เปิดรายชื่อเจ้าของรถหรูต้องตรวจสอบ 488 คัน คนเด่น-ดังเพียบ

เปิดรายชื่อเจ้าของรถหรูต้องตรวจสอบ 488 คัน คนเด่น-ดังเพียบ



ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้บริหาร 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมการขนส่งทางบก สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้จดทะเบียนรถจดประกอบ พร้อมวางแนวทางในการเรียกรถจดประกอบ ราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป มาตรวจสอบความถูกต้องว่ามีการนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในประเทศไทยจริง หรือมีการสำแดงเท็จนำเข้ารถยนต์หรูมาทั้งคัน แต่จดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 200-314 เปอร์เซ็นต์ โดยมี พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนจากสำนักคดีภาษีอากร ดีเอสไอ และสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาคดีเอสไอ เข้าร่วมประชุมอย่างเคร่งเครียด

ทั้ง นี้ นายธาริต แถลงหลังการประชุมว่า รองอธิบดีของทั้ง 6 หน่วยงาน ได้เข้าร่วม เพื่อวางแนวทางในการตรวจสอบรถจดประกอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลราย ชื่อบุคคลที่จดทะเบียนรถจดประกอบมามอบให้ดีเอสไอ ก่อนที่ที่ประชุมจะมีมติให้ ถือข้อมูลการจดทะเบียนรถจดประกอบของกรมการขนส่งทางบกเป็นหลัก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเรียกรถที่มีมูลค่าราคาในท้องตลาด ประมาณ 4 ล้านบาทมาตรวจสอบ มีทั้งหมด 488 คัน ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันว่า ให้ประกาศรายชื่อผู้ครอบครองรถทั้ง 488 คัน แต่ไม่ได้หมายความว่า รายชื่อผู้ครอบครองผู้เกี่ยวข้อง ผู้นำเข้า ผู้จดประกอบทั้งหมด ที่ประกาศรายชื่อเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องของการหลบเลี่ยงการ เสียภาษีแต่อย่างใด

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นรายชื่อที่ดีเอสไอประกาศเป็นเพียงรายชื่อรถยนต์และผู้ครอบครอง รถยนต์คนปัจจุบันในทางทะเบียน ซึ่งมีความจำเป็นต้องขอตรวจสอบรถทั้งหมดดังกล่าว สำหรับการประกาศรายชื่อในครั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่าพวกเราทั้ง 6 หน่วยงานทำงานด้วยความโปร่งใส ตรงไปตรงมาไม่มีเว้นวรรคใคร ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ส่วนคนที่มีรถไว้ในความครอบครองราคาตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป ที่ไม่มีรายชื่อปรากฏอยู่ใน 488 ราย จะสบายใจว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในข่ายผู้กระทำความผิดรถจดประกอบหลบเลี่ยงภาษี บางครั้งคนที่ซื้อมาก็ไม่ทราบความเป็นมาของรถเนื่องจากเป็นผู้ซื้อปลายทาง

นายธาริต กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินการตรวจสอบรถจดประกอบทั้งหมด 488 คัน จะแบ่งเป็นการตรวจสอบ 2 รูปแบบคือ

ขั้นตอนการตรวจสอบความสมบูรณ์ทางเอกสาร เริ่มตั้งแต่เอกสารการนำเข้าชิ้นส่วนต่างๆ ที่ผ่านวิธีการและพิธีการของ ศุลกากร เพื่อนำมาดำเนินการประกอบขึ้นเป็นรถ ซึ่งถือเป็นการประกอบในประเทศตามสถานที่ที่ได้จดทะเบียนไว้กับกรมสรรพสามิต จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนของวิศวกรที่ได้รับอนุญาตรับรองความมั่นคงแข็งแรงของ รถ ก่อนที่จะนำไปเสนอให้กรมสรรพสามิต จัดเก็บ หรือที่เรียกว่า “การขอรับราคา” ว่าถูกต้องหรือไม่ รวมไปถึงการตรวจสอบของ สมอ. ในกรณีใช้เชื้อเพลิงหลักและแก๊ส ซึ่งต้องมีวิศวกรผู้ได้รับอนุญาตทำการรับรอง ส่วนขั้นตอนสุดท้ายคือการจดทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบก
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า หากทั้ง 6 หน่วยงานร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และถ้าพบว่ามีหลักฐานชิ้นไหนของรถคันใดที่อยู่ใน 488 รายชื่อ ไม่ถูกต้องก็จะต้องทำการตรวจสอบทางกายภาพของรถว่า สอดคล้องกับเอกสารที่จดไว้ว่าเป็นรถจดประกอบภายในประเทศจริงหรือไม่ แต่ถ้าตรวจสอบแล้วเอกสารถูกต้องแล้ว ดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกเอกสารยื่นยันการตรวจว่าไม่พบการกระทำ ความผิดเพื่อให้เจ้าของรถสบายใจ อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจสอบทางกายภาพของรถแล้วพบว่าไม่ได้มีการประกอบโดยผู้ประกอบ อุตสาหกรรมภายในประเทศไทยจริง ก็จะถือว่าเป็นการแจ้งเท็จจะถูกดำเนินคดีโดยจะมุ่งดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ เป็นหลัก ส่วนผู้ครอบครองจะยึดหลักพิจารณาในเรื่องของเจตนาว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่

นายธาริต กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบทางกายภาพของรถ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์และ สมอ.จะติดต่อกับดีลเลอร์ หรือผู้จำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการทั้ง 12 ยี่ห้อ ให้จัดช่างเทคนิคมาร่วมตรวจสอบรถร่วมกัน โดยจะเริ่มดำเนินการภายในวันจันทร์ ที่ 17 มิ.ย. 56 ส่วนฝ่ายตรวจสอบกายภาพรถกับผู้จำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการทั้งหมด จะมีการประชุมในวันที่ 19 มิ.ย. เบื้องต้นจากหลักฐานเอกสารรายชื่อผู้ครอบครองรถทั้ง 488 ราย เป็นการจดทะเบียนใน กทม.71 คัน และจดทะเบียนในภูมิภาค 417 คัน ซึ่งเอกสารดังกล่าวจะรวบรวมส่งมาให้ดีเอสไอภายในวันศุกร์นี้ โดยรถที่จะถูกตรวจสอบทางกายภาพเป็นกลุ่มแรก

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า สำหรับรถจดประกอบที่ถูกดีเอสไออายัดไว้ ซึ่งจะเริ่มลงมือตรวจสอบในวันที่ 19 มิ.ย. หลังจากนั้นจึงจะเป็นการตรวจสอบรถทั้ง 488 คัน ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ รถกลุ่มที่สมัครใจให้ทางดีเอสไอตรวจสอบและกลุ่มที่ทางดีเอสไอออกหมายเรียก ให้นำรถมาตรวจสอบ ดีเอสไอจะตั้งศูนย์ฮอตไลน์หมายเลข 086-3188651 เพื่อให้ผู้ที่ปรากฏรายชื่อ โทรศัพท์เข้ามาสอบถามรายละเอียดและนัดหมายนำรถมาตรวจสอบได้ โดยจะเริ่มประชุมใหญ่อีกครั้งเพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานในวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 16.00 น.

มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อมูลรถจดประกอบจากชิ้นส่วนเก่าราคาตั้งแต่ประมาณ 4 ล้านบาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2553- 31 พ.ค. 2556 ปีที่ดีเอสไอจะเรียกให้ผู้ครอบครองรถยนต์หรูราคาแพง นำรถมาตรวจสภาพ ว่าเป็นรถนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เข้ามาประกอบเป็นรถจดประกอบ หรือนำเข้ามาทั้งคันแล้ว สำแดงเท็จเป็นรถจดประกอบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี มีทั้งหมด 488 คัน ประกอบด้วย รถที่จดทะเบียนนนทบุรี 205 คัน กทม. มี 71 คัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 59 คัน จังหวัดนครปฐม 21 คัน จังหวัดปราจีนบุรี 20 คัน จังหวัดอ่างทอง 9 คัน จังหวัดศรีสะเกษ 8 คัน จังหวัดนครนายก 7 คัน จังหวัดราชบุรี 1 คัน และจังหวัดเชียงใหม่ 1 คัน

โดยจังหวัดนนทบุรี จำนวน 205 คัน แยกเป็นรถยี่หอเมอร์เซเดส-เบนซ์ 157 คัน พอร์ช 20 คัน จากัวร์ 9 คัน โรลสรอยซ์ 1 คัน โตโยต้า 5 คัน นิสสัน 12 คัน และคาดิลแลค 1 คัน ส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนระบบเชื้อเพลิงเป็นแก๊ส ยกเว้นรถพอร์ชที่ยังใช้น้ำมันเบนซินทั้งหมด

ขณะที่รายชื่อบุคคลผู้ ครอบครองที่มีชื่อเสียง อาทิ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข มีรถจากัวร์ ติดแก๊ส 1 คัน พล.ต.สุรพงส์ ปราการรัตน์ มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส 1 คัน พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส 1 คัน พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส 1 คัน พ.ต.อ.สุรพงษ์ ผิวงาม มีพอร์ช 1 คัน พ.ต.อ.ประภากร ริ้วทอง มีรถนิสสันติดแก๊ส 1 คัน พ.อ.บรมวิช วารุณประประภา มีรถโตโยต้า ติดแก๊ส 1 คัน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีราชื่อ พรรคเพื่อไทย มีรถเบนซ์ ติดแก๊ส 1 คัน น.ส.ศุธาภา อุตตะโมต ลูกสาวนายประวัฒน์ อุตตะโมต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ มีรถเบนต์ติดแก๊ส 1 คัน น.ส.ศรีวรรณ รักตพงศ์ไพศาล น้องสาวนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน มีรถเบนซ์ เครื่องเบนซิน 1 คัน นายไกรวิชญ์ เฮงสวัสดิ์ หรือนายแพทย์กวีวัธน์ หรือหมอไพศาล เจ้าของสถานเสริมความงามไบโอคลินิก ย่านสะพานใหม่ มีรถนิสสัน ติดแก๊ส 1 คัน น.ส.บุศรา ศรีรุ่งเรือง หรือกิ๊ฟ นักร้องลูกทุ่ง เจ้าของบทเพลง ขนแขนสแตนอัพ อดีตมิสทีนไทยแลนด์ปี 2001

ส่วน จ.สระบุรี จำนวน 86 คันแยกเป็นยี่ห้อจากัวร์ 3 คัน แลนด์โรเวอร์1 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ 63 คัน นิสสัน 17 คัน พอร์ช 1 คัน และโรลสรอยซ์ 2 คัน ทั้งหมดเป็นรถติดแก๊ส มีรายชื่อบุคคลผู้ครอบครองที่มีชื่อเสียง อาทิ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม จากัวร์ 1 คัน พ.ต.ท.ประสงค์ พันธุ์สวัสดิ์ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กทม. จำนวน 71 คัน แยกเป็นรถยี่ห้อเฟอร์รารี่ 3 คัน จากัวร์ 6 คัน แลนด์โรเวอร์ 1 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ 26 คัน นิสสัน 22 คัน พอร์ช 13 คัน จังหวัดนครปฐม จำนวน 21 คัน แยกเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ 8 คัน รถนิสสัน 13 คัน จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 20 คัน แยกเป็นรถยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ 15 คัน นิสสัน 3 คัน พอร์ช 1 คัน และโรลสรอยซ์ 1 คัน จังหวัดอ่างทอง มีจำนวน 9 คัน แยกเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ 6 คัน และนิสสัน 3 คัน
จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 8 คัน แยกเป็นเบนท์ลีย์ 2 คัน เฟอร์รารี่ 2 คัน พอร์ช 3 คัน และเมอร์เซเดส-เบนซ์ 1 คัน จังหวัดนครนายก 7 คัน แยกเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ 5 คัน และนิสสัน 2 คัน จังหวัดราชบุรี เมอร์เซเดส-เบนซ์ 1 คัน และจังหวัดเชียงใหม่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ 1 คัน รถทั้งหมดส่วนใหญ่ผู้ครอบครองเป็นกลุ่มนักธุรกิจเครือข่ายนักการเมืองและข้าราชการ 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์