เสี่ยงร้านประดับยนต์แถลงถูกสมีคำหลอกสูญ 10 ล้าน

เสี่ยงร้านประดับยนต์แถลงถูกสมีคำหลอกสูญ 10 ล้าน


วันนี้ ( 22 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.พ.ต.ท.พงศ์อินทร์  อินทรขาว  ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ )ได้เดินทางไปยังร้านประดับยนต์แสงเจริญ ซาวด์ แอนด์เทเลคอม เลขที่ 97,99,101 ถ.ชยางกูร จ.อุบลราชธานี เพื่อสอบปากคำนายศุภราช  วิริยพันธ์ หรือเสี่ยกัง ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์หลังสอบพบว่ามีส่วนทำธุรกรรมกับนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท  ก่อนที่จะทำการสอบปากคำ นายศุภราชได้เปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนพร้อมนำหลักฐานโชว์แก่ผู้สื่อข่าว โดยนายศุภราชกล่าวว่า ได้เชื่อและศรัทธาอดีตเณรคำ ที่ผ่านมา ได้รับทำประดับยนต์แก่เณรคำ และตัวเองยังถูกเณรคำหลอกให้จ่ายเช็คเป็นค่างวดรถเบนซ์ที่เณรคำอ้างว่าติดหนี้และกำลังจะถูกดำเนินการฟ้อง เป็นเช็คธนาคารกรุงเทพสาขากิโลศูนย์ จำนวนถึง 10 ใบรวมเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท และหลอกให้โอนเงินเป็นค่าพลอยรวมเป็นเงิน 4 ล้านบาท โดยได้โอนเงินผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำไม่ได้ว่าสาขาอะไรแต่อยู่ในกรุงเทพในนามพระวิระพล สุขผล ส่วนเณรคำจะซื้อพลอยไปทำอะไรไม่ทราบ

นายศุภราช ยังได้เปิดคลิป ซึ่งอดีตเณรคำส่งภาพแหวนหยกและพลอยให้ดูตลอดทั้งรูปเณรคำที่ส่งให้ทางแมสเสจ

นายศุภราชกล่าวอีกว่านอกจากนี้ยังได้ถูกอดีตเณรคำหลอกให้บริจาคเงินเพื่อสร้างเสาวิหารแก้วและพระแก้วมรกต ที่วัดป่าขันติธรรมเป็นเงินสด 3.5 แสนบาท  อย่างไรก็ตาม นายศุภราชอ้างว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องทำธุรกรรมกับเณรคำเลยแต่เนื่องจากศรัทธาและหลงเชื่อจึงได้ร่วมบริจาคทำบุญ ส่วนทรัพย์สินและที่ตนเองใช้รถหรู เพราะมีเงินจากการทำธุรกิจ ตนเองร่ำรวยจากการทำธุรกิจเป็นธุรกิจครอบครัวมาเป็นเวลานาน และตนเองใช้รถราคาแพงมาตั้งแต่หนุ่มเพราะเป็นคนนิยมรถหรู

จากนั้นดีเอสไอได้ทำการสอบปากคำนายศุภราชเพิ่มเติมนานกว่า ชั่วโมงโดยนายศุภราชได้นำหลักฐานแสดงการได้มาซึ่งทรัพย์สินและยืนยันถูกเณรคำหลอกเพราะหลงเชื่อและศรัทธา จากนั้น นายศุภราช ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตนพระเณรคำที่ สภ.เมืองอุบลราชธานีในข้อหาฉ้อโกง โดยได้นำเอกสารรูปถ่ายและคลิปตลอดทั้งข้อความการติดตามทวงถามเงินจากอดีตพระเณรคำ โดยนายศุภราชกล่าวว่าข้อความไม่สามารถเปลี่ยนวันที่ได้

ในวันเดียวกันดีเอสไอ ได้ไปสอบปากคำที่ ศิริมหาชัยโฮมมาร์ท ถ.แจ้งสนิทเพื่อสอบรายละเอียดการนำวัสดุไปสร้างสำนักสงฆ์ขันติบารมี ซึ่งปรากฏว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีข้อมูลเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามเจาหน้าที่ ดีเอสไอ กำลังสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งอาจจะมีนักธุรกิจยางรถยนต์เข้ามาเกี่ยวข้องการทำธุรกรรมกับเณรคำซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีการเชขื่อมโยงเข้าไปลงทุนทำธุรกิจร่วมกันใน สสป.ลาว แขวงจำปาสัก ซึ่งดีเอสไอกำลังเข้าทำการเกาะติดเรื่องนี้


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์