เปิดใจยันตระ!20ปีชีวิตต่างแดนสู่แผ่นดินเกิด

เปิดใจยันตระ!20ปีชีวิตต่างแดนสู่แผ่นดินเกิด



20ปี'ยันตระ' ชีวิตต่างแดนสู่แผ่นดินเกิด 

              "อาตมาสบายดี..อยู่ไหนก็ไม่เหมือนเมืองไทย.. "

              เป็นบททายทักของอดีตพระดัง อย่าง "ยันตระ อมโรภิกขุ" หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ

              น้ำเสียงยังคงเจือไปด้วยถ้อยคำอันนวลนุ่ม ไพเราะ จับใจ แทบไม่ทิ้งลายพระนักเทศน์ฝีปากเอกแห่งอดีตกาล พร้อมใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “อาตมา" และเรียกผู้มาเยือนว่า “โยม" อยู่เป็นนิตย์

              เป้าประสงค์หลักของอดีตพระยันตระวาดหวังไว้ก่อนเดินทางกลับมาตุภูมิว่า การเยือนบ้านเกิดครั้งนี้ แค่ต้องการมาแบบเงียบๆ ไม่ต้องการเป็นข่าวคราวใดๆ แต่กลับผิดคาด เนื่องเพราะการเคลื่อนไหวทั้งมวลล้วนอยู่ในความสนใจของสังคมทุกฝีก้าว

              กระทั่ง "พิเชษฐ์ กล้าสุคนธ์" นายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง นำมาถ่ายทอดในโลกออนไลน์ จนเป็นต้นตอของข่าวใหญ่ในที่สุด

              เรื่องราวหนังชีวิตม้วนนี้ผ่านไปเกือบ 2 ทศวรรษแล้ว แต่เข็มนาฬิกาดูเหมือนจะหมุนผ่านไป... ช่างไวเหมือนโกหก !!

              ช่วงสายๆ วันหนึ่ง.. จู่ๆ ก็มีชายรูปร่างสูงสง่า ผมขาวโพลนผูกรวบไว้เป็นระเบียบ หนวดเคราสีขาวรุงรัง สวมใส่ผ้าคล้ายจีวรสีเขียวกลักดุจนักพรตผู้ทรงศีล นั่งรถส่วนตัวผ่านด่านตรวจคนเข้มเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา

              นาทีนั้นผู้คนส่วนใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งกำลังทำหน้าที่ตรวจตราอย่างเคร่งครัด แต่ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ผันเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก แทบจำเค้าหน้าอดีตพระนักเทศน์ดังรายนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย   

              เหตุการณ์วันนั้นจึงมีน้อยคนนักที่จะล่วงรู้ว่านี่.. คือใคร 

              ก่อนคนขับรถผู้ใกล้ชิดจะเคลื่อนรถบ่ายหน้ามุ่งตรงมาเยี่ยมบ้านเกิดใน จ.นครศรีธรรมราช ในทันที

              การเดินทางเข้ามาครั้งนี้ มาในฐานะพลเมืองชาวอเมริกันอย่างถูกกฎหมายทุกประการ โดยเดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา ลงเครื่องบินที่ประเทศมาเลเซีย

              อดีตพระยันตระ บอกว่า เหตุที่เดินทางกลับมาครั้งนี้ เพราะอาจารย์ของอาตมาอายุมาก ท่านป่วยจึงเป็นห่วงมาก เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นเสียก่อน จึงบินมาตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ หลังจากรู้ข่าวจึงบินมาเลย โดยน้องสาวส่งปัจจัยไปเป็นค่าตั๋วเครื่องบินให้จำนวนหนึ่ง จึงรีบบินมา

              "สำลี (น้องสาว) เขาดูแลช่วยเหลืออาตมามาโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องอะไร และตั้งใจว่าจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกากลับในวันที่ 13 พฤษภาคม ดีใจและมีปีติ คิดอยู่เหมือนกันว่าจะกลับเมืองไทย เหตุการณ์บ้านเมืองสงบดีคิดว่าจะมา อาตมาคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน โดยเฉพาะพระเณรที่คุ้นเคยกับอาตมา ยังมีอยู่เยอะ ถ้ากลับมาเมืองไทยจะอยู่ที่เมืองกาญจ์ ที่สุญญตาราม ที่อื่นๆ คงได้ไปมาเยี่ยมเยือนต่อไป"

              พร้อมเล่าเรื่องราวบางส่วนขณะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาว่า ปกติจะมีครอบครัวชาวอเมริกันครอบครัวหนึ่งดูแลอยู่ ช่วงที่ผ่านมาได้ไปจำศีลอยู่บนเขาที่มีความสงบอย่างมาก จะลงมาด้านล่างเฉพาะช่วงมีวัตรปฏิบัติสำคัญทางศาสนาเท่านั้น

              ขณะเดียวกันยังย้อนเรื่องราวในอดีตใฟ้ฟังว่า อายุความทางคดีหมดไปนานแล้ว ทั้งหมดล้วนแต่เขาสร้างขึ้น อาตมาไม่เคยหมิ่นสมเด็จสังฆราชหรืออะไร เป็นเรื่องธรรมดา ข่าวคือข่าว เขาขายข่าวได้เขาก็ทำไปตามเรื่อง

              ท่ามกลางการเมืองในบ้านเกิดที่กำลังทะลุจุดเดือด อดีตพระดังรายนี้ก็อดใจไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นพอสังเขป เมื่อถูกโยนคำถามไปให้แบบเลี่ยงไม่ได้

              "อยากฝากว่า เหตุการณ์บ้านเมืองจะค่อยๆ ดีขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป เมืองไทยไม่สิ้นคนดี เหตุการณ์บ้านเมืองเป็นธรรมดาอย่างนั้นเอง การเมืองคือเรื่องการเมือง อยากฝากให้คนไทยทุกๆคนว่า คิดอยู่เสมอ และขอความเจริญร่มเย็น สุขสวัสดี มีความรักความสามัคคีกัน"

              ส่วนมุมจากคนใกล้ชิดรายหนึ่งมองเรื่องราวเหล่านี้ ว่า ทุกคนที่บ้านบางบ่อ ยังศรัทธาต่อท่านไม่เคยเปลี่ยน เชื่อว่าเรื่องราวในอดีตนั้นเป็นเรื่องไม่จริง ความศรัทธาของชาวบ้านที่นี่จึงไม่เคยแปรเปลี่ยน

              เช่นเดียวกับ "สว่าง ช่วยรักษา" ชาวปากพนังที่มากราบไหว้ด้วยความมั่นใจและศรัทธาเต็มเปี่ยม บอกว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ ยังคงศรัทธา ไม่เคยเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนกับมารมาผจญทั้งสิ้น แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ใช่พระสงฆ์แล้ว ไม่ได้ถือศีลทั้ง 227 ข้อ แต่วัตรปฏิบัติของผู้ทรงศีลยังคงเป็นไปเช่นเดิม ไม่ว่าจะแต่งกายอย่างไร จะเป็นพระหรือเป็นผู้ทรงศีล ทุกคนที่เคยสัมผัสก็ยังศรัทธาเสมอ

              บริบทเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า คลื่นศรัทธาในตัวอดีตพระยันตระยังไม่เสื่อมมนต์ขลังจริงๆ

              ยิ่งเมื่อได้ประจักษ์ต่อสายตา ขณะมาพำนักที่บ้านริมแม่น้ำปากพนัง ต.ปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ก็แทบจะไม่ต่างจากสิ่งที่เห็นและเป็นไปในอดีต เมื่อครั้งที่พระดังรายนี้ยังติดลมบน

              โดยเฉพาะช่วงเช้ามักเห็นภาพอันเจนตาว่า มีญาติโยมจำนวนมากนั่งเรียงหน้าสงบนิ่ง เป็นระเบียบเรียบร้อย

              ที่สำคัญเส้นทางที่อดีตพระยันตระเดินจะปูด้วย "ผ้าเช็ดหน้า" หรือผ้าขาวให้เยื้องย่างตลอดเส้นทาง 

              ฤาเส้นความเสื่อมกับศรัทธา ยังแบ่งกันไม่ออกจริงๆ ...!!

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์