ศธ.นัดคุยอธิการมหาลัย ยัน "เพื่อไทย" ยอมถอยนิรโทษเหมาเข่ง - ดันลง "สัตยาบัน" ทุกฝ่ายเพื่อความมั่นใจ
เวลา 13.30 น. วันที่ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ถนนศรีอยุธยา นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เรียกประชุมด่วนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและทำความเข้าใจในร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งแสดงความคัดค้านร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ นายวราเทพ รัตนนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรมช.เกษตร นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศธ. และนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าร่วม
ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า การประชุมครั้งนี้ มีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมทั้งหมด 113 แห่ง จากมหาวิทยาลัยทั้งหมด 153 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยรัฐมีเพียง 4 แห่ง เท่านั้นที่อธิการบดีเดินทางเข้าร่วมหารือด้วยตัวเอง ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว.) มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์(มวล.) และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ขณะที่กลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฎ มีอธิการบดีเข้าร่วมจำนวน 12 แห่ง สถาบันอุดมศึกษาเอกชน เข้าร่วมจำนวน 13 แห่ง ส่วนที่เหลือส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม ส่วนอธิการบดีมหาวิทยาลัยดังๆ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่มาร่วมประชุม ส่งเพียงตัวแทนระดับรองอธิการฯ มาแทนเท่านั้น
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศธ. กล่าวว่า ที่มีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ สั่งให้มีการเชิญอธิการบดีทั่วประเทศมาชี้แจงทำความเข้าใจปัญหาบ้านเมือง พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะและย้ำไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว นั้นนายกฯ ไม่ได้เป็นคนสั่งการ แต่เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ควรมีการประชุมพูดคุยทำความเข้าใจกับมหาวิทยาลัย เนื่องจากที่ผ่านมามีการนำเนื้อหาในร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวไปบิดเบือนและโจมตี จึงอยากให้อาจารย์มหาวิทยาลัยเข้าใจ ชี้แจง และทำความเข้าใจกับประชาคมในมหาวิทยาลัย รวมถึงประชาชนทั่วไป และให้ช่วยเสนอทางออกให้กับบ้านเมือง
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวว่า เมื่อร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านวาระ 2 และ 3 ของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว รัฐธรรมนูญได้กำหนดว่าเป็นหน้าที่ของวุฒิสภาที่จะพิจารณา ซึ่งก็จะมีทางออก 3 ทาง ได้แก่
1. วุฒิสภารับหลักการตามที่สภาผู้แทนฯ เสนอ และนายกรัฐมนตรีลงนามเพื่อทูลเกล้าฯ ต่อไป
2. วุฒิสภาไม่รับหลักการ ก็จะถือว่าเป็นกฎหมายที่ต้องยับยั้งไว้ 180 วัน แต่หากเป็นทางออกลักษณะนี้ พรรคเพื่อไทย และวิปรัฐบาล ได้แถลงชัดเจนแล้วว่า เราจะไม่หยิบกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมายืนยันอีก โดยจะให้กฎหมายฉบับนี้สิ้นสลายไปกับวาระของสภาผู้แทนฯ แต่เมื่อพูดออกมาเช่นนี้สังคมก็ยังไม่ไว้ใจรัฐบาลอีก หาว่าหลอกลวง และสับขาหลอก ซึ่งหากรัฐบาลทำแบบที่กังวลกันจริงๆ เท่ากับฆ่าตัวตาย และทางออกที่ 3.วุฒิสภารับหลักการ และแก้ไขถ้อยคำในร่างกฎหมาย ซึ่งเมื่อมีการแก้ไข และสภาผู้แทนฯเห็นชอบตามนั้น ก็ออกเป็นกฎหมายต่อไป
“หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของวุฒิสภาที่จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ยืนยันว่าเราไม่ติดใจเรื่องนี้แล้ว เพราะเมื่อสังคมไม่พร้อม ยังเคลือบแคลงสงสัย และจากปฏิกิริยาที่ออกมา ก็ถือว่าเป็นมติมหาชนว่ายังไม่พร้อมรับร่างดังกล่าว ทางพรรคเพื่อไทยก็ยอม ทั้งที่เรื่องนี้รัฐบาลไม่เกี่ยว ไม่ใช่ของรัฐบาล แต่เมื่อเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในประเทศ รัฐบาลก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแล ดังนั้นจึงฝากความหวังไว้ที่วุฒิสภา หากมีการคว่ำร่างก็จะให้ร่างนี้ตายคาสภาผู้แทนฯ ไปเลย แต่ขณะนี้อาจจะมีฝ่ายที่หาเรื่องต่อ ก็จะบอกว่าแม้ยุบสภา หรือสิ้นวาระของสภา เมื่อพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลก็จะนำร่างนี้ขึ้นมาพิจารณากันอีก จึงฝากบอกไว้เลยว่า เพื่อไทยไม่เอาแล้ว จะอยู่ตรงไหนก็เลิก ให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายปกติ พวกที่โดนจับก็สู้คดีกันไป ใครฆ่าประชาชนก็เอามาลงโทษ ซึ่งในเมื่อรัฐบาลพยายามหาทางออกให้ประเทศแล้ว แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ ก็ไม่เป็นไร เราจึงต้องยอมถอยเพื่อให้สังคมวันนี้สงบสุข ให้ประเทศได้เดินหน้าต่อไป เพราะขณะนี้กำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หากมัวมาแต่ทะเลาะกัน เราก็จะเสียโอกาสได้” นายสามารถ กล่าว
นายสุจินต์ จินายน อธิการมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ตนมีข้อเสนอว่า ขอให้นายกฯ ออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะไม่มีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณา ถ้าหยิบยกขึ้นมาต้องยุบสภาทันที
นางรัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า ตนเสนอให้นายกฯ และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด มาร่วมลงนามสัตยาบรรณว่าจะไม่มีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาพิจารณาอีก ซึ่งก็จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่ง
นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า อธิการบดีไม่สามารถไปสั่งการอาจารย์ บุคลากรของคนในมหาวิทยาลัยให้ออกมาเรียกร้องหรือหยุดต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมครั้งนี้ได้ เพราะถ้าอธิการบดีไปสั่ง อาจโดนคำถามกลับมาว่าอธิการบดีมีความเข้าใจแล้วหรือยัง อธิการบดีมีหน้าที่อย่างเดียว เป็นตัวอย่างเป็นครูเพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักธรรมมาภิบาลที่ถูกต้อง ดังนั้น เรื่องนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ รัฐบาลไม่ควรมาอธิบายอีกว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้มีหลักการเช่นไร เพราะขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่เอา และให้ส.ส.ทั้ง 310 คน ที่โหวตให้พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวผ่านวาระ 2 และ3 ควรแสดงความรับผิดชอบ โดยให้ออกมาขอโทษ ซึ่งคนที่ออกมาขอโทษถือว่าเป็นคนมีเกียรติ เพราะการขอโทษทำยากกว่า การดื้อแพ่งและอธิบายเหตุผลของตัวเอง และถ้าเป็นไปได้ให้ใช้โอกาสนี้ สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองใหม่ ต่อไปคนทำผิดต้องรับผิด ไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาล้างผิดในกรณีการทุจริตคอรัปชั่น ยกเว้นกรณีทางการเมือง แต่ต้องให้นิรโทษกรรมตามเหตุตามผลและยึดตามประชามติ และให้นำวิกฤตสร้างการเมืองแบบมีส่วนร่วม
“ต่อไปการเมืองแบบมีส่วนร่วมส.ส.และส.ว.ต้องทำตัวเป็นแค่ผู้แทนเท่านั้น ถ้าออกกฎหมายเรื่องใดมาและมีเสียงเห็นต่าง โดยเฉพาะกฎหมายที่มีคนกังวล สภาก็ต้องทำตามความเห็นต่างนั้น ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ลาออกไป ให้คนที่ทำได้เข้ามาแทน” นายเฉลิมชัย กล่าว
นายสมเดช นิลพันธุ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม กล่าวว่า ตั้งแต่มีเหตุการณ์คัดค้านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เกิดขึ้น ไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษจากรัฐบาล หรือจากส.ส.ในรัฐสภา ซึ่งถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างแรก รัฐบาลต้องเลิกใช้คำว่าประชาชนไม่เข้าใจ หรือคนไทยยังไม่พร้อม และออกมาขอโทษประชาชน แต่ถ้ารัฐบาลพูดคำว่าขอโทษไม่เป็น ก็ให้อธิการบดีสอน
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ ยืนยันในที่ประชุมว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายที่ออกมาคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ถ้ายึดตามรัฐธรรมนูญแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า ร่างกฎหมายนี้พ้นจากอำนาจของ ส.ส.ไปแล้ว รวมทั้งรัฐบาลเองก็ไม่สามารถได้แล้วในขณะนี้ ขบวนการที่เหลือต้องรอให้วุฒิสภาโหวตไม่รับหลักการ ซึ่งเราก็หวังเหลือเกินว่า วุฒิสภาจะทำอย่างนั้น ถ้าวุฒิสภาไม่รับหลักการก็จะเป็นการยับยั้งร่างกฎหมายนี้ไว้ 180 ซึ่งจะไม่มีใครทำอะไรกฎหมายนี้ได้ภายในช่วงเวลาดังกล่าว เมื่อพ้น 180 วันแล้ว นายกฯและพรรคเพื่อไทยก็แสดงทีท่าชัดเจนว่า จะไม่หยิบกฎหมายนี้มายืนยันอีก ทั้งนี้ ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญไม่เปิดช่องให้สภาผู้แทนฯถอนร่างกฎหมายดังกล่าวในขณะนี้ ถ้ารัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้จริง สภาผู้แทนฯจะเรียกประชุมทันที่ในวันถัดไปหลังวุฒิสภาคว่ำกฎหมายดังกล่าว. เพื่อลงมติให้ร่างกฎหมายนี้ตกไป
“เข้าใจว่ายังมีความไม่เชื่อใจรัฐบาลอยู่ อาจจะต้องมีการออกหนังสือยืนยันเพื่อให้มุกฝ่ายมั่นใจ แต่ข้อเสนอให้ออกพระราชกำหนดหรือพระราชฏีกาให้กฎมายหมายนี้ตกไปนั้น ขอชี้แจงว่าทำไม่ได้ ทำได้ในเฉพาะกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินเท่านั้น ส่วนข้อเสนอให้ออกเป็นมติครม.นั้น ถ้าทำจริงก็อาจมีผู้ไม่เชื่อใจว่ารัฐบาลจะทำตามมติครม.จริง ๆ” รองนายกฯ กล่าว
นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า หลังจากการหารือครั้งนี้ ตนจะรวบรวมประเด็นของเสนอที่ได้ในวันนี้ไปเสนอต่อนายกฯ โดยเฉพาะกรณีที่เสนอให้มีการลงสัตยาบัน ระหว่างรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล ส.ส. และฝ่ายค้าน ว่าหากมีการหยิบพ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมาอีกให้ยุบสภาทันที รวมถึงข้อเสนอที่ให้ออกมาขอโทษ นายสามารถก็รับจะทำเรื่องนี้เข้าหารือกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ ส่วนกรณีที่ให้มีคนกลางที่น่าเชื่อถือ ที่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านมาเป็นตัวแทนมายืนยันเรื่องนี้ เพื่อที่ประชาชนจะได้เกิดความไว้วางใจนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครยืนยันได้ดีเท่าส.ส.หรือรัฐบาล
นายจาตุรนต์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ทางรัฐบาลและศธ. มีความเข้าใจและเคารพสิทธิเสรีภาพ การเรียกร้อง การแสดงความเห็นของประชาคมมหาวิทยาลัย ขณะที่การประชุมผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั่วประเทศนี้ เราไม่ได้ขอร้องให้มหาวิทยาลัยทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมือง หรือยุติการชุมนุมอะไรเลย แต่ที่สิ่งที่ต้องการจากอธิการบดีและผู้บริหารของมหาวิทยาลัยนั้นคือ ข้อเสนอแนะและความคิดเห็น เพื่อที่จะช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ และมีทางออกที่เหมาะสม
“ยืนยันว่าจะไม่มีการเช็คบิลย้อนหลังมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ออกมาเรียกร้องทาง การเมืองในครั้งนี้ ผมพูดชัดเจนแต่ต้น ว่าไม่มีการขอร้องให้มหาวิทยาลัยดำเนินการใดๆ เพราะมีความเข้าใจอย่างดี ทุกคนมีเสรีภาพแสดงความคิดเห็น อีกทั้งไม่มีอำนาจอยู่แล้ว และไม่มีในความคิด ซึ่งยืนยันหลักการนี้มาตลอด” นายจาตุรนต์ กล่าว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
