เศษคลุกข้าวกินไม่สนว่าเป็น เจลลดไข้ เชื่อตัวประหลาดเป็นของศักดิ์สิทธิ์

เศษคลุกข้าวกินไม่สนว่าเป็น "เจลลดไข้" เชื่อตัวประหลาดเป็นของศักดิ์สิทธิ์

ชาวบ้านไม่สนวัตถุประหลาดจะเป็นเจลลดไข้เด็ก ยังคงแห่กันไปดูหนอนวุ้นที่จังหวัดอุทัยฯ กันเพียบ เจ้าของบ้านเชื่อเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แถมนำเศษเนื้อเยื่อที่หลุดลุ่ยมาคลุกข้าวกินเฉยไม่สนใครจะว่าอย่างไรทั้ง ๆ ที่กระทรวงวิทย์ฯ-อย.- สธ. ออกมาเเถลงไขปริศนาระบุความจริงไปเเล้ว พร้อมกับตื่นตัวอย่างหนักรีบตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน 24 ชม. ลุยพิสูจน์ทุกที่ เตือนประชาชนพบวัตถุประหลาดอย่าใช้มือจับเด็ดขาด "ชิดชัย" สั่งหาต้นตอที่เเท้จริง เปรยอยู่ดี ๆ จะร่วงมาจากท้องฟ้าได้ไง ขณะที่ บ.นำเข้าเเผ่นลดไข้ โต้ไม่จำเป็นต้อง โปรโมตสินค้า ฟุ้งยอดขายติดตลาดอันดับหนึ่งอยู่เเล้ว คาดติดมากับพายุฝนหอบมาตกบ้านคนจนกลายเป็นเรื่อง

กรณีวัตถุประหลาดรูปร่างคล้ายวุ้นหรือเยลลี่ขนาดใหญ่ มีคุณสมบัติเรืองแสงและพองตัวเมื่อถูกน้ำ ปลิวตกจากฟากฟ้ามาสู่พื้นดินอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ จ.อุทัยธานี, ขอนเเก่น, พระนครศรีอยุธยา, สมุทรปราการ, เเพร่ เเละที่กรุงเทพฯ ก็มีชาวบ้านพบวัตถุปริศนาเหมือนกัน สร้างความประหลาดใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร ทั้งนี้ชาวบ้านบางส่วนเชื่อว่า น่าจะเป็นสิ่งแปลกปลอมจากนอกโลกที่ตกจากฟ้าหลังฝนหยุด พร้อมกับพากันกราบไหว้บูชาขอโชคลาภเช่นเคย ทั้งนี้หลังข่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างตื่นตัวให้ความสนใจรีบตรวจสอบหาความจริงทันที พร้อมนัดเเถลงข่าวให้ประชาชนทราบในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ขณะเดียวกันทาง "เดลินิวส์" ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่าวัตถุดังกล่าวน่าจะเป็นเเผ่นลดไข้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางการเเพทย์ เหมือนกับที่ประชาชนโทรศัพท์เเจ้งข้อมูลเข้ามาเช่นกัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปเเล้วนั้น

เกี่ยวกับความกระจ่างเรื่องวัตถุประหลาด วันที่ 15 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภก.มานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการ อย. ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมนำแผ่นเจลลดไข้ยี่ห้อดังที่ผ่านการแช่น้ำหลายชั่วโมงมาให้ผู้สื่อข่าวดู ก่อนจะเปิดเผยว่า จากที่ปรากฏข่าวพบวัตถุประหลาดมีลักษณะคล้ายวุ้นหรือเยลลี่ขนาดใหญ่ ดูแล้วน่าจะเป็นแผ่นเจลลดไข้สำหรับเด็กยี่ห้อหนึ่ง ที่นำมาใช้ติดบริเวณผิวที่ต้องการลดไข้ ที่มีลักษณะพองบวมและนิ่มคล้ายวุ้นหลังจากนำไปแช่ในน้ำนาน 1-2 ชั่วโมง

รองเลขาธิการ อย. กล่าวต่อว่า แผ่นเจล ลดไข้จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ทั่วไป ในแผ่นเจล 1 แผ่นจะมีส่วนประกอบเป็นน้ำประมาณ 70% เจล 20% ที่เหลือเป็นส่วนประกอบอื่น ๆ ได้แก่สารแต่งกลิ่น มีสรรพคุณช่วยลดความร้อน บรรเทาอาการไข้ การนำมาใช้ต้องลอกฟิล์มใสออก แล้วนำผิวด้านที่มีเจลติดลงบนผิวหนังที่แห้งและ สะอาดบริเวณที่ต้องการ โดยเเผ่นเจลมีผลออกฤทธิ์ระบายความร้อนจากผิวหนังของร่างกายจะถูกดูดซับโดยแผ่นเจล ทำให้น้ำในแผ่นเจลระเหย ออกไป มีผลให้อุณหภูมิบริเวณที่แปะแผ่นเจล ลดลง ไม่ควรใช้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ อย่างไรก็ตาม หากมีไข้สูงผู้ปกครองต้องรีบพาเด็ก ไปพบแพทย์ทันที ส่วนข้อควรระวังคือ ห้ามรับประทานเนื่องจากสามารถจะเกิดการพองบวมและเกิดการอุดตันได้

ภก.มานิตย์ กล่าวต่ออีกว่า การที่ชาวบ้านแตกตื่นเป็นเพราะชาวบ้านไม่เคยเห็น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าแผ่นเจล ลดไข้เมื่อแช่น้ำจะออกมาเป็นแบบนี้ อย่างไรก็ตามในแง่อันตรายคงไม่มี ส่วนราคาจะตกแผ่นละประมาณ 30 บาท อาจสะดวกเรื่องการพกพาเวลาเดินทาง แต่วิธีที่ประหยัดกว่าคือ ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวประมาณ 10-15 นาที ก็สามารถลดไข้ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน สำหรับประเด็นที่มองว่าบริษัทจำหน่ายแผ่นเจล ต้องการโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือไม่ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ไม่คิดเช่นนั้น อาจเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า เพราะสินค้าตัวนี้มี วางจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วประเทศ เป็นไปได้ว่าอาจมีคนใช้แล้วทิ้งไม่ถูกที่ หรือปลิวมาจากที่อื่น พอฝนตกก็อาจทำให้พองน้ำได้

ส่วนที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโน โลยี ดร.ประวิช รัตนเพียร รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ นักวิชาการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) แถลงผลการทดสอบพิสูจน์วัตถุประหลาดที่ประชาชนอ้างว่าหล่นมาจากฟ้า ดร.นำชัย กล่าวว่า หลังนำตัวอย่างของวัตถุประ หลาดที่ได้จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์มาทดสอบเปรียบเทียบกับแผ่นเจลวัดไข้ พบว่ามีลักษณะคล้ายกันมาก ซึ่งลักษณะภายนอก รวมทั้งตัวโครงสร้างไม่บ่งบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิต จึงสรุปได้ว่าวัตถุประหลาดที่พบไม่ใช่สิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตาม ต้องฝากเตือนประชาชนที่พบวัตถุประหลาดต่าง ๆ ว่า หากไม่รู้จักอย่าใช้มือเปล่าสัมผัส เพราะอาจเกิดอันตรายจากสารต่าง ๆ ได้

ด้าน ดร.อศิรา เฟื่องฟูชาติ นักวิจัย ศูนย์เอ็มเทค กล่าวว่า วัตถุประหลาดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เจลใส และแกนกลางด้านในที่มีสีขาวขุ่น จากการทดสอบพบว่า แกนกลางสีขาวขุ่นมีลักษณะคล้ายผืนเส้นใย ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ชื่อ "โพลิเอทธิลีนเธอเรปทาเลต หรือที่รู้จักในชื่อ PET" ซึ่งมีเส้นใยแบบ Non-woven เป็นเส้นใยลักษณะเดียวกับที่ใช้ทำผ้าอ้อม ส่วนวัตถุที่มีลักษณะเจลใส มีองค์ประกอบหลายส่วนและอาจมีโพลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติของไฮโดรเจลเป็นส่วนประกอบหลายชนิด ซึ่งต้องใช้เวลาในการทดสอบนาน เบื้องต้นพบมีไฮโดรเจล ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ที่มีโครงสร้างเหมือนตาข่าย จึงสามารถดูดซับน้ำได้หลายเท่าตัว ถ้ามีปริมาณโครงสร้างตาข่ายร่างแหมากก็จะอุ้มน้ำได้มากเป็นส่วนประกอบ

นักวิจัย ศูนย์เอ็มเทค อธิบายอีกว่า ไม่สามารถฟันธงได้ว่าส่วนประกอบของสารในวัตถุประหลาดเป็นสารชนิดเดียวกับเจลวัดไข้ เพราะเจล วัดไข้มีสารประกอบหลายชนิดแตกต่างกันไปแล้วแต่ผู้ผลิต ซึ่งถ้าจะให้ชี้ชัดต้องพิสูจน์อย่างละเอียด เบื้องต้นบอกได้เพียงว่าเป็นสารโพลิเมอร์ไฮโดร เจล ขณะที่ ดร.ประวิช กล่าวว่า ได้ปรึกษากับผู้บริหารกระทรวงฯ จัดตั้งศูนย์สร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสาธารณชน (Public Awareness Unit หรือ PAU) รับแจ้งเรื่องราวหรือสิ่งประหลาดที่พบตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยสามารถติดต่อโทรศัพท์หมายเลข 1313 ได้ตลอดเวลา

ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข นาย พินิจ จารุสมบัติ รักษาการ รมว.สาธารณสุข นพ. ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงฯ เเถลงข่าวว่า จากการเก็บตัวอย่างวัตถุประหลาดที่ประชาชนส่งมา 4 ตัวอย่าง พบว่าเป็นเเผ่นเจล ลดไข้เด็ก ส่งที่น่าห่วงคือเจลดังกล่าวเมื่อโดนน้ำจะขยายตัวถึง 60 เท่า หากเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจนำเข้าปากกินเข้าไป เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก คงต้องให้ผู้ปกครองระมัดระวังให้มาก

ด้าน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์การพบวุ้นประหลาดตกมาจากฟ้าว่า ตนกำลังดูอยู่ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่บอกว่าอยู่ดี ๆ วัตถุดังกล่าวตกมาจากฟ้า เรื่องนี้ได้สั่งให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด โดยกำชับให้ดูถึงต้นเหตุเเล้ว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บริษัท ส. เจริญเภสัชเทรดดิ้ง จำกัด เลขที่ 713-715-717 ถนนมหาไชย แขวงบูรพาภิรมย์ เขต พระนคร ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายแผ่นเจลลดไข้ ยี่ห้อ KOOLFEVER โดยพบกับนางกัลยา อังศุเกษตร ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทเป็นผู้นำเข้ายารักษาโรคและเครื่องมือเครื่องใช้ในทางการแพทย์ สำหรับแผ่นเจลลดไข้ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยนั้นมีทั้งหมด 6 ยี่ห้อ โดย 2 ยี่ห้อมีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศไทย ส่วนที่เหลือนำเข้าจากประเทศจีนรวมทั้งยี่ห้อ KOOLFEVER ด้วย ในส่วนที่มีคนมองว่าทางบริษัทเป็นแผนการตลาดของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้หรือไม่ ตนขอยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ซึ่งสินค้ามีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุอาจจะมาจากลมพายุพัดแผ่นเจลขึ้นไปบนอากาศ เมื่อโดนน้ำแล้วมันจะพองตัวทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ตกลงมา จนมีคนไปพบเกิดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสัตว์ประหลาดดังกล่าว

ส่วนที่ จ.อุทัยธานี จุดเริ่มต้นของการพบวัตถุประหลาดที่ตกในพื้นที่บ้านนางกฤษณา มะโนมั่น อายุ 39 ปี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกมาประกาศว่า ตัวประหลาดที่พบในหลาย ๆ จังหวัดที่แท้เป็นเจลลดไข้ แต่ก็ยังมีชาวบ้านเดินทางมาที่บ้านของนางกฤษณาเพื่อขอดูตัวประหลาดเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แต่ต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากเจ้าของบ้านไม่อยู่ไปธุระต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม นางกฤษณาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ตนได้ให้ลูกชายไปซื้อเจลลดไข้จากร้านขายยามาแช่น้ำพิสูจน์แล้วพบว่า มีความแตกต่างกับวัตถุที่ตนพบอย่างมาก เนื่องจากเจลที่ซื้อมาสามารถคลี่ออกมาได้ แต่ที่ตนมีลักษณะเป็นวุ้นใสมีเนื้อเยื่อติดต่อกัน ตนเชื่อมั่นว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากตกมาจากฟ้าจริง ประกอบกับมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดบอกว่า วัตถุลึกลับที่ได้มาเป็นของศักดิ์สิทธิ์ อย่าขายให้ใครเป็นอันขาด โดยระบุด้วยว่า หากใครมีในครอบครอง 7 อัน จะทำให้เจริญรุ่งเรือง สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ สำหรับเนื้อเยื่อที่หลุดลุ่ยออกมาตนนำไปคลุกเคล้ากับข้าวกินกันในครอบครัวตามความเชื่อ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง

ด้าน จ.ขอนเเก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 115 หมู่ 13 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง ซึ่งเป็นบ้านนางมาลินี ไทยอ่อน อายุ 35 ปี ผู้ที่พบวัตถุประหลาดปรากฏว่ามีประชาชนเดินทางไปดูหนอนวุ้นเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเช่นกัน ทั้งนี้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ ก่อนจะลงมือจุดธูปเทียนขอเลขเด็ดไปเเทงหวยเช่นเคย เลขที่ได้รับความสนใจคือ 115 เเละ 17 โดยตัวเเรกเป็นเลขที่บ้าน ส่วน 17 เป็นจำนวนปล่องที่นับได้จากตัวหนอนวุ้น.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์