แม่น้อง”คอปเตอร์”แชมป์โลกเจ็ตสกี แจ้งความ ด.ช.9 ขวบ ร่วมแข่ง-เผยขับพุ่งชนหัวลูกชายดับ

แม่น้อง”คอปเตอร์”แชมป์โลกเจ็ตสกี แจ้งความ ด.ช.9 ขวบ ร่วมแข่ง-เผยขับพุ่งชนหัวลูกชายดับ

จากกรณี เด็กชายฉันทัช หรือคอปเตอร์ ฉันทะสันติธรรม อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 961 ต.ประชาธิปัต อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี นักเจ็ตสกีไทยแชมป์โลกปี 2015 หลังพลัดตกเจ็ตสกีขณะซ้อม ก่อนถูกเจ็ตสกีอีกคันเสยเข้าศีรษะเสียชีวิตที่เกิดเหตุต่อสายตาของพ่อแม่ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. นางประภาวดี ฉันทะสันติธรรม อายุ 46 ปี เปิดเผยว่า ในวันที่เกิดเหตุตนกับสามีนั่งอยู่ห่างจากน้องเตอร์เพียง 20-30 เมตร ขณะที่ฝึกซ้อมและขับขี่เพื่อดูความพร้อมของเจ็ตสกี ภาพเหตุการณ์ยังติดตาขณะผลัดตกเจ็ตสกีแล้วมีเด็กชาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 9 ขวบ ขับตามมาพุ่งชนเข้าศีรษะอย่างจัง ตนก็ไม่ทราบว่าทำไมน้องไม่ถอนคันเร่งหรือเบี่ยงหลบอาจเป็นเพราะขาดประสบการณ์และด้วยความตกใจของตัวเด็กทำให้การตัดสินใจไม่ดีเท่าที่ควร ตนยังจำภาพได้ติดตาที่ลูกชายถูกชนแล้วเสียชีวิตทันที ณ จุดเกิดเหตุ ไม่ได้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้

นางประภาวดี กล่าวต่อว่า

 ทางครอบครัว ฉันทะสันติธรรม ไม่เคยเรียกร้องค่าเสียหายหรือต้องการดำเนินคดีแก่เด็กชาย เอ เพียงแค่อยากให้ผู้ปกครองของเด็กมีความรับผิดชอบดูแลกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ 3 กรณี ผู้ปกครองเด็กชายเอ ได้มีมาตการการตักเตือนหรือไม่ เพื่อปลูกจิตสำนึกต่อการกระทำที่เกิดขึ้นซึ่งอาจจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดอีกก็ได้ แล้วเด็กชายเอ ประมาณจนให้ผู้อื่นเสียชีวิตครั้งนี้จะปฏิบัติต่อสังคมอย่างไร และการจัดงานฌาปนกิจศพที่ยังขาดอีกเพียง หนึ่งแสนหกหมื่นบาท จากทั้งหมด สามแสนแปดหมื่นบาท แต่ผู้ปกครองของเด็กชายเอ ได้ต่อรองขอจ่ายเพียงสองแสนสองหมื่นบาททั้งๆที่ฐานะของครอบครัวเด็กชายเอมีฐานะที่ดีกว่ามาก ตนมองว่าเหมือนถูกเอาเปรียบทั้งที่ตนก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร และไม่เคยเปิดเผยคู่กรณีเนื่องจากเห็นว่าเป็นเยาวชนไม่อยากให้เด็กเสียอนาคต


แม่น้อง”คอปเตอร์”แชมป์โลกเจ็ตสกี แจ้งความ ด.ช.9 ขวบ ร่วมแข่ง-เผยขับพุ่งชนหัวลูกชายดับ

จากนั้นเมื่อวานนี้(22 มิ.ย.)ตนเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแก่เด็กชายเอ ข้อหา กระทำการประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย แต่ทางครอบครัวไม่อยากให้เกิดเป็นคดีความเนื่องจากเยาวชนนั้นจะต้องมีอนาคตที่ดีกว่านี้ นอกจากนี้ยังทราบอีกว่าด้านพยานหลักฐานทางตนนั้นแทบไม่มีเลย เช่น วันที่ไปซ้อมพยานทางตนมีเพียงสามีเท่านั้นเนื่องจากไปกัน 3 คน ประกอบกับกล้องวงจรปิดภายในบึง กล้องที่จับภาพจุดเกิดเหตุนั้นดันมาเสียทั้งๆที่กล้องตัวอื่นๆยังใช้ได้ดี ตนแทบไม่มีหลักฐานชิ้นไหนไปสู้ได้เลย ทั้งที่ภายในบึงมีเพียงแค่ 2 คนที่เล่นเจ็ตสกี

"แต่ทางครอบครัวเด็กชายเอ มองว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ต่างคนต่างมองว่าเป็นฝ่ายถูก ซึ่งก็ยังไม่มีการชี้ชัดว่าใครถูกใครผิด เพราะไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด แต่เหตุการณ์ที่ตนเห็นนั้น เด็กชายเอ ขับช้าแล้วน้องเตอร์ได้ขับแซงไปได้ซักระยะหนึ่งเกิดผลัดตกและเกิดชนน้องเตอร์ ซึ่งการตกจากเจ็ตสกีก็เป็นเรื่องปกติ เวลาแข่งขันก็มีการผลัดตกเป็นเรื่องธรรมดาใครๆก็ผลัดตกอยู่บ่อยครั้งในวงการเจ็ตสกี แต่ตนก็ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะเอาความผิดแก่เด็กเพียงแค่อยากให้ทางครอบครัวดูแลรับผิดชอบรวมถึงวาจาที่แข็งกระด้าง


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์