เปล่าหลอกหลวงพระพยอม นะ !!

ปัญหาที่ดิน 1 ไร่เศษที่พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี


ซื้อมาจากนางวันทนา สุขสำเริง อายุ 65 ปี ราคา 10 ล้านบาท แต่ภายหลังเจ้าของเดิมร้องต่อศาลให้ เพิกถอนกรรมสิทธิ์นางวันทนา ซึ่งครอบครองปรปักษ์ โดยก่อนหน้านี้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินใกล้เคียงกันซึ่งมีชื่อนางวันทนาเป็นเจ้าของไปแล้ว ทำให้เกรงว่าที่ดินที่วัดซื้ออาจโดนไปด้วย พระพยอมจึงออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12.30 น. วันที่ 31 ต.ค.


ม.ล. อัมพร ชยางกูร อธิบดีอัยการเขต 1 มาที่วัดสวนแก้ว เพื่อพบพระพยอม แต่พระพยอมไปกิจนิมนต์ที่ จ.ระยอง ขณะเดียวกันนางวันทนา สุขสำเริง อายุ 65 ปี ผู้ขายที่ดินให้ วัดสวนแก้วมาที่วัด

โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า

ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและถูกผู้คนมองว่านำที่ดินมาหลอกขายวัด จึงโทรศัพท์มาหาพระพยอมอธิบายเรื่องทั้งหมดซึ่งพระพยอมไม่ได้ติดใจ

นางวันทนากล่าวต่อไปว่า


มีคนอ้างเป็นทนายความจากสำนักงานมีชื่อพาไปเจรจาไม่ให้คัดค้านเรื่องที่ศาลสั่งให้การครอบครองปรปักษ์เป็นโมฆะและให้ที่ดินทั้งหมดตกเป็นของทายาทนางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ เจ้าของเดิม

โดยบอกว่าสามารถตกลงกับฝ่ายทายาทได้

และจะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง เพราะหากคัดค้าน คดีจะยืดเยื้อไม่ต่ำกว่า 3 ปี ส่วนที่ดินอีกแปลงหนึ่งตรงข้ามวัดเนื้อที่ 9 ไร่ ราคา 37 ล้านบาท ที่ขายไปเมื่อปี 2548 และตนรับมัดจำมาแล้ว 10 ล้านบาทนั้นเป็นเรื่องของตน คู่กรณีจะไม่ยุ่งเกี่ยว ตนจึงยินยอม ซึ่งเงินที่ได้ลูกๆ ขอไปหมด

สำหรับเงิน 10 ล้านบาทที่ขายที่ดินให้มูลนิธิสวนแก้วไปเมื่อปี 2547 นั้น


นางวันทนากล่าวว่า ไม่ได้ใช้เลย เพราะถูกนายหน้ายืมไป 3 ล้านบาท โดยเขียนเช็คแลกไว้ใบเดียวและไม่จ่ายคืน ได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลแล้ว

นอกจากนี้ จ่ายเป็นค่าทนายความ 2 คนที่ช่วยดำเนินการคนละ 1 ล้านบาท ค่าออกเอกสารสิทธิที่ดินให้สำนักงานที่ดินนนทบุรี สาขาบางใหญ่ 1 ล้านบาท ค่าภาษี 9 แสนบาท ที่เหลืออีก 3.1 ล้านบาทลูกขอไป หากศาลตัดสินให้คืนเงินวัด ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหน


ส่วนที่ออกมาเปิดเผยครั้งนี้


นางวันทนาบอกว่าเพราะต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หลอกขายที่ดินทั้งๆที่รู้ว่ามีปัญหา โดยพร้อมจะช่วยเหลือวัดให้ ข้อมูลกับศาลทั้งหมด

สำหรับการได้มาซึ่งที่ดินครอบครองปรปักษ์นั้น เนื่องจากเจ้าพนักงานที่ดินให้คำแนะนำให้ ร้องต่อศาลเพราะเห็นว่าเสียภาษีที่ดินแปลงนี้มาตลอดเกือบ 30 ปี


ต่อมาตอนเย็นวันเดียวกันพระพยอมเดินทางกลับมาถึงวัดและอนุญาตให้นางวันทนาเข้าชี้แจง


โดยนางวันทนากล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเป็นข่าวมีคนอ้างเป็นทนายความโทรศัพท์มาบอกให้เก็บตัวอยู่กับบ้านไม่ให้ไปวัดสวนแก้ว แต่ตนร้อนใจหลังจากปรึกษากับลูกแล้วจึงมาที่วัดเล่าเรื่องทั้งหมดให้พระพยอมฟังเป็นการไถ่บาป

ไม่อยากให้มองว่าหลอกขายที่ดินให้พระ

ขณะเดียวกันกลัวอันตราย อยากขอตำรวจมาคุ้มครอง พระพยอมจึงประสานงานตำรวจมารับนางวันทนาและลูกสาวไปดูแลและหาที่พักปลอดภัยให้

หลังจากนั้นพระพยอมกล่าวว่า


เมื่อได้ฟังข้อเท็จจริงแล้วก็ปลง แต่งานของมูลนิธิต้องดำเนินต่อไป หากวัดแพ้ก็จะปิดวัด 3 ปี และสู้คดีต่อไปแม้จะได้รับความบอบช้ำจากความเจ้าเล่ห์ของคน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนทำดีย่อมได้ดี ธรรมะจะชนะอธรรมในที่สุด

ขณะที่นายวิฑูรย์ ศิริวิโรจน์ ผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิสวนแก้วกล่าวว่า

การต่อสู้ให้ได้ที่ดินคืนมายากมาก แต่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องวัดไม่ให้ถูกเอาเปรียบ และเรื่องที่นางวันทนาเล่าทั้งหมดก็เป็นประเด็นที่จะนำไปแถลงต่อศาล

ด้านนายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ อธิบดีกรมที่ดินแถลงรายละเอียดว่า


ที่ดินที่มีปัญหาคือโฉนดเลขที่ 5560 ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา มูลนิธิสวนแก้วซื้อจากนางวันทนา สุขสำเริงเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2547 โดยที่ดินแปลงนี้แบ่งแยกมาจากโฉนดเลขที่ 8216 เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2547 เจ้าของเดิมคือนางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์

โดยนางวันทนาผู้ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครองปรปักษ์จำนวน 2 แปลง คือโฉนดเลขที่ 8215 และ 8216 ตามคำสั่งศาลจังหวัดนนทบุรีลงวันที่ 29 ก.ย. 2546 เป็นผู้ยื่นเรื่องขอแบ่งที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่


ในการยื่นเรื่องนางวันทนาไม่มีโฉนดมาดำเนินการ


เจ้าพนักงานที่ดินจึงออกใบแทนโฉนดเพื่อจดทะเบียนการได้มาตามกฎกระทรวงฉบับที่ 7 พ.ร.บ.กฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 คือหากไม่ได้โฉนดมา ให้ถือว่าโฉนดสูญหายและใช้ไม่ได้อีกต่อไป และให้เจ้าพนักงานออกใบแทนจดทะเบียน เจ้าพนักงานที่ดินจึงออกใบแทนโฉนดให้เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2546 และจดทะเบียนครอบครองปรปักษ์วันที่ 26 ธ.ค. 2546

กระทั่งวันที่ 3 ก.ย. 2547 มีการจดทะเบียนแบ่งแยกโฉนดเลขที่ 8216


ส่วนหนึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์และได้โฉนดใหม่เลขที่ 55600 และนางวันทนานำโฉนดที่ดินแปลงใหม่ขายให้มูลนิธิสวนแก้ว ต่อมาเดือน พ.ค. 2549 ผู้จัดการมรดกของนางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ เจ้าของเดิม ยื่นคัดค้านคำสั่งศาลจังหวัดนนทบุรีที่ให้นางวันทนา สุขสำเริง ครอบครองปรปักษ์ และคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้

แถลงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนครอบครองปรปักษ์ของนางวันทนาและเพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินและให้โฉนดเดิมเลขที่ 8215 และ 8216 เป็นฉบับสมบูรณ์ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต


ขณะเดียวกัน สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาบางใหญ่ ทำหนังสือแจ้งศาลว่า


โฉนดเลขที่ 8216 มีการแบ่งหักที่สาธารณประโยชน์และแบ่งแยกในนามนางวันทนาและนำแปลงที่แบ่งแยกตามโฉนดใหม่เลขที่ 55600 ขายให้มูลนิธิสวนแก้ว ศาลจังหวัดนนทบุรีจึงนัดทุกฝ่ายมาพร้อมกันในวันที่ 8 พ.ย. 2549 ซึ่งกรมที่ดินประสานงานอัยการจังหวัดนนทบุรีให้ช่วยเรื่องกฎหมาย

อธิบดีกรมที่ดินกล่าว


จากข้อเท็จจริงเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนการครอบครองปรปักษ์ตามคำสั่งศาลและนางวันทนาแบ่งแยกที่ดินแล้วนำมาขาย ปัญหาเกิดจากนางวันทนาคืนที่ดินทั้งหมดให้ทายาทเจ้าของเดิมและขอให้ศาลเพิกถอนการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ของตนเอง ต้องรอการพิจารณาของศาลซึ่งจะนัดคู่กรณีมาพร้อมกัน



แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์