เมีย อิทธิ พลางกูร ชีวิตรันทด ขายไก่ทอดเลี้ยงลูก

หลังจากที่ใช้ชีวิตแบบขาดเสาหลักของครอบครัวมาหลายปี

ภรรยาของ “อิทธิ พลางกูร” นักร้องเจ้าของบทเพลง “เก็บตะวัน” ที่จากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตครั้งใหม่ โดยเรื่องเศร้าของครอบครัวอิทธิ พลางกูร ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 7 เม.ย. หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ขณะนี้ภรรยาของนักร้องดังในอดีต “อิทธิ พลางกูร” มีชีวิตที่ลำบากมาก ถึงกับต้องเร่ขายไก่ทอดไปตามที่ต่างๆ โดยใช้ชื่อว่า ร้าน “ครอบครัวพลางกูร ไก่ทอดเก็บตะวัน และน้ำพริกยังจำไว้”


ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 29/200 หมู่บ้านกฤษณา ซอยศศิประภา ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.

ซึ่งเป็นบ้านของอดีตนักร้องชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ปลูกบนเนื้อที่ 90 ตารางวา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับนางชาญดา ลียะวณิช วัย 44 ปี ภรรยาของนายอิทธิ ที่พักอาศัยอยู่กับ น.ส.ญาดา น.ส.ปริยากร และ ด.ญ.ภริชญา พลางกูร ลูกสาวสามใบเถาของทั้งคู่  นางชาญดาเปิดเผยถึงชีวิตครอบครัวหลังสามี อดีตนักร้องเพลงร็อกชื่อดังลาจากโลกนี้ไปเมื่อหลายปีก่อนว่า ก่อนหน้าที่สามีสุดที่รักยังไม่เป็นโรคร้าย เคยเปิดบริษัทเทป แต่ก็ประสบปัญหาขาดทุนอย่างยับเยินในยุคฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 ทำให้มีภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก เงินที่หามาได้ต้องนำไปใช้หนี้สินจนหมด จนกระทั่งสามีป่วย จึงแนะนำให้ตนขายประกัน เพื่อเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองในภายหน้าได้ ต่อมาสามีได้ซื้อบ้านหลังนี้เพื่อไว้เป็นที่อยู่อาศัย ในราคา 7 ล้านบาท โดยมีความหวังจะผ่อนให้หมดก่อนจะเสียชีวิต แต่สามีไม่สามารถยื้อชีวิตให้อยู่ได้ตามหวัง สุดท้ายก็ต้องจากพวกตนไป



นางชาญดากล่าวอีกว่า เมื่อขาดเสาหลัก ตนก็พยายามทำงานที่สามีได้วางเอาไว้ให้ก่อนตาย

แต่ปัญหาในบริษัทมีมากมายเกินไป จึงตัดสินใจลาออกเพื่อความสบายใจ ขณะที่ภาระหนี้สินที่จะต้องผ่อนบ้านเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท ค่ากิน ค่าเล่าเรียนลูก ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ภายในบ้านยังมาเป็นเงาตามตัว สุดท้ายรถคันใหม่ถูกยึด บ้านก็ถูกฟ้องเพราะไม่มีเงินส่ง ขอยอมรับบางครั้งรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ยังดีที่ลูกๆทุกคนคอยให้กำลังใจ จึงมีแรงที่จะต่อสู้และกัดฟันทำมาหากินต่อไป จนกระทั่งมีคนแนะนำว่าให้ขายของ ซึ่งเห็นว่าอาชีพนี้ทำแล้วมีความสุขจึงตัดสินใจเอาของในบ้านไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หรือรองเท้า ที่ไม่ใช้เอาออกมาวางขาย แต่ก็ยังขายได้บ้างไม่ได้บ้าง สุดท้ายมีเพื่อนคนหนึ่งในวงการบันเทิงแนะนำว่า ควรจะขายของกิน โดยให้เหตุผลว่ายังไงคนก็ต้องกิน
 

ภรรยาอดีตนักร้องเพลงร็อกชื่อดังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ช่วงเวลานั้นยังไม่รู้ว่าจะขายอะไร ต้องกลับมานอนนึกที่บ้านอยู่หลายคืน

สุดท้ายนึกขึ้นได้ว่าสามีชอบกินข้าวเหนียวกับไก่ทอด และน้ำพริกหนุ่มจึงทดลองทำไก่ทอดขาย เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเร่ขายไปตามที่ต่างๆ ที่มีงานต่อเนื่องกันหลายวัน ปรากฏว่ามีคนชอบไก่ทอดของตนเพราะรสชาติดีและสะอาด นอกจากนี้ ยังมีศิลปินบางคนอย่าง พี่ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ โทร.มาหาเหมาไก่ทอดไปเลี้ยงที่โบสถ์คริสต์เป็นประจำ ซึ่งต้องขอบคุณที่มีความเมตตาสงสารตนและลูกๆ ส่วนเรื่องบ้าน ถึงวันนี้ ยอมรับว่าคงไม่มีปัญญาส่ง อยากจะขายให้คนอื่นไปเพื่อจะได้บรรเทาหนี้สินที่มีอยู่ก่อนจะถูกฟ้องล้มละลาย ตนไม่อยากให้ลูกต้องมีสภาพพ่อตายและแม่ยังมาล้มละลายอีก ถ้าขายบ้านได้ตนและลูกสาวก็จะย้ายไปอยู่บ้านเช่า ใช้ชีวิตพอเพียงตามประสาแม่ลูก

ด้าน น.ส.ญาดา บุตรสาวคนโต กล่าวว่า

ตั้งแต่พ่อเสียไป ชีวิตที่เคยเป็นคุณหนูก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยทำอะไร ต้องทำด้วยตัวเองทุกอย่าง เพื่อบรรเทาภาระของแม่ และทุกครั้งที่แม่ไปขายไก่ทอด ก็จะไปช่วยขายด้วยทุกครั้ง หลายครั้งที่เอาไก่ทอดไปเร่ขายในร้านอาหารแล้วถูกลูกค้าในร้านอาหารตะคอกและไล่ออกมา บางครั้งก็ถูกแทะโลมด้วยคำพูด แต่ต้องทนให้ได้ เพื่อแม่และน้อง ทุกวันนี้ทำให้รู้จักค่าของเงินเป็นอย่างดีเพราะกว่าจะได้แต่ละบาทมันยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ

ทั้งนี้ อิทธิ พลางกูร เข้าสู่วงการเพลงด้วยการเป็นสมาชิกของวง “เดอะ เบลล์ส” ออกงานเพลงมา 2 ชุดก็ได้รับความนิยมอย่างมาก

ก่อนที่จะยุบวง ไปทำห้องอัดเสียง จากนั้นได้รับการชักชวนจากนายสุรเชษฐ์ โชติศักดิ์ ผู้บริหารบริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น ให้ออกอัลบั้มเพลงชุดแรกในปี พ.ศ.2531 ชื่อชุด “ให้มันแล้วไป” ซึ่งมีเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคือ “เก็บตะวัน” จนกลายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของอิทธิ นอกจากนั้นยังมีเพลง ให้มันแล้วไป, ยังจำไว้ ฯลฯ รวมถึงมีผลงานเพลงตามมาอีกหลายชุด กระทั่งปี พ.ศ.2545 อิทธิตกเป็นข่าวครึกโครม เมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ขั้นรุนแรงโดยไม่รู้ตัวมาก่อน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2547 รวมอายุได้ 49 ปี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์