เหนือปฐพีไหวจับตารอยเลื่อน

ธรณีเขย่าอีก 3 ริคเตอร์ มีศูนย์กลางใน อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่

แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ผอ.สำนักธรณีวิทยาฯ เผยเหตุดังกล่าวอยู่บริเวณแนวรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ถือเป็น 1 ใน 13 รอยเลื่อนที่มีพลังในไทย โดยเฉลี่ยจะไหว 2 ปีต่อครั้ง ห่วงควันหลงเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในพม่าเมื่อเดือนมี.ค. ทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อก ตามมากว่า 200 ครั้ง แถมยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติ และยังมีเหตุทรายระเบิดกลางทุ่งนาชาวบ้าน หวั่นเกิดโศกนาฏกรรมเหมือนเม็กซิโก ส่วน “หนองบัวลำภู” พายุพัดถล่มบ้านเรือนพังเสียหายกว่า 100 หลัง

เมื่อเวลา 11.07 น. วันที่ 25 พ.ค. สถานีตรวจวัดแผ่นดินไหว จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3 ริคเตอร์ ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร
 
ที่ละติจูด 18.92 องศา ลองจิจูดที่ 98.26 องศา จุดศูนย์กลางอยู่ที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ทางด้านนายวรศักดิ์ พานทอง ปลัดอำเภอกัลยาณิวัฒนา เปิดเผยว่าหลังจากเกิดเหตุได้ให้กำนัน ผู้ใหญ่ และฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าสำรวจความเสียหาย ปรากฏว่าไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ กับชีวิตและทรัพย์สิน โดยความแรงของแผ่นดินไหวดังกล่าวไม่สามารถรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ เนื่องจากความแรงของการไหวไม่มากนัก แต่ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หากพบแผ่นดินไหวที่รุนแรง จะรีบดำเนินการขนย้ายออกนอกพื้นที่ทันที เพราะภูมิประเทศของ อ.กัลยาณิวัฒนา อยู่บนภูเขาสูง

ทางด้านนายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.)

เปิดเผยว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว อยู่ในบริเวณแนวรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน แต่ขณะนี้ผ่านมา ระยะหนึ่งยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยปกติแล้วรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอนถือเป็น 1 ใน 13 รอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย โดยเฉลี่ยจะเกิดแผ่นดินไหวประมาณ 2 ปีต่อครั้งและมีขนาดไม่เกิน 4 ริคเตอร์ อย่างไรก็ตาม  การสั่นไหวใน อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ และ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ยังไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติ

อย่างไรก็ตามกรมทรัพยากรธรณี ได้จับตาการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนในเขตภาคเหนือ โดยเฉพาะรอยเลื่อนแม่จัน

เพราะหลังจากแผ่นดินไหวในฝั่งพม่าจากรอยเลื่อนน้ำมา เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 54 ขนาด 6.7 ริคเตอร์ พบว่ามีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นแล้วกว่า 200 ครั้ง และยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง ถึงแม้ขนาดความแรงจะลดลงไปเรื่อย ๆ แต่ก็พบว่ามีการกระตุกจาก 2-3 ริคเตอร์ ขึ้นไปเป็น 4 ริคเตอร์กว่า ๆ หลายครั้ง และยังพบว่ามีการขยับระยะทางมาใกล้บริเวณรอยเลื่อนแม่จันมากขึ้น ที่สำคัญยังพบปรากฏการณ์ทรายระเบิดกลางทุ่งนาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขต อ.แม่สาย จ.เชียงราย ในวันเดียวกับที่เกิดแผ่นดินไหวในพม่า และเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะปรากฏ การณ์ดังกล่าว จะเป็นอันตรายต่อสิ่งก่อสร้าง อาจทำให้พังทลายลงมาได้ง่าย เหมือนกับที่เคยเกิดในเมืองเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก เมื่อหลายปีก่อนที่แผ่นดินไหวแล้วมีทรายระเบิด

“โชคดีที่การเกิดทรายระเบิดครั้งนี้ อยู่ในทุ่งนาของชาวบ้าน ซึ่งเห็นว่ามีกองทรายผุดขึ้นมาเยอะมาก แต่ส่งผลให้ถนนหลวงพังเป็นระยะทาง 100-200 เมตร โดยขณะนี้กรมทรัพยากรธรณี ได้ส่งเจ้าหน้าที่ศึกษาและสำรวจตะกอนบริเวณรอยเลื่อนแม่จัน ว่ามีตะกอนที่เอื้อต่อการแผ่ขยายคลื่นแผ่นดินไหวเหมือนชั้นดินในเขต กทม. หรือไม่ รวมทั้งยังเข้าสำรวจบริเวณหมู่บ้านที่เกิดปรากฏการณ์ทรายระเบิดด้วย เพื่อเก็บข้อมูลไว้ศึกษาวิจัยในอนาคตว่า โอกาสการเกิด และมีลักษณะของการเกิดอย่างไร  จะมีคาบการเกิดนานแค่ไหนเพราะถือเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ต้องจับตารอยเลื่อนแม่ทา  ซึ่งพาดผ่าน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  และจ.ลำพูนด้วย เนื่องจากอาจจะมีการขยับต่อเนื่องหลังจากรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน เริ่มขยับในสเกลเล็ก ๆ เพราะเหมือนกับว่ารอยเลื่อนพวกนี้เริ่มมีการจัดระเบียบตัวเอง” นายเลิศสิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวติดต่อกัน 3 ครั้งในเขต 5 อำเภอของ จ.เชียงราย

คือ เมื่อเวลา 04.16 น. ขนาด 3.9 ริคเตอร์ และเวลา 04.24 น. ขนาด 3.2 ริคเตอร์ และเวลา 08.25 น.ขนาด 4.6 ริคเตอร์ แม้ว่ากรมทรัพยากรธรณี จะยืนยันว่าเป็นอาฟเตอร์ช็อกของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รอยเลื่อนน้ำมาของพม่า แต่เริ่มพบว่าการเกิดแผ่นดินไหวระดับ 3-4 ริคเตอร์ติดต่อในช่วง 2 สัปดาห์นี้ มีลักษณะของระดับก็ขึ้น ๆ ลง ๆ แม้จะยังอยู่ในระดับไม่ใหญ่มาก แต่ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ

ส่วนที่  จ.หนองบัวลำภู เมื่อเวลา  08.00 น. วันเดียวกัน

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.หนองบัวลำภู สั่งการให้นายประมวล ลาภจิตต์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.หนองบัวลำภู นายคำกอง อามาตย์มนตรี นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลนามะเฟือง อ.เมืองหนองบัวลำภู ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายหลังเกิดพายุฝนพัดถล่มบ้านเรือนเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา จากการตรวจสอบมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง จำนวน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านนามะเฟืองเหนือ นามะเฟืองใต้ และบ้านเหล่าโพธิ์ชัย มีบ้านเรือนพังเสียหายหนัก 10 หลัง เสียหายเล็กน้อยถึงปานกลาง 110 หลัง นายประมวลกล่าวว่า หลังจากสำรวจความเสียหายเรียบร้อยแล้ว จะรายงานถึง ผวจ.หนองบัวลำภู เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นก่อน ส่วนการซ่อมแซมบ้านเรือน ยุ้งฉางข้าว  คอกสัตว์ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ให้ประชาชนซ่อมแซมล่วงหน้าไปก่อนหลังจากนั้นจึงมารับเงินค่าชดเชยในภายหลัง.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์