พท.จี้ “อภิสิทธิ์” ขับ “เทือก – 8 แกนนำ กปปส.” ออกจากสมาชิก ปชป.

พท.จี้ “อภิสิทธิ์” ขับ “เทือก – 8 แกนนำ กปปส.” ออกจากสมาชิก ปชป.


พท.จี้ “อภิสิทธิ์” ขับ “เทือก – 8 แกนนำ กปปส.” ออกจากสมาชิก ปชป.

วันที่ 9 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่เตรียมจะจัดเวทีปฏิรูปในวันที่ 10 มี.ค.นี้ว่า ไม่ต่างจาการจัดอีเวนท์รายวัน นายสุเทพกับพวกอ้างจัดเวทีปฏิรูปโดยอ้างมวลมหาประชาชนนั้น เป็นเพียงข้ออ้างที่พยายามหนีคดี หนีหมายจับของศาลอาญา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าศาลอาญาออกหมายจับนายสุเทพเป็นคดีที่สามแล้ว น่าจะกำลังอ้างการปฏิรูปบังหน้า ดังนั้นก่อนจะปฏิรูปการเมือง กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม หรือจะสร้างความเป็นธรรมให้สังคม นายสุเทพต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการไปมอบตัวสู้คดี ไม่อย่างนั้นจะเป็นแค่ปาหี่ทางการเมือง เป็นผู้นำทางการเมืองที่ไม่ดี

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่มีขบวนการล้มรัฐบาลลักษณะจะชัทดาวน์ปิดฉากรัฐบาลรักษาการ ดูจากการขวางการเลือกตั้งจนสุดท้ายนายสุเทพให้ฝ่ายกฎหมายไปร้องศาลรัฐธรรมนูญว่า เชื่อว่าเคลื่อนไกวกันเป็นขบวนการทั้ง กปปส. สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่ม 40 ส.ว.และนักวิชาการที่พยายามร้องผู้ตรวจการแผ่นดินฯ เหมือนรุมกินโต๊ะรัฐบาล ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบกรณีที่นายสุเทพไปร้องศาลนั้น หากจะตีความเข้าข้างตัวเองก็ได้ แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 127 ไม่ได้มีผลกำหนดทางกฎหมายใดๆ จึงไม่ได้ส่งผลให้รัฐบาลนี้สิ้นสภาพไป ดังนั้นเหมือนพวกม็อบหมดมุกแล้ว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน นำคำร้องของนายกิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่เสนอคำร้องให้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.เป็นโมฆะว่า รู้สึกแปลกใจและเมื่อไปตรวจสอบพบว่านายกิตติพงศ์น่าจะเชื่อมโยงกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล อยากถามนายกิตติพงศ์ว่าเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตหรือไม่ ส่วนที่ผู้ตรวจการฯ แถลงออกมาเป็นมติว่าจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้เพิกถอนการเลือกตั้ง โดยอ้างมาตรา 245 (1) นั้น จากรตรวจสอบของฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย คาดว่าผู้ตรวจการฯ เข้าใจผิดเพราะเสนอได้เพียงกรณีเดียว คือกรณีที่กฎหมายใดขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเท่านั้น ดังนั้นผู้ตรวจการฯ ไม่มีอำนาจส่งเรื่องและน่าจะเป็นเรื่องตกม้าตาย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พยายามเรียกร้องให้ กกต.ชะลอการเลือกตั้งออกไปก่อนจากกรณีที่ผู้ตรวจการฯ กำลังจะยื่นเรื่องต่อศาลนั้น แทนที่จะไปเรียกร้องนายสุเทพว่าอย่าขัดขวางการเลือกตั้ง แต่กลับออกมาเรียกร้องทุกฝ่ายชะลอการเลือกตั้งเพราะมีการส่งเรื่องไปยังผู้ตรวจการฯ ซึ่งตนแปลกใจเพราะหากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ขอถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่าใครเป็นต้นเหตุ ก็คือนายสุเทพและพวก ดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีความจริงใจ ขอให้ขับนายสุเทพและแกนนำ กปปส.ที่เป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกจากความเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หากไม่กล้าเท่ากับปกป้องพวกเดียวกัน เล่นการเมืองสองหน้าหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.บริหารกิจการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาที่ จ.สงขลา โดยระบุว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่อยากให้มีการเลือกตั้งต่อว่า ทราบว่าหลายฝ่ายอยากให้จัดการเลือกตั้งยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี เพื่อแก้ปัญหาสุญญากาศและการดำเนินการแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องภัยแล้ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หาก กกต.จัดการเลือกตั้งช้าออกไป ก็ยิ่งจะกระทบกับการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายโดยเฉพาะการรับสมัคร ส.ว.ก็ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นในการประชุมของ กกต.วันที่ 11 มี.ค.นี้ ขอให้ กกต.ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ที่เหลือไปพร้อมกับ ส.ว. เพราะจากการตรวจสอบผู้สมัคร ส.ว.ในภาคใต้ พบว่ามีพี่ชาย น้องชายและน้องสาวของนักการเมือง อดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งมีแกนนำ กปปส.ในภาคใต้ประมาณสองถึงสามจังหวัด ดังนั้นหากจัดการเลือกตั้งพร้อมกันเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาการขัดขวาง ทั้งนี้ จากการรวบรวมคดีของ ศรส.ตั้งแต่มีการเลือกตั้ง พบคดีผิดกฎหมายเลือกตั้งแบ่งเป็นเป็นคดีขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ 190 คดี มีคดีที่ กกต.ละเลยไม่จัดการเลือกตั้งมากถึง 176 คดี แต่ กกต.ก็ยังไม่ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับนายสุเทพ และ กปปส.ในจังหวัดต่างๆ ที่ขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่ผู้ว่าฯ ชุมพรวอล์กเอาท์ออกกลางที่ประชุมเนื่องจากเห็นว่า กกต.เอาแต่ระบุว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง แทนที่จะเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ถือเป็นการประจานการทำงานของ กกต.

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ศาล จ.ฉะเชิงเทราออกหมายจับนายอิสระ สมชัย แกนนำ กปปส.กรณีร่วมกันทำร้ายนายนายยืม นิลหล้า รปภ.ที่ถูกรุมซ้อมแล้วจับมัดมือมัดเท้าโยนทิ้งที่แม่น้ำบางปะกงว่า ขอเรียกร้องนายอิสระว่าเมื่อกล้าทำต้องกล้ารับ เป็นถึงอดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องมีจิตใจสูงส่งโดยการไปสู้คดี แต่นายสมชัยกลับอ้างว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับการเมือง และอ้างว่าขอให้ภารกิจชุมนุมสิ้นสุดก่อนจึงจะไปสู้คดีนั้น ขอให้นายสมชัยแสดงวุฒิภาวะโดยการไปมอบตัวสู้คดีหากคิดว่าตัวเองไม่ผิด ทั้งนี้ หากเป็นเรื่องจริงถือเป็นการประจาน กปปส.ว่าลุแก่อำนาจ เป็นอันธพาลทางการเมือง

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์