ทรท.ระทึกลุ้นโทษประหาร จับตาตาอยู่การเมือง?

ทรท.ระทึกลุ้นโทษประหาร จับตา"ตาอยู่การเมือง"?


แว่วมาไกลๆ จากกองบัญชาการใหญ่การเมืองไทยในยามนี้ ที่ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินว่า เดือนพฤษภาคมนี้จะเป็นเดือนพิพากษาพรรคไทยรักไทย-ประชาธิปัตย์ ในคดียุบพรรค

มีธงปักไว้เนิ่นนานแล้วว่า 2 พรรคนี้ต้องโดนยุบแน่นอน!!!

ส่วนกรรมการบริหารพรรคนั้น ต้องลุ้นระทึกว่าจะโดนลงโทษหนัก หรือเบา

แต่คอการเมืองในสภากาแฟฟันธงและแทงหวยตามคำพูดของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองเลขาธิการ คมช. ที่เผยไต๋ไว้ว่า "หมดเวลาของนักการเมืองรุ่นเก่าแล้ว"


สิ่งที่ "พล.อ.สพรั่ง" ระบุไว้ข้างต้นนั้น ตีความได้ว่า


แกนนำพรรคไทยรักไทยและประชาธิปัตย์ กลุ่มธรรมาธิปไตย กลุ่มมัชฌิมา และกลุ่มสมานฉันท์ทางการเมืองนั้น

ถึงคราวหมดสิทธิลงสนามเลือกตั้ง รวมถึงถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างน้อย 5 ปี!!!

บางฝ่ายวิเคราะห์ว่า สิ่งหนึ่งที่กระตุ้นให้ "พล.อ.สพรั่ง" ออกมาส่งสัญญาณแบบนี้ อาจมาจากอาการดื้อเงียบของ จาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคดาวเทียม ที่ท้าทายอำนาจของ คมช.หลายครั้งหลายครา แม้ช่วงหลังจะยุติบทบาทนี้ไปชั่วคราวก็ตาม

จนทำให้มีข่าวว่า ความสัมพันธ์ที่ "จาตุรนต์" เคยมีกับผู้ใหญ่และแกนนำ คมช.เริ่มง่อนแง่น

พูดง่ายๆ แม้ไม่โกรธ แต่วันนี้กลับต้องเคืองกันแล้ว

"เสี่ยอ๋อย" อาจมั่นใจในกระแสนิยมจากชาวบ้านร้านตลาดในภาคเหนือ-อีสาน-กลาง

ถึงขนาดพูดได้เต็มปากว่า แม้ไทยรักไทยจะโดนทุบจนน่วม แต่บรรดารากหญ้า-รากแก้ว ก็ไม่ปันใจและยังจะเทคะแนนให้ต่อไป

ต่อให้วันนี้จะไม่มีคนชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" แล้วก็ตาม!!!


นอกจากนั้น ยังมีโพลล์ลับที่ คมช.สุ่มสำรวจคะแนนนิยมชาวบ้าน


ซึ่งทำให้ "เสี่ยอ๋อย" ยิ้มแก้มปริ แต่คีย์แมน คมช.ทุกคนแทบตกเก้าอี้

เพราะ 2 คำถาม ที่ตั้งไว้ว่า 1.จะรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่???

ชาวบ้านร้อยละ 80 บอกว่า ไม่รับ

2.คะแนนนิยมของไทยรักไทยในภาคต่างๆ ออกมาดังนี้

เหนือร้อยละ 80 อีสานร้อยละ 90 กลางร้อยละ 70 กทม.ร้อยละ 29 และใต้ร้อยละ 25

ประกอบกับพลังบริสุทธิ์และคลื่นใต้น้ำ ที่เริ่มออกมาขับไล่ คมช.และผู้ที่เกี่ยวข้องกันแล้วนั้น

แม้พรรคไทยรักไทยจะออกตัวว่าไม่เกี่ยว แต่สายสัมพันธ์เดิมๆ ที่เคยผูกพันกับกลุ่มเหล่านั้น มันก็ยากที่จะปฏิเสธ

จนแกนนำ คมช.ไม่สามารถปล่อยให้ "จาตุรนต์" และ "ไทยรักไทย" ลอยนวลบนถนนการเมืองได้อีกต่อไป

รวมถึงกลุ่มการเมืองต่างๆ ก็ควรต้องรับโทษร่วมกันด้วย

เพราะสิ่งต่างๆ ที่ท้าทายเช่นนี้ มันทำให้สถานการณ์การเมือง ถูกเร่งปฏิกิริยาให้เร็วขึ้นกว่ากำหนด


แต่จะออกหัว หรือก้อยนั้น ต้องคอยลุ้นกันทุกระยะ


เพราะการเมืองไทยยามนี้ จะฟันธงเปรี้ยงเดียวไม่ได้ เนื่องจากปัจจัยแทรกซ้อนหลายอย่างอาจจะปะทุขึ้นมากะทันหัน

สมมติว่า หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ คือ "ไทยรักไทย-ประชาธิปัตย์" โดนยุบทิ้ง

"ตาอยู่ทางการเมือง" อย่าง "พรรคชาติไทย-มหาชน-ประชาราช" ก็คงนั่งยิ้มกริ่ม รอจังหวะเสียบและสอยอดีต ส.ส.แตกรังให้มาร่วมสังกัด

ปรากฏการณ์ทางการเมืองในช่วงต่อจากนี้ไป โปรดอย่ากะพริบตา เพราะบรรดานักการเมืองรุ่นเก๋าหลายคน กำลังปัดฝุ่นหาวิธีการคัมแบ็คทางการเมือง

พร้อมกับฝันกลางวันว่า ในภาวะสุญญากาศเช่นนี้ ใครพร้อมและทุนหนา ก็สามารถกวาดต้อนอดีต ส.ส.มาร่วมก๊วน

และหากช่วงชิงธงนำได้จะกลายเป็นผู้ชนะในที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "พ่อใหญ่จิ๋ว" ที่เคยมีข่าวฮือฮาว่าจะไปช่วยกอบกู้ไทยรักไทย ร่วมกับ "จาตุรนต์"

แต่แล้วเรื่องนี้ก็เงียบหายไป


จนล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ประกาศฟุ้งว่า


ได้ทาบทาม "บิ๊กจิ๋ว" ให้มาร่วมงานการเมืองแล้ว และมีแนวโน้มความเป็นไปได้สูงมาก

เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากคนใกล้ชิดบิ๊กจิ๋วว่า "สารวัตรเหลิม" มาทาบทามบิ๊กจิ๋วจริง แต่บิ๊กจิ๋วยังรอดูความชัดเจนทางการเมือง และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสียก่อน

"แม้ที่ผ่านมา บิ๊กจิ๋วยืนยันวางมือทางการเมืองไปแล้ว แต่ปัญหาของบ้านเมืองยามนี้และอนาคตนั้น มันมีความจำเป็นที่ทำให้บิ๊กจิ๋วต้องตัดสินใจใหม่เพื่อกลับมาช่วยบ้านเมือง เพราะจะเข้ามาทำหน้าที่โซ่ข้อกลางทางการเมือง ยอมรับโอกาสชนะการเลือกตั้งของไทยรักไทยมีมากกว่า แต่ความขัดแย้งเก่าๆ ที่ไทยรักไทยสะสมไว้กับหลายฝ่าย ที่ยังค้างคาอยู่นั้นมันก็ยังเป็นปัญหา ทำให้โอกาสของคนรู้ใจบิ๊กจิ๋วอย่างสารวัตรเหลิม เข้ามาทาบทามให้ไปช่วยกันทำงานการเมืองในขั้วใหม่"

รู้ๆ กันอยู่ว่า ทั้ง "สารวัตรเหลิม" และ "บิ๊กจิ๋ว" นั้น มีคอนเนคชั่นระดับยอดเยี่ยมกับอดีตผู้นำหน้าเหลี่ยมเพียงใด

และพรรคใหม่นี้ อาจจะเป็นพรรคสาขา หากไทยรักไทยต้องถูกลบชื่อออกจากสารบัญการเมืองไทย

หลายคนเลยมองความเป็นไปได้ว่า มันอาจเป็นหมากที่ "ทักษิณ" วางให้ "บิ๊กจิ๋ว" และ "สารวัตรเหลิม" ขับเคลื่อนขบวน และดูแลลูกน้องไปพลางๆ ก่อน จนกว่าจะถึงเวลาที่ทักษิณกลับมารับคืน


เพราะยอดอดีต ส.ส.ที่ยังสังกัดพรรคดาวเทียมกว่า 200 คนนั้น


หากพรรคโดนยุบแบบเบ็ดเสร็จ

เชื่อได้ว่า เกินกว่าครึ่งจะไปซบตัก "บิ๊กจิ๋ว" โดยอาศัยบารมีพ่อใหญ่ และปัจจัย-น้ำเลี้ยงที่มีไม่อั้น

แต่ความฝันของ "บิ๊กจิ๋ว" จะเป็นจริงหรือไม่ ต้องสอบถามมวลชนคนไทยทั้งชาติให้ดีๆ

เพราะเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 และปัจจัยเศรษฐกิจไทยในวันนี้ คงทำให้ประชาชนคิดหนักอยู่เหมือนกัน


จะให้โอกาสพ่อใหญ่จิ๋วคัมแบ็คจริงๆ หรือ???


ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ จาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์