เผยเข้าพรรษาคึกคัก ยอดขาย-เครื่องสังฆภัณฑ์พุ่ง

รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศการจำหน่ายเทียนพรรษาและเครื่องสังฆภัณฑ์

ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2553 ยังร้านจำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์ ในเขตเทศบาลนครตรัง พบว่า บรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างคึกคัก มีพุทธศาสนิกชนออกมาหาซื้อเทียนพรรษา เครื่องสังฆภัณฑ์ รวมทั้งผ้าไตร สบง และผ้าอาบน้ำฝน นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา นางมณีรัตน์ ว่องสนั่นศิลป์ อายุ 58 ปี ซึ่งประกอบกิจการมากว่า 10 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องพระไพจิตร ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟตรัง ในเขตเทศบาลนครตรัง เปิดเผยว่า ยอดการจำหน่ายเทียนพรรษาปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยยอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 ซึ่งอาจจะเป็นเพราะก่อนเทศกาลเข้าพรรษา ตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด มีความสะดวกในการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำบุญ

อีกทั้งเชื่อว่าจากสภาพปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเหตุบ้านการเมืองที่เพิ่งจะสงบลง ทำให้พุทธศาสนิกชนต่างต้องการเข้าวัดทำบุญขอพรพระ

วัดเป็นที่พึ่งทางจิตใจ ตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชน อีกทั้งหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ให้ความสนใจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแห่เทียนพรรษา การถวายผ้าอาบน้ำฝน หรือการทำบุตรตักบาตร สำหรับเทียนพรรษาที่พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดตรัง ให้ความนิยมหาซื้อจะอยู่ที่ราคาคู่ละ 120 บาท ซึ่งเป็นเทียนพรรษาในรูปแบบธรรมดา โดยทางร้านดังกล่าวจะมีการนำเทียนพรรษามาจำหน่ายใน 2 รูปแบบ คือ แบบธรรมดา และแบบแกะสลักลวดลายไทยสวยงาม ซึ่งจะมีราคาตั้งแต่คู่ละ 75 บาท ไปจนถึงคู่ละ 2,790 บาท ส่วนเครื่องสังฆภัณฑ์ จะมีราคาตั้งแต่ชุดละ 130 บาท ไปจนถึงชุดละ 499 บาท

นางมณีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการซื้อเทียนพรรษา ยังคงครองแชมป์กว่าการซื้อหลอดไฟ

เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีความเชื่อกันตามบรรพบุรุษ และเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งชาวพุทธจะยึดถือเป็นประเพณี นำเทียนไปถวายพระภิกษุในเทศกาลเข้าพรรษา โดยมีคติความเชื่อว่า เพื่อปรารถนาให้ตนเองเป็นผู้เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ ประดุจแสงสว่างของดวงเทียน อย่างไรก็ตาม การซื้อหลอดไฟก็ยังคงมีจุดดี ในเรื่องของกาลเวลาที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์