แม่ชีเชอรี่ เปิดใจน้ำตานองหน้า ขออภัยขี่ปอร์เช่-ใช้ของแบรนด์เนม ยันลูกศิษย์เอามาถวาย

แม่ชีเชอรี่ เปิดใจน้ำตานองหน้า ขออภัยขี่ปอร์เช่-ใช้ของแบรนด์เนม ยันลูกศิษย์เอามาถวาย

 

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รับทราบจาก นายวรเดช กาญจนอโนทัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าม่วง

 อยู่บ้านเลขที่ 1142 หมู่ 4ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้จัดพิธีทำบุญพระสงฆ์ โดยได้นิมนต์พระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมพระลูกวัด รวม 6 รูป มาทำพิธีทางศาสนาเพื่อเป็นสิริมงคล โดยมีนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกูร หรือแม่ชีเชอรี่ รวมทั้งแม่ชีจากวัดถ้ำขวัญเมือง และอุบาสกอุบาสิกาจากจังหวัดชุมพร และใกล้เคียง ร่วมเดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อไปถึงหน้าบ้าน พบมีรถยนต์ รถยนต์ตู้ รถยนต์กระบะ จอดอยู่ประมาณ 10 คัน
 
 เมื่อนายวรเดช เห็นผู้สื่อข่าวจึงเดินออกมาต้อนรับและพูดคุยด้วย แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปภายในบ้าน โดยระบุว่า พระครูสุธรรมวีราจารย์(พระอาจารย์สมใจ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าพบ ตนในฐานะเป็นลูกศิษย์จึงต้องทำตาม ซึ่งผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏตามข่าวเกี่ยวกับ แม่ชีเชอรี่ ที่พักอยู่ภายในบ้าน โดยนายวรเดชได้กล่าวว่า พระครู และแม่ชีเชอรี่ จะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตนเอง

นายวรเดช กล่าวถึงได้พูดคุยเกี่ยวกับกรณีของแม่ชีเชอรี่ว่า ภาพที่ปรากฏตามสื่อที่แม่ชีกำลังขับรถสปอร์ตปอร์เช่

รวมทั้งใช้กระเป๋าข้าวของเครื่องประดับยี่ห้อแบรนด์เนมราคาแพง และมีถ่ายภาพคู่กับกองเงินจำนวนมาก ที่จริงแล้วในวันนั้นเป็นวันทำบุญ โดยมีศิษยานุศิษย์ เดินทางนำเงินมาร่วมบริจาคทำบุญให้กับทางวัดเป็นจำนวนมาก หลังจากนับเงินเสร็จ จะต้องรีบนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคาร เนื่องจากที่วัดอยู่สายธรรมยุต จึงไม่สามารถเก็บเงินเอาไว้ที่วัดได้ ปกติจะมีลูกศิษย์ขับรถให้กับแม่ชี บังเอิญวันนั้นคนขับรถไม่อยู่ และทางวัดกำลังยุ่งมาก แม่ชีเชอรี่จึงตัดสินใจขับรถคันดังกล่าวเพื่อนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคารด้วยตนเอง และหลังจากนำเงินไปเข้าบัญชีแล้วเสร็จ แม่ชีก็ขับรถกลับมาอยู่ที่วัดตามเดิม โดยไม่ได้ไปไหน แต่มาภายหลังปรากฏว่ามีลูกศิษย์ที่อยู่ในวัดเชื่อว่าลูกศิษย์คนนั้นคงหวังทำลายชื่อเสียงของแม่ชีเชอรี่ จึงนำภาพที่ถ่ายเอาไว้นำไปเผยแพร่เพื่อทำลายชื่อเสียง และตนเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันอย่างแน่นอน

นายวรเดช กล่าวถึง รถยนต์สปอร์ตปอร์เช่ที่เห็นในภาพข่าว เป็นรถยนต์ของลูกศิษย์ที่ไปนั่งวิปัสนาภายในวัดอยู่เป็นประจำ

แต่ละครั้งจะนั่งวิปัสสนาทั้งหมด7 วัน กฎระเบียบของวัดคือหากลูกศิษย์เข้าไปนั่งวิปัสนา ทุกคนจะต้องฝากกุญแจรถยนต์ทุกชนิด รวมทั้งโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดไว้กับแม่ชีที่อยู่ในวัดและไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ชีเชอรี่คนเดียวและด้วยความเคารพศรัทธาในตัวแม่ชีศิษย์จึงถวายรถคันดังกล่าวให้กับแม่ชีเพื่อนำไปใช้ในยามจำเป็นเพราะลูกศิษย์ที่มอบรถให้มีความเชื่อในตัวของแม่ชีว่าหากถวายรถให้จะทำให้กิจการหรือธุรกิจที่ครอบครัวทำอยู่จะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งขึ้นและทุกครั้งเวลาไปไหนมาไหนจะมีลูกศิษย์เป็นคนขับให้ทุกครั้งเมื่อยามเดินทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ส่วนภาพที่ออกไปสู่สาธารณะก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาลงโทษกันขนาดนี้

"ฐานะทางบ้านของแม่ชีเชอรี่ เท่าที่ทราบเป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยพอสมควร มีกิจการขายเครื่องไฟฟ้า ญาติพี่น้องก็ทำงานมั่นคงทุกคน แต่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมีเงินเป็นร้อยล้านหรือพันล้านตามที่เป็นข่าว" นายวรเดช กล่าวและว่า ตนต้องการจัดพิธีทำบุญ จึงได้นิมนต์พระครูสุธรรมวีราจารย์ (พระอาจารย์สมใจ)เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง พร้อมพระลูกวัดรวม 6 รูป มาทำพิธีทางศาสนา หลังจากนั้นเมื่อเสร็จพิธีเจ้าอาวาสและพระลูกวัด รวมถึงแม่ชี ก็เดินทางกลับวันนี้ ส่วนลูกศิษย์ที่มาร่วมทำบุญต่างเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี

ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. พระครูสุธรรมวีราจารย์ จัดแถลงว่า 

ตามที่มีภาพข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆในฐานะเจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมือง อาตมามีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะรายละเอียดของข่าวที่เผยแพร่ออกไปสู่ประชาชน ทำให้วัดเสื่อมเสีย ส่วนประเด็นเกี่ยวกับ รถยนต์สปอร์ต ปอร์เช่ นั้นขอชี้แจงว่าไม่ใช่รถยนต์ของวัด รวมทั้งไม่ใช่รถยนต์ของแม่ชีเชอรี่ตามที่เป็นข่าวด้วย แต่เป็นรถของลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัด ซึ่งเจ้าของรถยนต์มีความเคารพและศรัทธาในตัวแม่ชี จึงนำรถยนต์ให้แม่ชีทดลองขับเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่รถและเจ้าของรถเองเท่านั้น ซึ่งเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวก็ได้มาร่วมแถลงข่าวด้วย

เจ้าอาวาสวัดถ้ำขวัญเมืองระบุต่อว่าส่วนประเด็นที่สงสัยว่าแม่ชีเชอรี่นำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือของใช้ราคาแพงอาตมาได้รับการรายงานว่า

แม่ชีไม่ได้นำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือของใช้ราคาแพงส่วนตัวแต่อย่างใด ซึ่งกลุ่มลูกศิษย์ ที่มีความเคารพและศรัทธาเป็นการส่วนตัวนำมาถวายให้กับแม่ชีใช้ ส่วนประเด็นการบริหารเงินของวัดนั้น ทางวัดได้มีคณะกรรมการในการบริหารจัดการเงินของวัด ซึ่งเงินที่ได้รับการบริจาคมานั้น ทางวัดจะนำไปฝากไว้ที่สถาบันการเงินตามบัญชีที่ผู้บริจาคประสงค์ทำบุญ ซึ่งในการเบิกจ่ายเงินนั้นจะต้องมีผู้มีอำนาจลงนาม 2 ใน 3 โดยลงนามร่วมกับเจ้าอาวาสเสมอ จึงจะสามารถเบิกจ่ายเงินจากธนาคารได้ ซึ่งทางวัดก็จะจัดทำงบการเงินส่งให้สำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดชุมพรเพื่อตรวจสอบทุกปีอยู่แล้ว

"การที่แม่ชีเชอรรี่ขับรถและใช้กระเป๋าราคาแพงนั้น แม้การกระทำดังกล่าวจะไม่เป็นการกระทำที่ผิดศีลก็ตาม แต่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับสถานะภาพของนักบวช อาตมาก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว ซึ่งแม่ชีเชอรี่ก็รับปากว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก” พระครูสุธรรมวีราจารย์ กล่าว

ด้านนางสาวสุปริญญา ฮุนนางกุล หรือแม่ชีเชอรี่ อายุ 42 ปี 

แถลงถึงข้อเท็จจริงพร้อมน้ำตานองหน้า โดยมีพระครูสุธรรมวีราจารย์ และศิษยานุศิษย์ ร่วมรับฟัง ว่าตนขอกราบประทานอภัยต่อเจ้าคุณพระสังฆาธิการทุกระดับชั้น พระครูสุธรรมวีราจารย์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดทุกจังหวัด ประธานสภาแม่ชีไทย ตลอดจนแม่ชีทุกท่าน ขอยืนยันว่าไม่เคยนำเงินของวัดไปซื้อกระเป๋าหรือสิ่งของราคาแพงมาใช้เป็นการส่วนตัว กระเป๋าดังกล่าวมีลูกศิษย์ที่มีความเคารพและศรัทธานำมาถวายให้ทั้งสิ้น

"ขอกราบประทานอภัยต่อทุกท่าน ที่ฉันก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมขึ้น ขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา หรือสถาบันแม่ชีไทยเลยแม้แต่น้อย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งฉันได้รับการตักเตือนจากเจ้าอาวาสและพระผู้ใหญ่ให้ทำการแก้ไขแล้ว ซึ่งต่อไปนี้ฉันจะใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติตนให้เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังที่ผ่านมาอีกต่อไป” แม่ชีเชอรี่กล่าว

ต่อมา แม่ชีเชอรี่ทำพิธีกราบไหว้ขอขมาโดยได้กราบและถวายพานพุ่มเพื่อเป็นการขอขมาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ร่วมในพิธีดังกล่าวด้วยอาการสงบ

ด้านนางสาวนวลวิรัช เครือบัว อายุ 33 ปี เจ้าของรถปอร์เช่ที่แม่ชีเชอรี่นำไปขับจนเกิดเรื่องใหญ่โต เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องรถว่า รถคันนี้เป็นของแฟนตนเองที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ตนได้เดินทางมาร่วมปฏิบัติธรรม ตนก็ทำตามความศรัทธาของตนที่เชื่อว่านำรถมาให้ทางวัดใช้แล้วจะได้บุญมากขึ้น จึงถือปฏิบัติเหมือนลูกศิษย์คนอื่นๆที่เขาก็เอามาจอดไว้ที่วัด โดยเมื่อเสร็จจากการนำมาให้วัดใช้ประมาณ 1 เดือนก็จะนำกลับไปใช้ทำธุรกิจเหมือนปกติ ไม่มีอะไร

ส่วนนางสาวศิรลักษณ์ เพ็ชรศิริ ชาว จันทบุรี และ นางสาวกุฑีรา สัตตะบงกช อดีตรองนางสาวไทย ได้เป็นตัวแทนลูกศิษย์เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนมว่า

 ที่มาของกระเป๋ามาจากการที่ลูกศิษย์ได้เดินทางไปต่างประเทศและได้รวบรวมเงินกันซื้อมาฝากแม่ชีเชอรี่ เพราะทุกคนต่างเห็นว่าขณะเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดได้รับการดูแลและการชี้แนะรวมถึงข้อแนะนำในการวางตัวเพื่ออยู่ระเบียบของวัดที่พึงปฏิบัติดังนั้นเมื่อคณะลูกศิษย์ได้เดินทางไปต่างประเทศพวกตนไปเที่ยวต่างประเทศเรื่องนึกถึงและซื้อกระเป๋ามาฝากแม่ชี ก็ไม่มราบว่าและมีเจตนาให้เกิดเองทั้งหมดขึ้น พวกตนคิดแค่อยากซื้อมาฝากท่านก็เท่านั้น

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์