เอดส์รักษาได้แล้ว ข่าวจาก มูลนิธิเข้าถึงเอดส์


การรณรงค์เรื่อง เอดส์รักษาได้ ( Aids can be treated ) ได้สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้คนจำนวนมาก

คนจำนวนหนึ่งไม่สบายใจ เพราะคิดว่า เป็นเรื่องเท็จ เป็นไปได้ไง บอกกันว่าเอดส์เป็นแล้วตาย รักษาไม่หาย
แล้วจู่ ๆ ก็มาเปลี่ยนเป็นเอดส์รักษาได้

ข้อเท็จจริงเรื่องนี้อธิบายได้ไม่ยาก

เอดส์ คือกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากภาวะภูมิคุ้มก้นบกพร่อง
อันเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี

ผู้ป่วยเอดส์ คือคนที่มีโรคฉวยโอกาสอันเนื่องจากภาวะภูมิตุ้มกันบกพร่องหรือไม่มีโรคฉวยโอกาส
แต่ว่าภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องมาจาการติดเชื้อเอชไอวี

ผู้ติดเชื้อเอชไอวี คือผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HIV

เอดส์ คือ กลุ่มอาการโรคฉวยโอกาสและภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง

HIV คือไวรัสชนิดหนึ่ง

ปัจจุบัน โรคฉวยโอกาสสามารถรักษาได้ ในขณะเดียวกัน ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ก็ใช้ยาต้านไวรัสในการควบคุมปริมาณเชื้อเอชไอวี ทำให้ภูมิต้านทานถูกทำลายน้อยลง
เพื่อให้ร่างกายสร้างขึ้นมาใหม่ จนพ้นสภาพภูมิต้านทานบกพร่อง

การติดเชื้อ HIV ยังอยู่ แต่เอดส์รักษาได้ ฟันธง

แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่ง ยังไม่สบายใจ กลัวว่า ถ้ารณรงค์ เอดส์รักษาได้ คนจะไม่กลัว และไม่ป้องกัน
ในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยเอดส์จะแข็งแรงแล้วมีเพศสัมพันธ์ ก็จะแพร่เชื้อได้อีก

เรารณรงค์เรื่องมะเร็งปอด มะเร็งตับ ถุงลมโป่งพอง ฯลฯ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับการบริโภคบุหรี่และสุรา จะมาสรุปว่าคนสูบบุหรี่เพราะไม่กลัวมะเร็งก็ไม่น่าจะใช่ ที่หวังว่าการสร้างความกลัวแล้วจะทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมมันไม่พอแล้ว โลกยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร การได้รับข้อมูลที่รอบด้านและการฝึกพัฒนาทัศนคติที่ดีในเรื่องเพศ
จะเป็นทางที่ช่วยลดปัญหาที่ตามมาจากเรื่องเพศได้ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเอดส์

อีกเรื่องที่กลัวว่าผู้ติดเชื้อเมื่อได้รับการรักษาแล้วจะแข็งแรงแล้วไม่ป้องกัน จะทำให้มีการแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่น
ก็เข้าใจได้ แต่คำถามที่สำคัญก็คือ เมื่อกลัวแล้วทำยังไงกันต่อ กลัวผู้ติดเชื้อจะแข็งแรงแล้วแพร่เชื้อ ก็ไม่รักษาปล่อยให้เสียชีวิต ก็ไม่น่าจะใช่ แต่ถ้ากลัวแล้วมาสร้างความเข้าใจเรื่องการป้องกันและเพิ่มอำนาจในการป้องกันให้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น ฯลฯ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าจะทำ และควรจะทำตั้งนานแล้วด้วย

จริง ๆ แล้ว ผู้ป่วยเอดส์ที่เข้ารับการรักษา จะได้รับข้อมูลที่รอบด้าน และได้รับคำปรึกษาเมื่อได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ปริมาณเชื้อเอชไอวีจะถูกควบคุมจนมีปริมาณลดลง ซึ่งหมายถึงการส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นก็ลดลงด้วย เหมือนกรณีที่มี การให้ยาต้านไวรัสกับหญิงตั้งครรภ์เพื่อลดโอกาสส่งเชื้อต่อให้ลูก แต่ที่น่ากังวลกว่า ก็คือ ผู้ติดเชื้อที่ไม่รู้ผลเลือดซึ่งมีจำนวนมากกว่าคนที่รู้ผลเลือดเสียอีก โอกาสป้องกันกับคู่ของตนเองก็น้อยลงเพราะไม่รู้และไม่คิดว่าตนเองจะมีเชื้อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าคิดและกังวลใจมากกว่าอีก


สมวงศ์ อุไรวัฒนา
มูลนิธิเข้าถึงเอดส์

   


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์