“ ประยุทธ์ ” ห่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในอนาคต

“ ประยุทธ์ ” ห่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในอนาคต

“ประยุทธ์” ห่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในอนาคต สั่งทหารปรับแผน รปภ. เสียใจ “ จนท.-ปชช.”เสียชีวิตเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ วอนสังคมเข้าใจการทำงานจนท. ชี้มีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. พ.อ.วินธัย สุวารีรองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายหลังศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.)

ได้ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนเสียชีวิตว่าจากสถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้มีการบาด เจ็บสูญเสีย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง อยากให้สังคมได้เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย ส่วนประชาชนเองก็พยายามทำหน้าที่ของตนตามสิทธิแต่ต้องคำนึงถึงเหตุการณ์ความ รุนแรงด้วย เพราะขณะนี้มีผู้ไม่หวังดีพยายามจะสร้างสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นต้องระวังไม่ให้สถานการณ์พัฒนาไปเหมือนเหตุการณ์ในอดีต ทั้งนี้ไม่ว่า จะผิดหรือถูกต้องเหมาะสมหรือไม่อย่างไรเป็นเรื่องของผู้เกี่ยวข้องจะต้อง ดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามปัจจุบันทหารยังคงได้ติดตาม สถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัย ระมัดระวังป้องปรามเหตุรุนแรงให้ได้มากที่สุดตามที่ได้รับมอบหมายจากศรส.ใน ระดับผู้บังคับบัญชาได้มีการประสานพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับ โดยเฉพาะพยายามให้ทุกฝ่ายได้ลดการความรุนแรงเพื่อไม่ให้เกิดเป็นประเด็น เงื่อนไขเพิ่มเติม

“ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ในอนาคตจึงได้สั่งการให้กำลังพลที่ออกปฏิบัติ หน้าที่ทุกจุดทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่ที่รับผิดชอบเพื่อปรับปรุงแผนและวิธีการปฏิบัติให้มีความรัดกุม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นขอให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจเหตุผลความจำเป็นในการ ปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด้วย ” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีที่ศรส.ได้โพสต์ข้อความลงในเว็ปไซต์ทวิตเตอร์ระบุว่า

“ ขอประณามกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ปะปนอยู่ในผู้ชุมนุมใช้อาวุธสงครามร้าย แรงระดมยิงเข้าใส่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ ” พร้อมกับรูปหมวกมีตัวเลขและอักษรย่อ จนมีการตั้งข้อสังเกตและวิพากษ์วิจารณ์ว่าคล้ายกับหมวกของเจ้าหน้าที่ทหาร หรือไม่นั้น พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขอยืนยันว่า หมวกดังกล่าวไม่ใช่ของทหารแน่นอน เพราะหากเป็นของหมวกของทหารจะไม่มีการพ่นชื่อหน่วย  และพฤติกรรมโดยธรรมชาติถ้าเป็นคนที่ทำความผิดไม่น่าจะเปิดเผยสังกัดและทิ้ง หลักฐานเอาไว้นอกจากมีเจตนาอื่นที่แอบแฝงและตั้งใจสร้างเรื่องให้เกิดความ เข้าใจผิด รวมถึงจากเหตุการณ์เมื่อปี 53 ก็มีหมวกพร้อมอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนของเจ้าหน้าที่ทหารสูญหายไปด้วยพร้อมกับ อาวุธจึงยืนยันได้ว่าไม่ใช่หมวกของทหารแน่นอน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์