“เต้น” เย้ย ปชป. ซัดกันเองไม่รับปฏิรูปพรรค

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม คณะรัฐมนตรี

ถึงการประชุมพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการปฏิรูปพรรค ว่า จากข่าวที่ออกมาสรุปได้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ลงมือปฏิรูปนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี เพราะทราบว่า มีการรุมยำ และนายอลงกรณ์ ก็ระบุว่าจะไม่ทวิต ข้อความวิจารณ์พรรค ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รับการกระชับอำนาจ การนำพรรคเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากขึ้น ประเมินได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ตกผลึกแล้วว่า จะเอาแนวทางนี้สำหรับการโค่นล้มรัฐบาล เพราะการกระชับอำนาจให้นายอภิสิทธิ์ หมายความว่าจากนี้ไปการขับเคลื่อนพรรคจะเป็นไปตามแนวทางของนายอภิสิทธิ์ เช่น ในสภาจะมีการเล่นเกมความวุ่นวาย นอกสภาประสานมวลชนต่าง ๆ เพื่อเคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาล

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า คิดว่าคนพรรคประชาธิปัตย์

เห็นตรงกันว่าหากให้รัฐบาลอยู่จนครบวาระ 4 ปี คดีความเกี่ยวกับเหตุการณ์ปี 53 ของ นายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี คงไปไกล ถ้าลงสนามเลือกตั้งตอนนั้น อาจเป็นได้ที่หัวหน้าพรรคเป็นผู้ต้องหา ดังนั้นจึงมีความบีบคั้นมาก ต้องหาทางเปลี่ยนเกมทางการเมือง การปฏิรูปที่พูดกันจึงไม่เห็นภาพการเปลี่ยนแปลง ตรงกันข้ามเป็นการตอกย้ำว่าแนวทางหลังจากนี้ จะทำให้บรรยากาศทางการเมืองเข้มข้นขึ้น เพราะเดินตามนายอภิสิทธิ์ เต็มตัว ดังนั้นอยากเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์ ว่าในขณะที่คนกำลังตื่นตัวกับสถานการณ์การเมือง ช่วยแถลงให้ประชาชนทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นร้องกับองค์กรอิสระกี่เรื่อง กี่หน่วยงาน ประชาชนจะได้ทราบว่ามีพรรคการเมืองจ้องลุ้นหวยองค์กรอิสระอยู่ตลอด แล้วทำเหมือนว่าคณะกรรมการป้องการและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นหน่วยขึ้นตรงของประชาธิปัตย์ที่มีอะไรแล้วไปยื่นตรงนั้น แล้วก็รอลุ้นกันตลอด

เมื่อถามว่า การชุมนุมของกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นขบวนการล้มรัฐบาลหรือไม่

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เขาคงพยายามอาศัยฤกษ์งามยามดีของวันที่ 8 ต.ค.และเป็นกลุ่มที่พรรคประชาธิปัตย์ไปเชื่อมเอาไว้ ความเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นต้องจับตามองพรรคประชาธิปัตย์เป็นศูนย์กลาง การประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ก็ชัดแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเอาแบบนี้ เดิมพันของนายอภิสิทธิ์ ต้องล้มรัฐบาลให้ได้เร็ว ก่อนคดีความทั้งหลายเดินมาถึงตัว แล้วทำให้สถานะทางการเมืองต่างไปจากตอนนี้ ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลเดินหน้าทำงาน ไม่สร้างความรุนแรง ไม่ใช้อำนาจไปทำลายประชาชนที่ออกมาชุมนุม ก็ไม่มีเงื่อนไขที่จะให้เกิดสถานการณ์ไม่พึงปรารถนา ปกติพรรคประชาธิปัตย์ลุ้นอยู่ 2 เรื่องคือท่าทีของกองทัพ กับการตัดสินขององค์กรอิสระ เมื่อกองทัพมีท่าทีชัดว่าไม่เข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง ดังนั้นทางเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์มองคือเรื่ององค์กรอิสระ ส่วนกลุ่มมวลชนที่พรรคประชาธิปัตย์ไปเชื่อมประสานก็เพียงต้องการให้เป็นประเด็นทางการเมืองขึ้นมาตลอดว่ามีประชาชนไม่พอใจรัฐบาล

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อถึงความเคลื่อนไหววันที่ 8 ต.ค.ว่า ยังไม่เห็น ปรากฎการอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเหมือนที่วิจารณ์กัน
 
วิชาโหร วิชาทำนายเราก็ไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่เราเชื่อมั่นในวิชาความเป็นจริง ถ้ารัฐบาลยืนบนหลักการประชาธิปไตย ทำงานอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ ขณะที่เวทีสุภาพชนคนรักประชาธิปไตยครั้งต่อไปจะมีขึ้นวันที่ 12 ต.ค.ที่โรงเรียนบางกะปิ.