ใต้จมมิด-โคลนถล่มทับบ้านฝัง12ศพ

ฝนตกหนักท่วมใต้ ที่บัน นังสตาดินถล่มทับบ้านฝังทั้งเป็นดับยกครัว 4 ศพ ยะลาประกาศเขตภัยพิบัติ สั่งปิดโรงเรียน 98 แห่ง ส่วนที่ศรีสาคร นราธิวาสเดือดร้อนหนักไม่แพ้กัน ดินจากภูเขาถล่มบ้าน 2 หลัง 8 ชีวิตยังไม่รู้ชะตากรรม รองผู้ว่าฯนราธิวาสนำทีมขุดค้นหา ประกาศ 10 อำเภอเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ สั่งปิดโรงเรียน 50 แห่ง หลังน้ำท่วมเกือบ 1 เมตร พัทลุงสังเวยน้ำท่วมแล้ว 2 ศพ เป็นเด็กวัยขวบเศษ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ศูนย์วิทยุสภ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย จากเหตุการณ์ดินถล่มทับบ้านเลขที่ 3/8 บ้านนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ หมู่ที่ 6 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จึงรายงาน พ.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ทราบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อไปถึงบริเวณศาลาภายในหมู่บ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตที่ชาวบ้านสามารถนำขึ้นมาจากโคลนได้แล้ว 4 ราย ทราบชื่อนายอัศนัย อาศมา อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 ม.6 ต.ตลิ่งชัน นางพาฝัน ไกรวิลาศ อายุ 29 ปี ด.ญ.กรณ์ดนัย อาศมา อายุ 5 ขวบ ด.ช.คฑาวุธ อาศมา อายุ 3 ขวบ สภาพศพเนื้อตัวเขียวช้ำตามร่างกายในลักษณะขาดอากาศหายใจ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ช.ม.

สอบสวนทราบว่า ช่วงเช้า มีชาวบ้านไปพบบ้านหลังดังกล่าวซึ่งอยู่บริเวณเชิงเขาถูกโคลนถล่มทับจนพังเสียหายทั้งหลัง หลังจากใช้เวลาขุดหานานประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถกู้ทั้ง 4 ศพขึ้นมาจากโคลนได้ โดยทั้งหมดนอนอยู่รวมกันภายในบ้านดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าหลังจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่เป็นเวลา 2 วัน 2 คืน ทำให้ดินบนภูเขาไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ จึงถล่มใส่บ้านดังกล่าว ช่วงเวลาประมาณ 02.00-03.00 น. ก่อนจะมีชาวบ้านมาพบในช่วงเช้า

ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่โรงเรียนบ้านบาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองผวจ.ยะลา พร้อมนายเวโรช สายทองแท้ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.ยะลาเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายของโรงเรียนหลังถูกน้ำท่วม พบว่ากระแสน้ำพัดรั้วโรงเรียนเสียหาย

นายอภินันท์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในจ.ยะลา ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบด้วยอ.ยะหา 6 ตำบล อ.กรงปินัง 3 ตำบล อ.ธารโต 3 ตำบล อ.เมือง 5 ตำบล อ.รามัน 3 ตำบล และอ.บันนังสตา 1 ตำบล ขณะนี้ ทางจังหวัดประกาศให้พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมเป็นเขตประสบภัยพิบัติทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ในส่วนของโรงเรียนในสังกัดพื้นที่การศึกษายะลาเขต 1 ปิดการเรียนการสอนแล้ว 23 โรง ส่วนพื้นที่เขตการศึกษายะลาเขต 2 ปิดการเรียน 75 โรง รวมทั้งหมด 98 โรง เนื่องจากบริเวณโรงเรียนมีน้ำท่วมขัง นักเรียนไม่สามารถเดินทางมาเรียนตามปกติได้ ส่วนจะเปิดการเรียนการสอนเมื่อไหร่นั้นต้องรอจนกว่าสถานการณ์น้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ

ด้านนายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ นายอำเภอยะหา กล่าวว่า ทางอำเภอแจ้งเตือนประชาชนตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมนำเรือท้องแบนไปช่วยเหลือ อพยพชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะนักเรียนในสถานศึกษาปอเนาะ ที่ต.ละแอ จำนวน 80 คน ซึ่งติดอยู่ในโรงเรียน นอกจากนี้ทหารนำรถไปช่วยขนย้ายออกจากโรงเรียนมาอยู่ในที่ศาลาประชาคม อ.ยะหาแล้ว โดยผู้ปกครองสามารถไปเยี่ยมบุตรหลานได้ นอกจากนี้ทางอำเภอเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยขึ้นที่ว่าการอำเภอยะหา เบื้องต้นแจกข้าวกล่องให้ประชาชนที่เดือดร้อน

ส่วนที่จ.นราธิวาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักถึงหนักมากในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ทำให้น้ำในแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือสุไหงโก-ลก บางนราและแม่น้ำสายบุรีมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงขึ้น เฉลี่ย 80-120 ซ.ม. ไหลทะลักท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 1,300 หลัง รวม 3,745 คน ถนนสายหลักและสายรองถูกน้ำท่วม 45 สาย โดยยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ 12 สาย ระดับน้ำสูงเฉลี่ย 70-90 ซ.ม.

จากน้ำท่วมขังครั้งนี้ ทำให้ดินที่เชิงเขาหลังหมู่บ้านไอเจี๊ยะ ม.5 ต.ศรีสาคร อ.ศรีสาคร ซึ่งชุ่มน้ำถล่มทับบ้าน 2 หลังจมหายไปในกองดิน คือบ้านเลขที่ 29 และบ้านพักไม่มีเลขที่ซึ่งปลูกติดกัน ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของผู้ที่อยู่ในบ้าน 8 คนคือ1.นายสาและ ซาแล 2.นางคอซีเยาะ ซาแล 3.นายกอยา ซาแล 4.นายมาหมะ ซาแล 5.นางซีเสาะ ไม่ทราบนามสกุล 6.ด.ช.ฮามัน ซาแล 7.ด.ช.อาริส ซาแล และ8.ด.ช.รีฮัน ซาแล เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถนำเครื่องมือกลหนักเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากเส้นทางมุ่งไปสู่บ้านหลังกล่าวมีน้ำท่วมขังสูง กระน้ำแสไหลเชี่ยว

ด้านนายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล รองผวจ. นราธิวาส พร้อมคณะเดินทางไปดูแลการค้นหาผู้สูญหายทั้ง 8 รายดังกล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่นราธิ วาสถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตเนื่องจากมีปริมาณฝนตกลงมาก โดยเฉพาะบริเวณต้นน้ำของแต่ละสายที่ไหลลงในพื้นที่ อาจจะทำให้มีน้ำท่วงขังเป็นวงกว้าง ล่าสุดสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 13 อำเภอสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือผู้ที่ถูกน้ำท่วม

ส่วนโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาสทั้ง 3 เขตในพื้นที่ 7 อำเภอ คืออ.แว้ง สุไหงปาดี สุคิริน ศรีสาคร รือเสาะ ระแงะและจะแนะกว่า 50 โรงประกาศหยุดการเรียนการสอน เนื่องจากมีน้ำท่วมขังสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จ.นราธิวาสประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติใน 10 อำเภอรวม 52 หมู่บ้าน คืออ.เมือง อ.สุไหงโก-ลก อ.สุไหง ปาดี อ.แว้ง อ.ระแงะ อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร อ.สุคิริน อ.เจาะไอร้อง และอ.รือเสาะ ซึ่งเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ราบลุ่ม ไร่นาและพืชสวน รวมทั้งถนนสายหลักในหมู่บ้านมีน้ำท่วมสูง รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้

ด้านจ.สตูล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. จนถึงวันที่ 6 พ.ย. และยังคงตกหนัก ทำให้มีน้ำท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ อ.ควนกาหลง อ.ควนโดน อ.ทุ่ง หว้า อ.มะนัง อ.ละงู และน้ำในแม่น้ำลำคลองเอ่อล้นตลิ่งและมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในพื้นที่ อ.ควนกาหลง นายวิสิฐ ตั้งปอง นายอำเภอควน กาหลง ระดมเจ้าหน้าที่ออกช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม พบน้ำท่วมพื้นที่หมู่ 4,5 และ6 ต.ทุ่งนุ้ย และดินถล่มทับเส้นทางในหมู่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านน้ำหรา ทางอำเภอดำเนินการแก้ไขจนรถสามารถสัญจรไปมาได้ นอกจากนี้น้ำท่วมพื้นที่หมู่ 2,6,8,9 และ 11 ต.ควนกาหลง และหมู่ 1,2,4,5,6 และ9 ต.อุใดเจริญ นอกจากนี้มีวัวถูกน้ำพัดตาย 2 ตัว

ส่วนพื้นที่อ.ควนโดน พ.อ.ปรีชา สาลีผล ผบ.นพค.45 นำทหารเข้าสำรวจและช่วยเหลือขนข้าวของชาวบ้านหนีขึ้นที่สูงและนำเรือท้องแบนไปประจำพื้นที่ ม.2 บ้านสะพานเคียน ซึ่งน้ำท่วมบ้านเรือนเสียหายประมาณ 100 หลัง

วันเดียวกัน นายปัญญศักดิ์ โสภณวสุ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า จากการที่เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 มีประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งทะเลได้รับความเดือดร้อนหลายพื้นที่ พายุคลื่นลมแรงพัดหลังคาบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก เช่นที่ ม.9 บ้านแหลมนก ต.บานา อ.เมือง ม.2 บ้านตะโละสะมิแล ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ส่วนที่ม.3 บ้านปาตาบูดี ต.แหลมโพธิ์ บ้านเรือนถูกต้นมะพร้าวล้มทับเสียหาย 1 หลัง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ นอกจากนี้น้ำทะเละซัดถนนเลียบชายทะเลสายยะหริ่ง-ปะนาเระเสียหาย ที่อ.หนองจิกเกิดพายุลมพัดหลังคาบ้านเรือนเสียหาย 31 หลัง ที่ ม1,ม.2 ต.บางตาวา ม.6 ต.บางเขา และต.ท่ากำชำ ทางอบต.ช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

ที่จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลบ่าเข้าท่วมเรือกสวน ไร่นา และบ้านเรือนในพื้นที่ราบลุ่ม 3 ตำบล ในอ.ปะเหลียน ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ ได้แก่ต.แหลมสอม 11 หมู่บ้าน ต.ปะเหลียน 15 หมู่บ้าน และต.บางด้วน 6 หมู่บ้าน รวม 32 หมู่บ้าน ขณะที่ 3 โรงเรียนในอ.ปะเหลียนประกาศปิดเรียนและให้ผู้ปกครองมารับเด็กกลับบ้านทันที เบื้องต้นนายสมศักดิ์ คารวานนท์ นายอำเภอปะเหลียนตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยขึ้นที่อบต.ปะเหลียน และให้ผู้นำท้องถิ่น อปพร. มิสเตอร์เตือนภัยทำหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่อง จากกระแสน้ำป่ายังไหลรุนแรงและมีสีขุ่น

ทั้งนี้จ.ตรังประกาศให้ 3 ตำบลใน อ.ปะเหลียนเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยและตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยของจังหวัดขึ้นที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อรับแจ้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมซึ่งมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้น เนื่องจากระดับน้ำในคลองต่างๆ ทั้งในอ.ย่านตา ขาว อ.นาโยง และอ.กันตังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนอ.รัษฎา จากการที่ฝนตกต่อเนื่อง มีน้ำท่วมขัง ชาวบ้านเดือดร้อน 693 ครัวเรือน ขณะนี้สภาพทั่วไปในจ.ตรังยังคงมีฝนตกและท้องฟ้ามืดครึ้มตลอดเวลา

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมจ.พัทลุง หลังจากมีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ และเกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาบรรทัด เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในหลายพื้นที่ เช่นพื้นที่อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ. ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต อ.ป่าบอน และอ.ป่าพะยอม ระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซ.ม. ถึง 1 เมตร ถนนหลายสายถูกน้ำท่วม การสัญจรไปมาลำบาก ชาวบ้านเดือดร้อนจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ต.โหมด อ.ตะโหมด น้ำป่าเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 500 หลัง ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของกันอย่างอลหม่าน รวมทั้งวัดตะโหมด น้ำท่วมสูงกว่า 1.20 เมตร พระภิกษุสามเณรเดือดร้อนอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้จมน้ำเสียชีวิตแล้ว 2 ราย ทราบชื่อด.ช.วราเมฆ วรรณมาโส อายุ 1 ขวบ 4 เดือน อยู่หมู่ 3 ต.โคกทราย อ.ป่าบอน จมน้ำเสียชีวิต และนายชาญวิทย์ ปานศิริ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 ม.3 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง จมน้ำเสียชีวิตอยู่ที่ใต้ถุนบ้านที่ถูกน้ำท่วมขังสูงประมาณ 1 เมตร

นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายอำเภอรัตภูมิ จ.สงขลา กล่าวว่า น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดและเทือกเขาแก้วทะลักเข้าท่วมฉับพลันถึง 12 หมู่บ้าน โดยเฉพาะ 7 หมู่บ้านเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากระดับน้ำสูง 1-2 เมตร ตัดขาดการสัญจร ซึ่งเร่งให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว พร้อมขอสนับสนุนเรือท้องแบนกับเต็นท์ขนาดใหญ่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา และจากจ.สตูล นอกจากนี้ทหาร ร.5 พัน 1 สนับสนุนรถยูนิบ็อก 3 คัน กำลังพลอีก 30 นายเข้าช่วยเหลือประชาชนออกมาจากพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากฝนยังคงตกตลอดเวลา ขณะเดียวกัน จ.สงขลา น้ำท่วม 7 อำเภอ และประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว คืออ.เมือง สะบ้าย้อย นาทวี เทพา หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง และรัตภูมิ

ด้านพล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร เปิดเผยว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าห่วงใยพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัย โดยพล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่เตรียมความพร้อม โดยจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เตรียมกำลังพล และยุทโธปกรณ์สำหรับการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมกองบัญชาการผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานการรับแจ้งเหตุการณ์เกิดอุทกภัยในพื้นที่ และบูรณาการ, การประสานงาน และการกำกับดูแลการช่วยเหลือประชาชนในภาพรวม ทั้งนี้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ หรือโทรศัพท์แจ้งที่สายด่วน 1341 (โทร.ฟรี) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

วันเดียวกัน ที่ศาลาประชาคมอำเภอลานสกา จ.นครศรีธรรมราช นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เดินทางมามอบถุงยังชีพพระราช ทานแก่ราษฎร อ.ลานสกา ที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 500 ถุง

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์