เฉลิมนัดคุยสุเทพตัวต่อตัวหาทาออก

เฉลิมนัดคุยสุเทพตัวต่อตัวหาทาออก

'เฉลิม'นัดคุย'สุเทพ'ตัวต่อตัวหาทาออก ที่ไหนก็ได้ หวังเลือกตั้งเสร็จตั้งรบ.ใหม่ ยันไม่เกี่ยว'ทักษิณ' รองเลขาฯสถาบันพระปกเกล้าหนุนเจรจาลับ-สร้างความไว้ใจ

เมื่อเวลา 10:00 น.6มี.ค.2557 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.  กล่าวว่า ขอนัดพบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ผ่านสื่อมวลชน จะเป็นที่บ้านของนายสุเทพ ก็ได้ โดยตัวเองจะเดินทางไปคนเดียว

           
"จะเสนอกับนายสุเทพเพื่อขอให้มีการจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แล้วให้กลุ่ม กปปส. เสนอแบบพิมพ์เขียวการปฏิรูปการเมืองขึ้นมา และจัดการปฏิรูปการเมือง ก่อนจะยุบสภาฯ และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งการเสนอแนวคิดนี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ยืนยันว่า เป็นแนวคิดของตัวเองไม่เกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว 

รองเลขาฯสถาบันพระปกเกล้าหนุนเจรจาลับ-สร้างความไว้ใจ

รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงการเจรจาของคู่ขัดแย้งทางการเมืองและทิศทางการปฏิรูปประเทศ ว่า จากปัญหาที่ยืดเยื้อมานานหลายปีทำให้ประชาชนเกิดความเคยชินต่อความรุนแรงและความขัดแย้ง ทั้งยังสะท้อนให้เห็น 2 ขั้วอุดมการณ์อย่างเด่นชัด ประชาชนรวมทั้งสื่อสารมวลชนต้องอยู่ในภาวะ "มีที่ยืนเพียง 2 ฝั่ง" และซ้ำร้ายมีการบิดเบือนข่าวสารกันอย่างมาก โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้โครงสร้างสังคมเปลี่ยนไป พลาดความคิดที่มีประโยชน์จากอีกความคิดที่แตกต่าง ทั้งยังเลือกรับข่าวสารเฉพาะที่ตัวเองต้องการรับรู้ จนในที่สุดกลายเป็นอคติ

รศ.วุฒิสาร กล่าวต่อว่า การเจรจาจะเกิดขึ้นได้ต้องให้ทั้งสองฝ่ายยอมรับความจริงของอีกฝ่ายว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย
 
ต้องพูดคุยกันอย่างจริงใจ แต่การเจรจาไม่ควรเปิดเผย เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะไม่สำเร็จ และต้องสร้างความไว้ใจให้เกิดขึ้นก่อน แม้จะไม่สามารถทำได้ทุกเรื่อง แต่หากมีความไว้ใจซึ่งกันและกันแล้ว การเจรจาย่อมประสบความสำเร็จ

"สิ่งสำคัญคือต้องใช้กระแสสังคมเป็นแนวทางกดดันให้ขั้วขัดแย้งมีความรู้สึกว่าต้องเจรจา เพราะภาคสังคมมีความต้องการให้เกิดขึ้น และต้องคิดไว้เสมอว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออก มีแต่จะยิ่งขยายปัญหาให้เพิ่มขึ้น"

ส่วนการปฏิรูปประเทศนั้น รศ.วุฒิสาร มองว่า ต้องมีความเห็นชอบจากทุกฝ่าย ต้องมีข้อปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับ และสามารถทำได้จริง
 
ไม่ใช่เป็นเพียงแนวคิดหรือหลักวิชาการ ที่สำคัญต้องสร้างความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่ใช่การปฏิรูปของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คนใดคนหนึ่งเท่านั้น ต้องมีการฟังปัญหาอย่างรอบด้านเพื่อหาวิธีและแนวทางที่เหมาะสมในการเดินหน้าประเทศต่อไป รวมทั้งวางรูปแบบให้นักการเมืองร่วมทำสัตยาบัน เพื่อให้พิมพ์เขียวปฏิรูปเกิดขึ้นได้จริง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์