แม้จะมีความชัดเจนว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. สามารถ “เลื่อน” ได้ แต่ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจนออกมาว่าจะมีการ “เลื่อน” การเลือกตั้งหรือไม่ และหากมีการเลื่อนการเลือกตั้งจะเลื่อนไปเมื่อไหร่ มีความเห็นที่แตกต่างกันเพราะมีทั้งเสนอให้ “เลื่อน” มีทั้งเสนอให้ “เลือก” และมีทั้งเสนอให้ “ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง”
ในมุมที่เสนอให้ “เลื่อน” ชัดเจนก่อนใครเพื่อนคือ กลุ่มเพื่อนเนวินเดิมที่นำโดย นายโสภณ ซารัมย์ อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ยังมีความเห็นของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะที่ในมุมที่ให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งก็น่าจะมีกลุ่ม กปปส. ที่ “ชัตดาวน์กรุงเทพฯ” มาตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา กับพรรคประชาธิปัตย์ที่ “บอยคอต” การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. เพราะมองว่า การเลือกตั้งในเวลานี้ไม่ใช่ “คำตอบ” ของการปฏิรูปการเมือง2 กลุ่มนี้ไม่เอาแน่ ๆ กับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.
ใช่แค่นั้น “กรรมการ” อย่างคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต. ซึ่งก็ชัดเจนว่า ปรารถนาที่จะให้มีการ “เลื่อน” การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ออกไป เพราะหากไม่ต้องการคงไม่เสนอความเห็นจนกลายเป็นความขัดแย้งและเข้าสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะมีวันนี้ก็แต่พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลรักษาการเท่านั้นที่ยัง “เก้ ๆ กัง ๆ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธว่าจะเอาด้วยกับการ “เลื่อน” การเลือกตั้งหรือไม่
เดิมทีทุกฝ่ายเข้าใจว่าในสถานการณ์การเมืองที่พรรคเพื่อไทยถืออำนาจรัฐแม้จะเป็นในฐานะรักษาการ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการ “เลือกตั้ง” จำไม่ได้หรือไง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการ แถลงชัดเจนว่า ยังไงก็ไม่ลาออกและจะเดินหน้าจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ให้ได้ เพราะการเลือกตั้งคือการแก้ไขปัญหาตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ยิ่งปล่อยเวลาให้เนิ่นนานและยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง “ทุกฝ่าย” ก็จะพบความจริงว่า การเลือกตั้งไม่น่าจะเป็น “คำตอบ” ของการแก้ไขปัญหา หากทุกฝ่ายไม่มีความเห็นพ้องต้องกัน “เลือกตั้ง” ไปยังไงก็ไม่มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่และไม่มีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น
ในสถานการณ์ตอนนี้ พรรคเพื่อไทยกำลังมีแนวคิดจะ “กลับหลังหัน” เพียงแต่ประเมินและรอให้เกิดกระแสออกมาว่า หาก “เลื่อน” การเลือกตั้งออกไป กลุ่ม กปปส. ต้อง “ยุติ” การชุมนุม รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังจะคิดแบบที่เคยคิด “ยุบสภา” เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าจะสามารถลดกระแสการเรียกร้องการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งได้ แต่สิ่งที่คาดไว้กลับ “ผิดคาด”
วันนี้พรรคเพื่อไทยจึงไม่ “ผลีผลาม” แต่กำลังจะ “โยนหินถามทาง” ออกมาเป็นระยะ ๆ นายคณิน บุญสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ในอดีตเคยเขียนหนังสือ “รัฐธรรมนูญตายแล้ว” หลังเกิดเหตุการณ์คำพิพากษาคดี “ซุกหุ้น” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาระบุว่า “กกต. จะต้องมีเหตุผลในการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ฎ. เช่น กกต. เห็นว่าไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ราบรื่น เพราะมีม็อบ กปปส.ขวางเลือกตั้ง และพรรคประชาธิปัตย์บอยคอต ซึ่ง กกต. ต้องให้การรับรองด้วยว่า เมื่อเลื่อนเลือกตั้งแล้ว กปปส. จะยุติชุมนุม พรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัครเลือกตั้ง มิฉะนั้นเลื่อนเลือกตั้งไปก็เหมือนเดิม ถ้า กกต. ไม่สามารถรับรองตรงนี้ได้ก็ไม่มีสิทธิมาบังคับนายกรัฐมนตรีรักษาการ”
ขณะที่โฆษกพรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ออกมาบอกว่า มีคำถามที่ กกต. ต้องหา “คำตอบ” ให้ได้ซะก่อนถ้า “เลื่อน” การเลือกตั้งแล้ว กปปส. จะยุติชุมนุมหรือไม่ ถ้า “เลื่อน” การเลือกตั้งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะเลิกบอยคอตหรือเปล่า งบประมาณที่ทราบว่า กกต. ใช้ไปกับการเลือกตั้งแล้วกว่า 2 พันล้าน จะรับผิดชอบอย่างไร ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองทั้ง 53 พรรคที่ลงสมัครเลือกตั้ง จะเยียวยาอย่างไร
ที่สำคัญฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย มีข้อห่วงใยว่าจะมีหลักประกันอะไรว่าหากเลื่อนเลือกตั้งแล้ว จะไม่มีการร้องเอาผิดรัฐบาลว่ากระทำขัดรัฐธรรมนูญ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และที่สำคัญเหนืออื่นใด คือ ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งแล้วความขัดแย้งจะจบหรือไม่ ถือเป็นการ “ถามกลับ” หลังจากสังคมตั้งคำถามกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีรักษาการ ว่าจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการ “เลือกตั้ง” อย่างไร
ดูเหมือนสิ่งที่พรรคเพื่อไทยถามจะเป็น “คำถามทางการเมือง” มากกว่าคำถามที่ต้องการแก้ไขปัญหาในฐานะที่ตัวเองเป็นรัฐบาล สมมุติว่าถ้า “เลื่อน” การเลือกตั้งออกไปแล้วพรรคประชา ธิปัตย์ยัง “บอยคอต” การเลือกตั้งก็เป็นเรื่องที่สังคมจะไปตั้งคำถามกับพรรคการเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “สถาบันการเมือง” กับพรรคประชาธิปัตย์เอง หรือในกรณีที่ กปปส. ไม่ยอมยุติการชุมนุมก็เป็นเรื่องที่ “สังคม” ต้องไปหาคำตอบ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการ “เลื่อน” การเลือกตั้งแล้วเท่านั้น จะมาเล่นการเมืองแบบ “ยื่นหมูยื่นแมว” เช่นนี้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ ถ้าถาม “ม้า” แล้วตอบ “ช้าง” อยู่อย่างนี้ คิดได้อย่างเดียวว่าเป็นยุทธวิธี “ซื้อเวลา” เถียงกันไปกันมารู้ตัวอีกทีก็วันเลือกตั้งแล้ว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
