ปู ลั่นยึดแนวทางสันติอยู่ร่วมไทย-เขมร

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
 
กล่าวถึงกรณีที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) นัดฟังความตัดสิน คำพิพากษาตีความคดีปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พ.ย. นี้ ว่า ทุกอย่างเราจะพยายามดำเนินการให้เกิดความสงบสุข ยืนยันว่าเราจะพยายามทำงานร่วมกันในการรักษาความสงบตามแนวชายแดน

เมื่อถามว่า ได้มีการประสานกับทางประเทศกัมพูชาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า

ทางกัมพูชาได้แสดงเจตนารมณ์ไว้ตั้งแต่ต้น ว่าอยากเห็นพื้นที่ตามแนวชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีความสงบ ทางเราเองก็อยากเห็นเช่นกัน เชื่อว่าด้วยเจตนารมณ์นี้ สถานการณ์ก็จะดีขึ้น โดยการพูดคุยจะใช้หลักความเข้าใจ และหลักสันติในการแก้ไขปัญหา อยากให้ประชาชนสบายใจ ทั้งนี้ผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร ก็คงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะชี้แจง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ออกมาชี้แจงแล้วหลายเรื่อง

"ต้องเรียนว่าทุกผลการตัดสินที่ออกมา เราต้องรักษาความสันติ และการอยู่ร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านให้ได้ เพราะว่าในส่วนของการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียนเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นเรื่องที่สร้างเสริมเศรษฐกิจ ฉะนั้นรัฐบาลทั้งสองประเทศจะดำเนินการอย่างดีที่สุด จึงอยากขอความร่วมมือในเรื่องต่างๆ อย่างไรก็ตาม เราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการพูดคุย ที่ไม่กระทบกระทั่งซึ่งกันและกัน" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทางด้าน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะคณะทำงานต่อสู้คดีประสาทพระวิหาร กล่าวว่า
 
ในวันที่ 11 พ.ย. ที่ศาลโลกนัดฟังคำตัดสินคดีดังกล่าวนั้น ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปฟังคำตัดสินด้วยตนเอง เพราะเป็นการรับฟังคำตัดสินเท่านั้น ต่างจากในสมัยที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็นรมว.กลาโหม ที่จะต้องไปกับคณะด้วย เนื่องจากในช่วงนั้นเป็นการแถลงด้วยวาจาของฝ่ายไทย จึงต้องไปติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับการดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ในช่วงคำตัดสินที่หลายฝ่ายวิตกว่าอาจเกิดเหตุการณ์ขึ้นนั้น พล.อ.นิพทธ์ กล่าวว่า จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 21 ต.ค.นี้ โดยมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน.