ปึ้ง ชี้ผลงาน แม้ว ทำสัมพันธ์ไทย-เขมรราบรื่น

ปึ้ง ชี้ผลงาน แม้ว ทำสัมพันธ์ไทย-เขมรราบรื่น

"ปึ้ง" ไม่สนเสียงต้าน เดินหน้าตั้ง กก.ร่วมไทย -เขมร ก่อนศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร 11 พ.ย.มั่นใจกลุ่มคัดค้านจุดไม่ติด เหตุคนไทยเข้าใจสถานการณ์มากกว่าในอดีต ชี้เป็นผลงาน "แม้ว" ทำสัมพันธ์ 2 ประเทศราบรื่น

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. เวลา 12.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ

แถลงภายหลังร่วมประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เพื่อเตรียมการคดีปราสาทพระวิหาร ที่ศาลโลกนัดอ่านคำตัดสินคดีในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอแนวทางที่ศาลโลกอาจจะพิจารณา 4 แนวทางให้ที่ประชุมได้รับทราบ คือ 1.ศาลโลกอาจตัดสินว่าไม่มีอำนาจและไม่มีเหตุต้องตีความ 2.ศาลโลกอาจตัดสินตามคำขอของกัมพูชาว่าขอบเขตบริเวณใกล้เคียงเป็นไปตามเส้นเขตแดนบนแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน หรือไม่ 3.ศาลโลกอาจตัดสินว่าข้อต่อสู้ของไทยและขอบเขตบริเวณใกล้เคียงเป็นไปตามเส้นมติ ครม.ปี 2505 และ 4.ศาลโลกอาจตัดสินออกมาเป็นกลาง เช่น ศาลยืนยันหรือให้ความกระจ่างเกี่ยวกับน้ำหนักและขอบเขตของเส้นเขตแดนแบบแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ในฐานะเหตุผลของคำพิพากษาปี 2505  และให้คู่กรณีไปเจรจาร่วมกัน


นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ไม่ว่าศาลโลกจะตัดสินออกมาในรูปแบบใด ที่ประชุมได้เห็นตรงกันว่าไทยกับกัมพูชาจะต้องพูดคุยกันก่อน
 
โดยใช้เวทีคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-กัมพูชา (เจซี) เป็นกลไกในการพูดคุยโดยมี รมว.ต่างประเทศของไทยและกัมพูชา เป็นประธานร่วมกัน เพื่อตกลงพูดคุยกันก่อนว่าหากผลการตัดสินออกมาเป็นอย่างไร เราจะต้องดำเนินการเช่นใดบ้าง โดยในที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมการเจซีเป็นผู้เริ่มดำเนินการ หลังจากนี้ตนจะโทรศัพท์หานายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อหารือเบื้องต้นถึงการจัดการประชุมเจซี เพราะถ้าผลการตัดสินออกมาเป็นอย่างไร จะต้องไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมถึงทางไทยจะชี้แจงให้ได้รับทราบว่าการดำเนินการต่าง ๆ ตามกฎหมายของไทย บางครั้งต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 สมมติว่าศาลโลกตัดสินออกมาแล้วมีการปฏิบัติกันทันที อาจจะเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างกันได้ เราไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้ ทั้งนี้ฝ่ายทหารก็มีข้อห่วงใยที่จะให้มีการพูดคุยและตกลงกันก่อน


นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงการส่งทีมงานไปรับฟังคำพิพากษาในวันที่ 11 พ.ย.

ซึ่งจะมีผู้เดินทางไปเพียงคณะเล็ก คาดว่าจะใช้เวลาในการรับฟังประมาณ 2 ชม. เริ่มเวลา 10.00 น. ตามเวลาของกรุงเฮก ตรงกับเวลาในประเทศไทยคือ 16.00 น. โดยถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ (ช่อง 9) และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง11 รวมทั้งทางสถานีวิทยุ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กำชับให้ถ่ายทอดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไปนับจากวันนี้ถึงวันที่ 11 พ.ย. จะมีการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยได้รับทราบถึงความเป็นมาทั้งหมดของคดีปราสาทพระวิหาร นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 1 คณะ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ นักกฎหมายที่ต่อสู่เกี่ยวกับคดีดังกล่าว กฤษฎีกา ฝ่ายทหาร พลเรือน เพื่อศึกษาวิเคราะห์คำพิพากษาและหาแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป เพราะบางเรื่องจะต้องผ่านที่ประชุมรัฐสภาก่อน เราจึงจะต้องมีการเตรียมการในเรื่องนี้อย่างละเอียด และคาดว่าช่วงปลายเดือนนี้ จะมีการประชุมคณะทำงานชุดดังกล่าว เพื่อเตรียมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน รวมถึงแนวทางปฏิบัติหากคำตัดสินออกมาใน 4 แนวทาง


เมื่อถามว่า หากศาลตัดสินให้กัมพูชาได้เปรียบ ทางกัมพูชาจะยอมคุยกับไทยหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า
 
คิดว่ากัมพูชายอมพูดคุย ตนได้คุยกับนายฮอร์ นัม ฮง ก่อนเข้าประชุมวันนี้ว่าจะยึดตามสิ่งที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะแยกประเด็นคำพิพากษาออกจากความสัมพันธ์ทั่วไป และเมื่อคำพิพากษาออกมาเป็นเช่นใด ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างกัน  ประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องอยู่ร่วมกันได้


เมื่อถามว่าหากศาลโลกตัดสินออกมาในแนวทางที่ว่าพื้นที่ต้องเป็นไปตามแนวทางที่กัมพูชาร้องขอนั้น

ได้มีการพูดคุยหรือไม่ว่าทางกองทัพจะวางตัวกันอย่างไร นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมได้พูดคุยว่าจะทำตามขั้นตอนภายในตามกฎหมายของไทยก่อน จากนั้นจะดำเนินการ ซึ่งตนกับคณะทำงานจะต้องทำรายละเอียดทั้งหมด เพื่อเสนอในที่ประชุมว่า หากผลการตัดสินออกมาในแต่ละแนวทางจะต้องดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้จะต้องผ่านมาตรา 190  ทางฝ่ายทหารได้ยืนยันว่าถ้ารัฐบาลปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายไทยเป็นที่เรียบร้อย กองทัพก็พร้อมปฏิบัติตาม จึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา นอกจากนี้ทางกองทัพยังเสนอแนวทางต่าง ๆ เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศไปพูดคุยเป็นการเบื้องต้นกับทางกัมพูชา หลังจากนั้นฝ่ายทหารของไทยก็จะพูดคุยกับทหารของกัมพูชา


เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงมวลชนที่จะออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้เห็นผลการสำรวจโพลลต่าง ๆ ก็รู้สึกสบายใจว่าประชาชนยอมรับคำตัดสินของศาล แต่ขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะยอมรับคำตัดสินของศาลยังมีขั้นอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งเราต้องเตรียมการดำเนินการต่อ ทั้งนี้มองว่าฝ่ายที่พยายามไม่เข้าใจและทำให้เกิดกระแสรักชาติ แต่จุดไม่ติด เพราะคนไทยมีความเข้าในสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าอดีต ขอยืนยันว่าทุกคนคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก อย่างไรก็ตามแม้ศาลจะตัดสินออกมาในแนวทางนี้เราก็ต้องพูดคุยกัน พร้อมบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกัน เพราะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งนี้มองว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับทั้งสองประเทศ


เมื่อถามว่าดูท่าทีกัมพูชาเหมือนจะมั่นใจว่าชนะ คิดว่ามีการเล่มเกมการเมืองของศาลโลกหรือไม่
 
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าไม่มี เพราะศาลทุกท่านให้ความเป็นกลางและไม่ใช่ศาลที่จะวิ่งเต้นกันได้ อีกทั้งศาลจะวินิจฉัยในแต่ละกรณีที่ไม่ทำให้ทั้งสองประเทศเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกัน เมื่อถามต่อว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าในระหว่างนี้จนถึงวันที่ศาลโลกตัดสินไทยกับกัมพูชาจะไม่ปะทะกัน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การปะทะกันอาจไม่เกิดขึ้น เพราะความสัมพันธ์ระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ และสมเด็จฯฮุนเซน เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อถามย้ำว่าจะให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่าการพูดคุยกันรัฐบาลจะยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง นายสุรพงษ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าทุกรัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และการที่จะไปพุดคุยกับเขาเราก็จะต้องนึกถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่แล้ว ซึ่งพื้นที่ตลอดแนวเราก็มีปัญหา ต้องอาศัยการพูดคุยและการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน และหลังจากวันที่ 11 พ.ย.นี้ก็จะยุติ


เมื่อถามว่าถ้าคำตัดสินออกมาในรูปแบบใด สมเด็จฯฮุนเซนยืนยันชัดเจนใช่หรือไม่ว่า จบแน่

โดยจะไม่หยิบยกเหตุผลอื่นมาเป็นข้อกล่าวอ้างอีก นายสุรพงษ์ กล่าวว่า “ครับ ๆ เราจะพยายามให้จบเลยครับ และตกลงกันให้ชัดเจน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีเพื่อนเป็นผู้นำหลาย ๆ ประเทศ ไม่ใช่เฉพาะกัมพูชา และทุกคนต่างให้ความเคารพแนวคิด พ.ต.ท.ทักษิณ ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ทุกอย่างที่ผ่านมากลับคืนมาเหมือนเดิมเป็นเพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำไว้ในอดีต และวันนี้เราก็มาสานต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด พยายามแก้ไขปัญหาไม่ให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน อยากขอร้องให้คนในประเทศไทยเลิกนำเรื่องการต่างประเทศมาเล่นเป็นการเมืองภายใน เราต้องแยกแยะ”


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์