โวยประจานเหยื่อสึนามิ โปรโมตหนัง อุจาดศพเปลือยอืด

ผู้ใช้รถใช้ถนนโวยป้ายโฆษณาภาพยนตร์ขนาดยักษ์ นำเอาภาพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มหาโศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์ “สึนามิ”

ที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อเดือนธันวาคม 2547 และเป็นเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ แสนวิปโยคทั้งของคนไทยและมวลมนุษยชาติทั่วโลก โดยเป็นภาพเหยื่อสึนามิที่อยู่ในสภาพขึ้นอืดมาติดโชว์หราเป็นที่อุจาดตา บริเวณริมทางด่วนช่วงทางขึ้นด่านหัวลำโพง จึงโทรศัพท์แจ้ง “ไทยรัฐ” ไปตรวจสอบถึงความเหมาะสม พร้อมเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบนำป้ายดังกล่าวลง เนื่องจากหวั่นเกรงว่าผู้ที่ขับรถผ่านไปมาจะหยุดรถเหลือบตามอง จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ 


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บริเวณทางขึ้นทางด่วนหัวลำโพง เมื่อตอนสายวันที่ 24 มี.ค. พบว่าที่ผนังตึก 5 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมทางด่วนด้านขวามือ มีป้ายคัตเอาต์ขนาดสูงเท่าตึกดังกล่าว

เป็นภาพของศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มหาโศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์ “สึนามิ” จำนวน 15 ศพ ที่กำลังอยู่ในสภาพขึ้นอืดนอนเรียงรายอยู่ริมชายหาด บางรายอยู่ในสภาพไม่มีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกาย มองเห็นอวัยวะเพศอย่างชัดเจน เป็นที่น่าสังเวชใจยิ่ง ด้านบนของคัตเอาต์มีข้อความเขียนคำว่า “มนุษย์ทำร้ายโลกมานาน ใกล้ถึงเวลาโลกทวงแค้นจากเรา” ด้านล่างมีข้อความเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น อยู่บนคำว่า “2022 สึนามิ วันโลกสังหารและ 30 เมษายน 2009 ทุกโรงภาพยนตร์” ซึ่งผู้ขับขี่ยวดยานบนทางด่วนจำนวนมากที่ผ่านไปมาในเส้นทางดังกล่าวและเห็นภาพจากคัตเอาต์ต่างชะลอรถให้ความสนใจมองดู เนื่องจากตั้งอยู่ในที่เด่นชัด จนบางรายหวิดเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายกัน จากการสอบถามชาวบ้านชุมชนสลักหิน เขตปทุมวัน ซึ่งอยู่ใกล้ตึกดังกล่าว ทราบว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค. มีผู้นำภาพคัตเอาต์ดังกล่าวมาติด ตอนแรกชาวบ้านไม่ได้ให้ความสนใจ แต่พอมาสังเกตเห็นเป็นรูปคนตายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพดังกล่าวเพราะเป็นที่สังเวชใจ


นางยุภา (ไม่ทราบนามสกุล) เจ้าของร้านขายกาแฟใต้ทางด่วน ซึ่งอยู่ติดกับคัตเอาต์ดังกล่าว กล่าวว่า ภาพดังกล่าวน่ากลัวมาก

แม้ว่าจะเป็นการโปรโมตหนัง แต่ไม่น่าจะนำภาพที่ไม่น่าดูมาใช้ เป็นภาพที่น่าเกลียดมาก เหมือนกับเป็นการประจานผู้เสียชีวิตมากกว่า หากญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตมาพบเห็นเข้าจะคิดอย่างไร เพราะเหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นในเมืองไทยและคนไทยต้องการที่จะลืมเรื่องร้ายๆเหล่านี้ ทำไมต้องมารื้อฟื้นโศกนาฏกรรมสะเทือนใจนี้ขึ้นมาอีก หากสังเกตดีๆจะเห็นว่าบางศพเห็นของสงวน ถือเป็นการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งดีๆถึงไม่มีการนำมาเสนอ แต่กลับมาเสนอสิ่งไม่ดีแบบนี้สังคมก็ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ ชาวต่างชาติจะคิดอย่างไร


ด้านนายนิวัฒน์ ตรีธนากิจ ผจก.ทั่วไป บริษัท ส.ธนามีเดีย เจ้าของคัตเอาต์ดังกล่าว กล่าวว่า คัตเอาต์นี้เป็นของนายทรนง ศรีเชื้อ ผู้กำกับหนังชื่อดัง

มาเช่าพื้นที่ของบริษัทโฆษณาภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว รวม 3 จุดด้วยกันคือ ที่ย่านวงศ์สว่าง ดินแดง และหัวลำโพง ภาพเหยื่อสึนามิที่นำมาใช้นั้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของผู้ว่าจ้าง ซึ่งได้แจ้งให้บริษัททราบว่าเป็นภาพที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ไม่ใช่ภาพจริง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้บริษัทมีข้อแม้ว่าภาพที่นำมาขึ้นป้ายคัตเอาต์จะต้องไม่อนาจาร ไม่ล่อแหลมต่อศีลธรรมอันดีงามและการเมือง อย่างไรก็ตาม อีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะมีการเปลี่ยนใช้ภาพใหม่ที่ไม่ซ้ำกันเพื่อโฆษณาภาพยนตร์ เรื่องดังกล่าว 


ขณะที่ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง “ทรนง ศรีเชื้อ” ที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “2022 สึนามิ วันโลกสังหาร” กล่าวถึงป้ายอุจาดตาดังกล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นภาพศพเหยื่อเหตุการณ์สึนามิจริง

แต่เป็นภาพไม่อุจาด ตนได้ให้ ทีมงานฝ่ายอาร์ตเลือกภาพที่ไม่น่ากลัว ที่น่าจะเป็นประเด็นแรงให้คนพูดถึงกันมากกว่า คือป้ายที่ย่านงามวงศ์วาน ที่มีข้อความพูดถึงนายกรัฐมนตรี หนังไทยทั่วไปไม่ค่อยกล้าเล่นประเด็นแบบนี้ แต่ตนเป็นคนที่ทำภาพยนตร์ ไม่เน้นเรื่องรายได้หรือความร่ำรวย อยากจะเรียนให้ทุกคนทราบว่าตนใช้งบสร้างหนังเรื่องนี้ถึง 160 ล้านบาท ถ้าตนจะหวังความมั่นคงเอาเงิน 160 ล้านบาทไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ยดีกว่า แต่ตนเป็นคนชอบเสี่ยง เสี่ยงมาตลอดชีวิต 30 ปีในชีวิตการทำหนัง ขณะที่คนอื่นทำหนังตลาด หนังตลก หนังรัก แต่ตนก็ฉีกแนวไปทำหนังชีวิตเรื่องราวโสเภณี การทำหนังไม่ใช่เป็นเรื่องของความบันเทิงอย่างเดียว แต่เป็นมากกว่านั้น เป็นการให้การเรียนรู้แก่สังคม

หนังเรื่องนี้ตนรู้อยู่แล้วว่าต้องขาดทุนแน่นอน แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าทำหนังเหมือนอย่างที่คนอื่นทำ สิ่งที่ตนสื่อออกไปเพียงเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้

ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิมากมายเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นน้ำลดกลับวิ่งลงไปดู เราเลยสูญเสียกันมากมายขนาดนี้ แต่ฝรั่งพอเห็นน้ำลดจะรีบหนี ส่วนที่ว่าคนที่เขาหลัก จ.พังงา เห็นภาพเหล่านี้แล้วสะเทือนใจนั้นเป็นแค่ปลายเหตุ ให้เขาได้ชมหนังเรื่องนี้เสียก่อน ไม่อยากให้คนที่มีชีวิตอยู่ ต้องมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ตอนนี้ต่างชาติให้ความสนใจหนังเรื่องนี้มาก เป็นหนังที่ดูแล้วตื่นเต้นทุกวินาที เนื้อหาจริงจัง สร้างจากความเชื่อและความศรัทธาในศาสนาพุทธ ตนไม่ได้สร้างหนังเพื่อขู่ให้คนกลัว แต่นำเสนอ จินตนาการไม่อยากให้เกิดขึ้นจริงๆในอีก 13 ปีข้างหน้า


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์