เสี่ยงป่วย-เป็นเหยื่อหื่น โนกางเกงใน แฟชั่น ท้าทายข่มขืน

วัยรุ่นหญิงไทยกำลังเห่อแฟชั่นนุ่งสั้น ไม่ใส่กางเกงใน


ไม่เพียงมีข่าวการ “ทะเลาะวิวาท-ทำร้ายร่างกาย” กันไม่ต่างจากวัยรุ่นชาย ยุคนี้สมัยนี้ “วัยรุ่นหญิงไทย” เรายังฮิตการมีสิทธิเท่าเทียมชายในทางที่ค่อนข้างจะลบ ๆ อีกหลายต่อหลายอย่าง ล่าสุดก็เป็นข่าวฉาวครึกโครมชนิดที่ชวนให้ “อึ้ง-ทึ่ง-เสียว” กันอีกกรณี...วัยรุ่นหญิงไทยกำลังเห่อแฟชั่นนุ่งสั้น “ไม่ใส่กางเกงใน”
 
แถมยังนิยม “ทำไฮไลต์ขนอวัยวะเพศ” อีกต่างหาก ?!?
 
ว่าที่จริง “ไม่ใส่กางเกงใน” ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ในไทย ย้อนอดีตไปไกล ๆ น่าจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม หลังวัฒน ธรรมการแต่งกายจากต่างชาติเข้ามามีบทบาทในสังคมไทย การแต่งเนื้อแต่งตัวของคนไทยก็รัดกุมแบบสากลมากขึ้นมาเป็นลำดับ รวมถึงเรื่องการใส่ “กางเกงใน” ของชาย-หญิง ที่ส่วนใหญ่จะเริ่มใส่กันจริงจังนับตั้งแต่ย่างเข้าวัยเด็กโต วัยรุ่น ต่อเนื่องไปจนถึงวัยชรา
 
และยึดโยงเข้ากับเรื่อง “วัฒนธรรมอันดี” ของสังคมไทยด้วย
 
อย่างไรก็ตาม จะว่าไปแล้วจนทุกวันนี้การไม่ใส่กางเกงในก็ยังเป็นเรื่องปกติของคนไทยจำนวนไม่น้อย ผู้หญิงก็จะมีน้อยหน่อย แต่กับผู้ชายนั้นยังมีอยู่มาก ทั้งที่เป็นวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ซึ่งหลายคนที่ไม่นิยมใส่กางเกงในให้เหตุผลทำนองว่า “ใส่แล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว” อะไรประมาณนั้น จนบางคนพาลเป็น “ไส้เลื่อน”


แต่นี่ก็เป็นคนละเรื่องเดียวกันกับกรณีที่เพิ่งเป็นข่าวดัง !?!


“วัยรุ่นหญิงไทยยุคปัจจุบันนิยมไม่ใส่กางเกงใน” เรื่องนี้แม้ว่าอาจจะเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยในเมืองไทย แต่ก็น่าจะมีกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่แฟชั่นหวือหวาต่างชาติครอบงำมาก ๆ ส่วนที่จุดประกายจนเป็นประเด็นข่าวชวนอึ้ง-ทึ่ง-เสียวนั้น เหตุเกิดที่ จ.นครศรีธรรมราช
 
“เป็นแฟชั่นของนักเรียนหญิงไปแล้ว โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อนักเรียนหญิงขี่รถจักรยานยนต์มาประสบอุบัติเหตุ จะพบเห็นได้เสมอว่าไม่สวมกางเกงชั้นใน”
 
...เป็นสรุปคำบอกเล่าผ่านสื่อของตำรวจนายหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่อาจารย์โรงเรียนในจังหวัดนี้ก็บอกถึงเรื่องนี้ผ่านสื่อสรุปว่า... เรื่องที่วัยรุ่นหญิงไม่นิยมใส่กางเกงชั้นในนั้นเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว คาดว่าเป็นแฟชั่นที่ระบาดมาจากต่างประเทศ และสวมใส่กระโปรงสั้น ๆ หรือกางเกง ที่รัดรูปเห็นเป็นสัดส่วน
 
“และขนในที่ลับจะต้องทำไฮไลต์เป็นสีต่าง ๆ ด้วย” ...เป็น ออพชั่นเสริมเต็มพิกัดจากคำบอกเล่า
 
แล้วก็ตามมาด้วยการแสดงความกังวลของฝ่ายวัฒนธรรม ขณะที่ฝ่ายสาธารณสุขก็ระบุว่าอาจจะมีผลเชิง “สุขภาพ” ทั้งนี้ หากจะว่ากันในเชิงสุขภาพ ต่อกรณี “นิยมที่จะไม่ใส่กางเกงใน” โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นหญิงบางส่วน ในเชิงสุขภาพจิต ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดัง ระบุว่า... การที่วัยรุ่นผู้หญิงมีแฟชั่นไม่ใส่กางเกงใน แล้วใส่กระโปรง-กางเกงสั้น ๆ เพื่อ “โชว์ของสงวน” นั้น ถามว่าเข้าข่ายว่ามีปัญหาทางด้านจิตหรือไม่ ? คำตอบคือไม่ถึงขั้น เป็นแต่เพียงเรื่องของพฤติกรรม เป็นเพียงพฤติกรรมลอกเลียนแบบกันตามแฟชั่น

“มันก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติ เนื่องจากในยุคปัจจุบันสังคมไทยมีการเปิดกว้างในเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลมากขึ้น ผู้หญิงมีเสรีมากขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา ผู้หญิงจึงกล้าที่จะแสดงออกมากขึ้น โดยบางส่วนไม่แคร์สายตาผู้อื่น เพราะถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเมื่อมีแฟชั่นใหม่ ๆ อะไรเข้ามาก็พร้อมที่จะรับไว้ทำตาม” ...ดร.วัลลภระบุในมุมของสุขภาพจิต ซึ่งถึงจิตไม่ป่วยแต่ก็อันตราย
 


กับด้านสุขภาพกาย เรื่องนี้ นพ.รุ่งเลิศ อิงคนันท์ สูติแพทย์ประจำโรงพยาบาลรามคำแหง ให้ความรู้ความเข้าใจว่า...


การไม่ใส่กางเกงในของผู้หญิงนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องที่ผิดวัฒนธรรมแล้วยังเป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เกิดผลกระทบ เกิดข้อเสียทางร่างกายได้อีกด้วย ที่อาจเกิดข้อเสียก็เพราะโดยปกติแล้วธรรมชาติของผู้หญิงจะต้องมีการหลั่งสารคัดหลั่งหรือที่เรียกว่า “ตกขาว” ออกมาจากอวัยวะเพศภายใน ซึ่งถ้าใส่กางเกงในและใส่แผ่นอนามัยไว้ก็จะมีสิ่งที่เป็นตัวช่วยป้องกัน ช่วยซับไม่ให้สารคัดหลั่งออกมาเลอะเปรอะเปื้อนอวัยวะภายนอก
 
“แต่ถ้าไม่มีสิ่งที่ช่วยป้องกันคอยซับ นอกจากเปรอะเปื้อนแล้วยังอาจเกิดการระคายเคือง เกิดการอักเสบของอวัยวะเพศได้ นอกจากนั้นการที่ไม่ใส่กางเกงในก็อาจมีโอกาสเกิดการเสียดสีมาก ทำให้เกิดเป็นแผลถลอก และหากไปนั่งในที่นั่งที่ไม่สะอาดก็จะเกิดการติดเชื้อได้” ...นพ.รุ่งเลิศ ระบุ
 
พร้อมทั้งบอกอีกว่า... ไม่เพียงผู้หญิง ในส่วนของผู้ชายถ้าไม่ใส่กางเกงในก็อาจมีผลเสียต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน

โดยผู้ชายจะอยู่ในส่วนของอัณฑะ ซึ่งกางเกงในเป็นตัวช่วยในการป้องกันการกระทบกระเทือนและลดการเสียดสี ถ้าไม่ใส่กางเกงในก็อาจจะเกิดการเสียดสี เกิดแผลถลอก และติดเชื้อได้เหมือนกัน
 
“ส่วนเรื่องของการย้อมขนในที่ลับของผู้หญิงนั้น ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะอวัยวะเพศนั้นเป็นส่วนที่บอบบางมาก ถ้าถูกน้ำยากัดสีที่เป็นสารเคมี ก็อาจจะเกิดการคัน อักเสบ และเป็นแผลติดเชื้อได้” ...สูติแพทย์โรงพยาบาลรามคำแหงกล่าวเตือนทิ้งท้าย “โนกางเกงใน” เป็นแฟชั่นที่ “อาจเกิดพิษภัยเกินคาด” กับ “เพศหญิง” ยิ่งมีสิทธิเจ็บป่วย-เสี่ยงติดเชื้ออันตราย
 

ที่สำคัญ...นี่มันแฟชั่นท้าทาย “ข่มขืน” มิใช่หรือ ????.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์