส่กัน สังคมก็จะเกิดการขาดความเชื่อมั่น ขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกันในทุกระดับ ความสงบสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยาก ฉะนั้นคนดี ๆ ก็อาจจะถูกให้ร้าย ก็ทำให้เขาหมดกำลังใจในการทำงาน

 "ผมขอร้องอีกครั้งหนึ่งให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับสื่อ ทั้งผู้สื่อข่าว สำนักพิมพ์ บรรณาธิการ ได้กรุณากำหนดมาตรฐาน มีมาตรการควบคุมเนื้อหาสาระของสื่อในความรับผิดชอบของท่าน ให้ช่วยการเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน หากสื่อใดนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ท่านต้องรับผิดชอบด้วย หากสื่อนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของท่านเอง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


ประยุทธ์ไม่ต้องการ Hate Speech เตือนสื่ออย่าแพร่ข่าวเท็จ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราพูดกันหลายครั้งแล้วเรื่องโรดแม็ป 3 ระยะ ซึ่งบางครั้งตนก็น้อยใจว่าฟังเวลาเราพูดหรือไม่ รู้ว่าทุกคนห่วงใย หวังดีกับประเทศชาติ แต่ขอให้ฟังเราบ้าง หากไม่ฟังเลย จะไม่ได้ติเพื่อก่อ แต่ติเหมือนจะทำลายกัน วันนี้ทำงานด้วยประสบการณ์อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

การปฏิรูปในระยะที่ 1 และ 2 นั้น วันนี้เป็นขั้นเตรียมการโดยคสช.อำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม

มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ถกแถลงกันและยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ซึ่งระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐบาลแล้วจะตั้งสภาปฏิรูป วิธีการคือรับสมัครบุคคลทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสีย การเมือง คู่ขัดแย้ง นักวิชาการ การศึกษา พลังงาน เศรษฐกิจ สังคม สมาคมต่างๆ ผู้แทนแต่ละจังหวัด ซึ่งต้องมีครบทุกกลุ่ม โดยเราจะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว

หัวหน้าคสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดความเสียหายมากในระบบราชการไทย

ตนไม่อยากให้สังคมตำหนิเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการระดับผู้ปฏิบัติมากนัก ผู้รับผิดชอบควรเป็นฝ่ายบริหาร หรือหัวหน้าหน่วยงานระดับกระทรวง กรม หรือองค์กรระดับสูง ซึ่งคสช.เข้าไปตรวจสอบแล้ว ใครจะผิดจะถูกอย่างไรต้องพิสูจน์กันต่อไป

"วันนี้แม้ผมจะมอบหมายงานต่างๆ ไปบ้างแล้ว แต่ผมไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ ต้องทำงาน ดูแลให้ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด รวมถึงการให้รางวัลคนดี ทำโทษคนไม่ดี ใช้พระเดชพระคุณควบคู่กันไป ซึ่งระบบการบริหารราชการ ระหว่างฝ่ายการเมืองกับข้าราชการจำเป็นต้องปรับปรุง ซึ่งคนดีย่อมมีมากกว่าคนไม่ดี เราต้องใช้คนดีทำงาน หากทำไม่ได้ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปจนกว่าจะได้คนดี ซื่อสัตย์สุจริตจริงๆ ซึ่งการปรับย้ายข้าราชการระดับ 10-11 เพื่อความเหมาะสม คสช.ไม่ได้มุ่งหวังสืบทอดอำนาจหรือเปลี่ยนกลุ่มผลประโยชน์ แต่พยายามแก้ไขเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน การทุจริตคอร์รัปชั่น ยืนยันว่า คสช.จะพยายามสร้างระบบ สร้างข้าราชการ สร้างคนให้แข็งแรง เป็นข้าราชการที่ดี" หัวหน้าคสช. กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการตั้งซุปเปอร์บอร์ด เพื่อกำหนดนโยบายและมีมาตรการควบคุมการบริหารงานของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น

มิได้มุ่งหวังทำให้การประกอบธุรกิจเกิดความเสียหายหรือรวบผลประโยชน์มาสู่ คสช. เราต้องการให้มีมาตรการควบคุมความโปร่งใส และความเหมาะสมของผลประโยชน์ที่เกิดแก่ประชาชน ประเทศชาติ ต่อไปจะปรับปรุงจัดระบบสัดส่วนผลประโยชน์ที่เกิดกับรัฐ ผู้ถือหุ้นและประชาชนให้ชัดเจนมากกว่าเดิม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องโครงการรับจำนำข้าว เริ่มมีการตรวจสอบบ้างแล้ว บางส่วนพบว่ามีข้าวหายไป 8 ถึง 9 หมื่นกระสอบ มูลค่า 60-70 ล้านบาท

จะต้องเร่งตรวจสอบให้ได้โดยเร็ว โดยชุดตรวจสอบที่ คสช.จัดตั้งไว้ 100 กว่าชุด จะตรวจสอบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตรวจสอบบัญชีย้อนหลังก่อนวันที่ 22 พ.ค.2557 ว่ามีความถูกต้องเพียงใด ดำเนินการคู่ขนานไปด้วย ส่วนการแก้ปัญหาทั้งระบบจะดำเนินการในระยะที่ 2 ให้เกิดผลอย่างยั่งยืน

หัวหน้าคสช. กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องอาวุธสงคราม สอบสวนพบว่ามีความเชื่อมโยง มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากจากอดีตถึงปัจจุบัน

รวมทั้งกรณีโมเดลในจังหวัดต่างๆ กรณีที่วิจารณ์หรือพูดคุยในโซเชี่ยลมีเดียว่าเจ้าหน้าที่หมุนเวียนอาวุธมาสร้างภาพการจับกุมหรือไม่นั้น เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างได้มาจากการสืบสวนสอบสวน ข้อมูลมาจากผู้ที่ถูกจับกุมทั้งสิ้น ขอให้มั่นใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เร็วๆ นี้ จะมีการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น การพูดคุยสันติภาพนั้น คสช.ยังคงดำเนินการอยู่

ต้องอยู่ภายใต้หลักรัฐธรรมนูญและกฎหมายไทย โดยนำบทเรียนจากต่างประเทศมาใช้ ประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ของเรา และยังให้มาเลเซียช่วยเป็นผู้อำนวยความสะดวก พร้อมดำเนินการให้มีการพูดคุยบุคคลระดับสูง ยืนยันว่าจะปรับปรุงและแก้ไขทุกอย่างให้ดีขึ้น โดยอาศัยความเห็นชอบร่วมกันของทุกพวกทุกฝ่าย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการเข้าสู่ระยะที่ 2 เมื่อมีรัฐบาล ได้แก่ การปฏิรูปด้านต่างๆ พลังงาน การศึกษา ระบบราชการ กฎหมาย

การแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้มีการตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว รายละเอียดการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การตั้งรัฐบาลและการตั้งสภาปฏิรูป ประมาณเดือนก.ย.จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 2 ตามโรดแม็ปของ คสช.คือ การทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรัฐธรรมนูญชั่วคราวและตั้งสมาชิกสนช.

" วันนี้หลายอย่างอ้างคำสั่งมาจากผมบ้าง หรือจากคนโน้นคนนี้บ้าง ผมประกาศแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวในเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นขอให้สอบถามมาอีกครั้ง ไม่ว่าใครจะอ้างอะไร เราถูกทำร้ายกันมานานแล้ว วันนี้เราจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนแต่จะยั่งยืนมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาในระยะที่ 2 ของเรา ถ้าทุกคนร่วมมือทั้งข้าราชการ เอกชน ไม่สร้างความเดือดร้อนก็จะไม่เกิดปัญหา ขอให้ผู้ที่กำลังทำความผิดหรือผู้ที่หยุดไปแล้ว อย่าทำผิดต่อไป ขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังพร้อมแจ้งให้ คสช.ทราบทุกเรื่อง เราจะได้นำเรื่องมาดำเนินการ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ขึ้นอยู่ที่ความหนักเบาของปัญหานั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่เราห่วงมากที่สุดคือการกระทำผิดกฎหมาย การทุจริต การไม่เคารพกฎหมาย

ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีจำนวนมาก วันนี้คลี่คลายไปตามลำดับ เราจำเป็นต้องแก้ไขพฤติกรรมคนไทยเหล่านั้นให้ได้โดยเร็ว ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎกติกาของสังคม ให้ความเป็นธรรมในการชี้แจง บางครั้งเราลงความเห็นว่าคนนั้นผิดคนนี้ถูกโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการยุติธรรม ทำให้ศาล องค์กรอิสระ หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมไม่ได้รับการเชื่อถือและยอมรับในการตัดสินคดี ยิ่งเป็นความร้ายแรงที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม

 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนที่ต่างประเทศห่วงใยต่อการรัฐประหารในไทยนั้น คสช.ดำเนินการครั้งนี้

เพื่อยุติความรุนแรงและแยกคู่ขัดแย้งออกจากกัน ซึ่งหลังวันที่ 22 พ.ค. เรายึดอาวุธสงครามได้มาก รวมทั้งพิสูจน์ทราบเครือข่ายขบวนการได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องการเรียกรายงานตัวบุคคลไม่ได้เรียกมาเพื่อกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือทำตามอำเภอใจ แต่เรียกมาพูดคุยกัน คสช.ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ยุติความขัดแย้ง โดยคสช. มีนโยบายไม่แทรกแซงในผลแห่งคดีเพื่อช่วยเหลือฝ่ายใด

 พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า คสช.และคนไทยทุกคน ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ซึ่งคสช.เข้าใจดีว่า การทำรัฐประหารนั้นโดยรูปแบบนั้นเหมือนเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และเป็นภัยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามความเข้าใจของโลกตะวันตก แต่วันนี้เราจำเป็นต้องทำเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ และส่งเสริมระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เจริญงอกงามต่อไป

"วันนี้ถ้าเราไม่เข้าใจกัน ถ้าคนไทยทั้งท่านและผมไม่เข้าใจกันแล้ว เราจะให้ใครมาเข้าใจเรา ต่างประเทศจะยิ่งไม่เข้าใจ ฉะนั้นวันนี้ต้องมาเข้าใจกันก่อนถึงจะให้คนอื่นเขาเชื่อมั่นเรา ทำให้ต่างชาติเขาเชื่อมั่นเรา และให้เวลาเราแก้ไขปัญหา"  พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์