ให้ขรก.รอปรับเงินเดือนอีก2ปี

กรมบัญชีกลางเล็งเสนอให้ปรับค่าครองชีพสำหรับขรก.ที่เงินเดือนไม่ถึง 1.5 หมื่นบาทแทน

เมื่อ วันที่ (3ส.ค.) น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงบประมาณถึงแนวทางการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 1.5 หมื่นบาท เพื่อเตรียมเสนอรัฐบาลใหม่

โดยได้ข้อสรุปออกมาเป็น 2 ช่วงคือ ระยะสั้นปรับค่าครองชีพ และระยะยาวปรับโครงสร้างเงินเดือนทั้งระบบ เพื่อไม่ให้กระทบเป็นลูกคลื่นด้านสวัสดิการต่าง ๆ คาดใช้เวลา 2 ปีน่าจะแล้วเสร็จทั้งหมด

ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในระยะสั้นนี้ ที่ประชุมเห็นชอบตามแนวทางที่กรมบัญชีกลางเสนอ คือให้ปรับเพิ่มค่าครองชีพ เพราะสามารถออกเป็นกฎกระทรวงได้ทันที ส่วนช่วงที่ 2 เป็นแผนระยะยาว โดย กพ.จะรับหน้าที่ไปดูแลการปรับโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบ สำหรับผู้ที่เงินเดือนเกิน 1.5 หมื่นบาท ส่วนสำนักงบประมาณจะรับไปดูแลในเรื่องงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละปี

ขณะนี้ระเบียบค่าครองชีพจะใช้กับคนที่เงินเดือนยังไม่ถึงเดือนละ 8,000 บาท ให้ปรับเพิ่มเป็น 8,000 บาท จากนั้นจะเพิ่มเพิ่มปีละ 1,500 บาท แต่รวมแล้วต้องไม่เกินเดือนละ 1.17 หมื่นบาท หากเป็นนโยบายใหม่จะคิดจากส่วนต่างที่ยังต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท และปรับเป็นค่าครองชีพแทน

ซึ่งจากการคำนวณข้าราชการและลูกจ้างประจำที่เงินเดือนยังต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาทมีอยู่กว่า 2 แสนราย จะทำให้มีรายจ่ายด้านงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกปีละ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมข้าราชการที่รับเข้ามาทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการอีกกว่า 2 หมื่นราย

อย่างไรก็ตาม หากต้องปรับฐานเงินเดือนกลุ่มที่ยังได้รับเงินเดือนต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท ตามที่ ก.พ.ศึกษาข้อมูลไว้ น่าจะใช้งบเพิ่มขึ้นกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากจะมีผลกระทบเป็นลูกคลื่นไปยังสิทธิสวัสดิการที่ผูกกับเงินเดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่าสมทบกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งต้องปรับอัตราเพิ่มขึ้นด้วยตามเงินเดือนที่ปรับขึ้น รวมถึงผลกระทบต่อคนที่เกิน 1.5 หมื่นบาทด้วย จึงเป็นหน้าที่กพ.ที่ไปดูแล

ทั้งนี้ ตามแผนน่าจะแล้วเสร็จใน 2 ปี และกรมบัญชีกลางเล็งเสนอให้ปรับค่าครองชีพสำหรับข้าราชการที่เงินเดือนไม่ ถึง 1.5 หมื่นบาทแทน ก่อนเสนอปรับโครงสร้างเงินเดือนทั้งระบบระยะยาว คาดใช้เงินเพิ่มต่ำสุดปีละ 1,000 ล้านบาท แต่ถ้าปรับโครงสร้างทั้งระบบเสร็จ จะใช้งบเพิ่มอีกปีละ 3 หมื่นล้านบาท.