เอสเอ็มอีแบงก์ ยัน ไม่ควบรวมออมสิน เร่งปรับแผนฟื้นฟูใน 3 ปี

เอสเอ็มอีแบงก์ ยัน ไม่ควบรวมออมสิน เร่งปรับแผนฟื้นฟูใน 3 ปี


 เอสเอ็มอีแบงก์ ยืนยัน ไม่ควบรวมกิจการกับธนาคารออมสิน โดยจะเดินหน้าแผนฟื้นฟูธนาคารระยะเวลา 3 ปี และจะขอเพิ่มทุนจากรัฐเป็นเงิน 3,000-6,000 ล้านบาท


          เมื่อวานนี้ (6 กุมภาพันธ์) นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานบริหาร และประธานจัดทำแผนยุทธศาสตร์การฟื้นฟูธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า ได้เข้ารายงานแผนการฟื้นฟูให้กับกระทรวงการคลังรับทราบแล้ว โดยยืนยันว่าไม่มีการควบรวมกับธนาคารออมสิน แต่จะดำเนินการตามแผน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 3 ปี ในการฟื้นฟู เบื้องต้นจะขอภาครัฐให้เพิ่มทุน 3,000-6,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ที่มีอยู่ 39,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้จากโครงการรัฐจำนวน 7,000 ล้านบาท และหนี้รายย่อย 10,000 ล้านบาท

          ทั้งนี้ ตามแผนการฟื้นฟู ทางธนาคารจะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ จาก 39,000 ล้านบาท ให้เหลือ 28,000 ล้านบาทในปี 2556 และลดเหลือ 23,000 ล้านบาท ในปี 2557 และเหลือ 17,000 ล้านบาท ในปี 2558 โดยจะใช้วิธีการปรับปรุงการทำงานของบุคคลากร และระบบไอทีของธนาคาร เพื่อให้สามารถติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

          ในส่วนของหนี้เสียจะเร่งเจรจากับลูกหนี้ เพื่อให้มาชำระหนี้ ซึ่งลูกหนี้ส่วนใหญ่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่ดินและ อสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าจะสามารถชำระคืนได้ ทั้งนี้ ธนาคารพร้อมเจรจาลดดอกเบี้ย ยกเว้นสินเชื่อรายย่อยที่มีวงเงินกู้ต่ำกว่า 1 ล้านบาทที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่วนลูกหนี้ที่ไม่สามารถเจรจาชำระหนี้ได้ ธนาคารก็จะตัดขายหนี้ส่วนนี้ออกไป

          ส่วนการปล่อยสินเชื่อใหม่จะเน้นการปล่อยตามนโยบายของรัฐ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำจนเกินไป จนกระทบฐานะธนาคาร และไม่สูงเกินไปจนกระทบความสามารถทางการแข่งขัน โดยจะเป็นอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ เอ็มอาร์อาร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 8 ซึ่งสูงกว่าเดิมอยู่ที่ร้อยละ 4-5 ซึ่งก็จะช่วยทำให้ธนาคารมีกำไรมากขึ้น

          พร้อมกับวางหลักเกณฑ์ว่า สินเชื่อใหม่ ห้ามมีหนี้เสียเกินร้อยละ15 ของสินเชื่อรวม และมีเอ็นพีแอลของสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยกู้เองไม่เกินร้อยละ 7 ส่วนอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ บีไอเอส ที่ขณะนี้ติดลบร้อยละ 0.95 โดยเชื่อว่า แผนการฟื้นฟูนี้จะเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้นต่อผลประกอบการของธนาคารตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้ ส่วนกระแสข่าวเรื่องลูกค้าแห่มาถอนเงินจากธนาคารนั้น ยืนยันว่า เป็นภาวะปกติ ซึ่งธนาคารได้ชี้แจงต่อลูกค้าจนเกิดความเข้าใจแล้ว และไม่อยากให้ลูกค้าเชื่อข่าวลือ

          ด้าน นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มั่นใจว่า ภายในปีนี้ เอสเอ็มอีแบงก์ จะพลิกฟื้นได้ดีขึ้น โดยจะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ประมาณ 1 ใน 4 และจะขยายสินเชื่อในปีนี้อีกร้อยละ 5 โดยปีนี้จะมีโบนัสให้พนักงานอย่างแน่นอน และยืนยันว่ายังไม่มีแผนควบรวมกิจการในขณะนี้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์