ไม่ลดน้ำมันปาล์มสุเทพให้ตรึง47บาทกลัวทำขาดตลาดอีก

กระทรวงพาณิชย์ถกปัญหาน้ำตาลทรายขาดแคลน 24 มี.ค.นี้ ชง 2 แนวทางแก้ไข

ส่วนยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ร้านโมเดิร์นเทรด ปั่นป่วนกันทั่ว งดรับซื้อน้ำมันปาล์มจากโรงงานผลิตหลังพาณิชย์ปล่อยข่าวลดราคาลงขวดละ 5 บาท แต่ “สุเทพ” ให้คงไว้ที่ลิตรละ 47 บาท ต่อไปอีก พร้อมเล็งยกเลิกบีบโรงกลั่นซื้อน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ 4 หมื่นตัน โดยรัฐบาลชดเชยให้ในราคาตลาดโลก และให้กระทรวงพลังงานผลิตไบโอดีเซล บี 3 และบี 5 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.30 น. เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี
 
เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คงราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคที่ขวด (1 ลิตร) ละ 47 บาทต่อไปก่อนระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องรอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ทั้งหมดให้ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งด้านผลผลิตปาล์มสดลอตใหม่ที่จะออกมา ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลก ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มในประเทศ รวมถึงการชดเชยให้กับโรงกลั่นน้ำมันหลังจากที่กนป.เห็นชอบให้โรงกลั่นรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศในลอตที่ 2 รวม 45,000 ตัน

“ที่ประชุมเป็นห่วงว่าขณะนี้สถานการณ์ยังไม่นิ่ง หากให้ปรับลดราคาน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคลงในช่วงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาจนทำให้ราคาผันผวนและอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นจึงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประเมินสถานการณ์ทุกอย่างให้ชัดเจนเพื่อนำมาหารือกันอีกครั้งในวันที่ 30 มี.ค.นี้”

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าขณะนี้ผลผลิตปาล์มน้ำมันในประเทศได้ทยอยออกสู่ระบบมากขึ้น
 
และสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศก็มีจำนวนมากขึ้นจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติและมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงเชื่อได้ว่าน้ำมันปาล์มภายในประเทศจะไม่ขาดแคลนอีก ดังนั้นที่ประชุมจึงให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทบทวนว่ามีความจำเป็นอีกหรือไม่ที่ต้องให้โรงกลั่นซื้อน้ำมันปาล์มดิบในประเทศจำนวน 40,000 ตัน โดยรัฐบาลให้การชดเชยตามราคาตลาด ตามมติกนป.เมื่อครั้งที่ผ่านมา โดยภาคเอกชนและกระทรวงพาณิชย์ได้ขอเวลาในการทบทวน 7 วัน


นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มที่จะทยอยออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันได้รับผลกระทบมากเกินไป

จึงขอให้กระทรวงพลังงานไปพิจารณาปรับสูตรน้ำมันไบโอดีเซลจากปัจจุบัน บี 2 เป็น บี 3 หรือ บี 5 และต้องการให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย.นี้ รวมทั้งให้กำหนดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่จะซื้อไปผลิตเป็นน้ำมันบี 100 และราคาตายตัวให้ชัดเจนในช่วงเวลาหนึ่งที่ราคายังผันผวน เพื่อให้เกษตรกรมีเวลาปรับตัว เช่น กำหนดราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศที่ กก.ละ 40-41 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดมาเลเซีย 3-4 บาท เพื่อเมื่อทอนกลับมาเป็นราคาผลปาล์มดิบแล้วเกษตรกรจะได้ขายในราคา กก.ละ 6 บาท เป็นต้น

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า นายสมชัย จงสวัสดิ์ชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ได้ทำหนังสือถึงนายสุเทพ และนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ออกข่าวว่าจะสั่งการให้ปรับลดราคาน้ำมันปาล์มลงขวดละ 5 บาททันที หลังจากที่ผลผลิตในโครงการน้ำมันปาล์มจุกสีชมพูหมดลง ซึ่งทำให้ลูกค้า ทั้งกลุ่มโมเดิร์นเทรด ยี่ปั๊ว และซาปั๊ว ปั่นป่วนและไม่มั่นใจว่าจะต้องปรับลดราคาขายปลีกลงเหลือขวดละ 42 บาทหรือไม่ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจยกเลิกสัญญากับบริษัท และลูกค้าบางรายปฏิเสธที่จะรับของที่เพิ่งส่งถึงร้าน บางรายที่ยังขายสินค้าไม่หมดก็ขอให้บริษัทลดราคาสินค้าลง ไม่เช่นนั้นจะไม่ชำระเงินค่าสินค้า เนื่องจากลูกค้าเกรงว่าจะขาดทุน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภคอีกครั้ง

นอกจากนี้ บริษัทยังไม่มั่นใจนโยบายของกระทรวงพาณิชย์เรื่องการกำหนดราคาขาย ดังนั้นบริษัทจึงต้องหยุดรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในโครงการ 40,000 ตัน ตามมติของกนป.เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 54 ไปก่อน และขอให้นายสุเทพ และรมว.พาณิชย์ เร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด เพราะกระแสข่าวที่เกิดขึ้นได้สร้างผลกระทบและสร้างความเสียหายให้กับบริษัท 

ด้านนายฉัตรชัย ชูแก้ว โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า

ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จะเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่ โรงงานน้ำตาลทราย ผู้ค้าส่ง ค้าปลีก ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือโมเดิร์นเทรด เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายแพงและขาดแคลน ก่อนเสนอให้ ครม. พิจารณาต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอ 2 แนวทางคือ  การลดราคาขายปลีกโดยให้ยืดเวลาส่งเงินชดเชยเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) จากแผนเดิมออกไปอีก 2 เดือน เพื่อลดภาระการชดเชยและทำให้ราคาน้ำตาลทรายขายปลีกลดลงได้ กก.ละ 1 บาท หรือหากไม่ให้ลดราคา ก็ต้องคงราคาขายปลีกน้ำตาลทรายไว้ตามเดิม และให้โรงงานผลิตน้ำตาลทรายบรรจุถุง 1 กก. ออกมาจำหน่ายให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค และสอดคล้องกับปริมาณโควตาที่ได้รับจัดสรร

ส่วนกรณีโรงงานผู้ผลิตน้ำตาลเสนอขอขึ้นค่าบรรจุถุงขึ้นจากเดิมที่ตก กก.ละ 0.75 บาท เป็น 1.40 บาท เพราะอ้างว่าได้รับผลกระทบจากต้นทุนเพิ่มขึ้นนั้น เท่าที่ทราบต้นทุนค่าถุงและการบรรจุภัณฑ์ยังไม่ได้ปรับเพิ่มนัก แต่ได้ให้กรมการค้าภายในเร่งศึกษาปัจจัยที่อาจกระทบต่อต้นทุนน้ำตาลทรายอย่างละเอียดรอบด้าน เพื่อนำข้อมูลเข้าไปหารือร่วมกันในการประชุมครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมมาอีกว่า นายฉัตรชัย โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า

นางพรทิวา รมว.พาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของโรงกลั่นที่ไปกดราคารับซื้อปาล์มดิบจากเกษตรกร จากราคา กก.ละ 7 บาท เหลือ 5 บาท แล้วยังมารับเงินชดเชยจากภาครัฐที่ให้ซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 4 หมื่นตัน ส่วนกรณีที่มีผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบางบริษัทไม่มั่นใจนโยบายของกระทรวงพาณิชย์นั้น ไม่อยากให้ความสำคัญ เพราะบริษัทที่กล่าวหาเคยถูกจับได้ว่ากักตุนน้ำมันปาล์มไว้ 2 ล้านขวด ในช่วงที่น้ำมันปาล์มขาดแคลน กระทรวงพาณิชย์ขอยืนยันว่า การเสนอให้น้ำมันพืชใช้ในการบริโภคปรับลดราคาขายปลีกนั้น เป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะถ้าต้นทุนลดลงก็ควรลดราคาขายลงเพื่อช่วยเหลือประชาชน.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์