“โฆษก กปปส.”ชี้ “ทักษิณ”ส่งสัญญาณเจรจา ทำให้สังคมสับสน

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

บินมาที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงใกล้กับประเทศไทยนั้นถือเป็นการส่งสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามส่งสัญญาณเจรจา ซึ่ง กปปส.ยืนยันว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อการเจรจาดังกล่าวต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและต้องไม่นำไปสู่การผลักดันกฎหมายล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้อง การเจรจาต้องเป็นไป เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และต้องเจรจาอย่างเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้แต่ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามอ้างว่า ได้ส่งตัวแทนพูดคุย ซึ่งเชื่อว่าเป็นแค่การพูดคุยธรรมดา หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจที่จะเจรจา นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  เลขาธิการ กปปส.ก็ได้เสนอให้มีการเจรจาแบบ เปิดเผยตัวต่อตัวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แต่กลับถูกปฏิเสธไป จึง  เชื่อว่า  การเจรจาเป็นแค่วาทกรรมทำให้สังคมสับสนเท่านั้น

นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บอกให้เลิกอาฆาตและปล่อยวางนั้นแต่พฤติกรรมของระบอบทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดกลับกระทำตรงกันข้าม

ทั้งนี้หาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องการเลิกอาฆาตจริงต้องเลิกปลุกปั่นมวลชนมาปะทะกับประชาชนที่ออกมาชุมนุมและเลิกใช้อิทธิพลบีบบังคับข้าราชการให้เป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ รวมทั้งไม่ควรให้เจ้าหน้าที่ออกมาข่มขู่คุกคามประชาชน ซึ่งตอนนี้มีข่าวว่ามีการฝึกการใช้อาวุธปราบปรามประชาชน พร้อมทั้งการใช้สุนัขปราบจลาจล ภายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคที่1 ถนนวิภาวดี ซึ่งการฝึกปราบปรามมวลชนลักษณะนี้ทุกครั้งมักจะมีการใช้กำลังกับประชาชนเกิดขึ้นและควรให้ความเป็นธรรมกับประชาชน และสังคม โดยต้องยอมรับกฎกติกา เคารพการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระและศาลโดยไม่สร้างเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชนรวมทั้งจับตัวผู้ที่กระทำผิดจากการทำร้ายประชาชนมาลงโทษ และต้องเลิกอ้างว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์

“  หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จริงใจที่จะปล่อยวางต้องไม่ยึดติดอำนาจและควรเสียสละ และหากการลาออกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถแก้ปัญหาชาติได้ก็ควรดำเนินการ และจะเป็นการหลีกเลี่ยงเหตุการณ์รุนแรงแต่ทั้งหมดไม่ได้เป็นตามที่พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าอยากให้ประชาชนเลิกอาฆาตแต่พยายามพูดหลอกประชาชน ” โฆษก กปปส.กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนไหวของกปปส.ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
 
ถือว่าได้การต้อนรับเป็นอย่างดีเห็นได้ชัดจากการที่ปลัดกระทรวงต่าง ๆ ออกมาต้อนรับมวลมหาประชาชน และหลังจากนี้ กปปส.จะเคลื่อนไหวโดยการเดินหน้ารณรงค์เชิญชวนพนักงานรัฐวิสาหกิจร่วมต่อสู้โดยจะเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.เป็นต้นไป จนกว่าจะถึงวันที่เป็นเงื่อนไขชุมนุมใหญ่ คือ วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ โยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี  เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทั้งนี้รัฐวิสาหกิจถือเป็นพลังสำคัญ เพราะมีความเป็นอิสระจากระบอบทักษิณโดยกปปส.จะเดินสายไปพบปะตัวแทนรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ทั้งรัฐวิสาหกิจด้านการเงินการขนส่ง สาธารณูปโภค และการสื่อสาร ซึ่งก็จะมีการแลกเปลี่ยนแนวทางการเคลื่อนไหวใหญ่และการปฏิรูป ที่สำคัญยังถือเป็นการกระชับความร่วมมือระหว่างประชาชนและรัฐวิสาหกิจอีกด้วย

“ แกนนำ กปปส.ได้ตกลงว่าการเคลื่อนไหวต่อไปจะเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะพบกับพนักงานรัฐวิสาหกิจ และส่วนที่สองจะเชิญชวนประชาชน ทั้งนี้การเคลื่อนไหวพบปะกับรัฐวิสาหกิจนั้นกปปส.จะเดินรณรงค์ในวันธรรมดา ส่วนวันหยุดจะรณรงค์ให้ประชาชนมาเข้าร่วมต่อสู้กับ กปปส. ” นายเอกนัฏกล่าว.