เบาะแสจากชาวบ้าน จับแก๊งใหญ่ลักจยย. อาละวาดทั่วอยุธยา


พฤติกรรมของพวกแก๊งลักรถยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ สร้างความช้ำใจให้กับเจ้าของรถมาแล้วมากมาย

บางคนต้องมานั่งผ่อนลมเพราะว่ารถถูกขโมยไป

พวกนี้กระทำอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย!!

ไม่นานมานี้ตำรวจกรุงเก่า จับแก๊งลักมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ได้ผู้ต้องหาถึง 8 ราย ทั้งหมดล้วนเป็นวัยรุ่นชาย-หญิง อายุ 16-18 ปีทั้งนั้น จับได้พร้อมของกลางรถมอเตอร์ไซค์ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์จำนวน 13 คัน กับโครงรถที่ชำแหละอะไหล่ไปจนเกลี้ยงอีกร่วมร้อยคัน ที่อึ้งไปกว่านั้นคือหัวหน้าแก๊งมีอายุแค่เพียง 23 เท่านั้น ยอมรับสารภาพนำทีมตระเวนลักรถในเขตจ.อยุธยาและใกล้เคียงเกือบทุกวัน เอามาชำแหละอะไหล่ขายตามตลาดนัดเปิดท้ายเพื่อหาเงินเสพยาบ้า

กว่าจะถูกจับได้ก็ก่อคดีไว้หลายคดี

ย้อนไปดูเหตุทลายแก๊งลักรถรายนี้ เกิดขึ้นหลังจากตำรวจสภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่บ้านไม่มีเลขที่ในต.คลองจิก อ.บางปะอิน มีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันพักอาศัยอยู่ และที่สำคัญ พวกนี้ไม่ได้อยู่อย่างเดียวยังมีพฤติกรรมน่าสงสัย มักจะเอารถมอเตอร์ไซค์มาแยกถอดอะไหล่เป็นประจำ ชาวบ้านจึงแจ้งตำรวจให้รีบมาตรวจสอบพฤติกรรม

พ.ต.อ.ยศไกร วงษ์ดาวไทย ผกก.สภ.บางปะอินสั่งสายสืบออกหาข่าวทันที

ชุดสืบสวนวนมาเฝ้าดูพฤติกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้ พบว่าอยู่กันเกือบ 10 คน มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย วันๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากขับมอเตอร์ไซค์เข้า-ออกกันทั้งวัน มิหนำซ้ำยังมีการนำรถมอเตอร์ไซค์มาแยกถอดอะไหล่อีกด้วย


ทุกอย่างตรงกับที่ชาวบ้านแจ้งเป๊ะ!!

และเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ตำรวจจึงหารายละเอียดของวัยรุ่นกลุ่มนี้ พบว่า 1 ในจำนวนนั้นมีนายอำนาจ แก้วมณี อายุ 23 ปี เป็นหัวโจก โดยนายอำนาจ เป็นบุคคลที่ตำรวจกำลังต้องการตัวพอดี เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับแก๊งลักรถมอเตอร์ไซค์ แต่เพื่อความมั่นใจ เจ้าหน้าที่จึงส่งสายเข้าไปล่อซื้ออะไหล่รถที่คนร้ายถอดขาย มาตรวจสอบหาที่มาที่ไป กระทั่งพบว่าอะไหล่เหล่านั้นเป็นของกลางที่เจ้าทุกข์แจ้งหายไว้ในหลายๆ คดี

เท่านั้นตำรวจก็ขออนุมัติออกหมายจับ

การจับกุมคนร้ายแก๊งนี้เป็นงานใหญ่ เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุมาหลายคดี พล.ต.ต.นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อธาตรี ตั้งโสภณ พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เพ็ชรกำเนิด รอง ผบก. จึงลงมาวางแผนจับกุมด้วยตนเอง

สายวันที่ 23 ต.ค. ผู้การฯ นเรศ มอบหมายให้ผู้กำกับฯ ยศไกร พร้อมฝ่ายสืบสวนสภ.บางปะอิน ถือหมายเข้าตรวจค้นจับกุมในทันที สามารถรวบตัวนายอำนาจเอาไว้ได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนร่วมแก๊งประกอบด้วย นายนภดล ทองไพฑูรย์ อายุ 18 ปี นายสมเกียรติ พรรณพิกุล อายุ 18 ปี นายรณภพ ปัทมนาวิน อายุ 18 ปี ที่เหลืออีก 4 คนเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี ชาย 2 หญิง 2 จนมุมไปพร้อมกัน


โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดรถมอเตอร์ไซค์ของกลางเอาไว้ได้ทั้งหมด 13 คัน รวมทั้งโครงรถจักรยานยนต์ที่ถูกชำแหละแล้วอีกจำนวนกว่า 100 คัน และยังพบอะไหล่รถจักรยานยนต์ เบาะรถ ถังน้ำมัน ท่อไอเสีย อุปกรณ์ที่ใช้ถอดอะไหล่อีกจำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายอำนาจยอมรับสารภาพว่า เป็นหัวหน้าแก๊งตระเวนลักรถจักรยานยนต์ นำไปขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นและบุคคลทั่วๆไป บางคันได้ถอดอะไหล่ไปขายตามตลาดนัดเปิดท้าย ในเขตอ.อุทัย และอ.พระนครศรีอยุธยา โดยตนเองกับเพื่อนๆ จะรวมกลุ่มกันออกตระเวนลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียงเกือบทุกวัน จากนั้นจะนำรถจักรยานยนต์และอะไหล่ที่ชำแหละแล้วไปขาย เพื่อนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ บางครั้งถอดอะไหล่รถบางส่วนที่เป็นเหล็กหรืออะลูมิเนียมไปชั่งขายตามร้านรับซื้อของเก่า ส่วนที่มีเด็กผู้หญิงมาร่วมแก๊งด้วย ก็เพื่อใช้เป็นนางนกต่อ โดยให้ไปล่อเหยื่อผู้ชายที่มีรถจักรยานยนต์แต่งแบบสวยงาม เมื่อเหยื่อเผลอพวกตนก็จะเข้าไปลักรถ สำหรับตนเองเคยต้องโทษในคดีเสพยาบ้ามาแล้ว

"ยอมรับสารภาพว่าเกิดมาเพื่อขโมยรถ เงินที่ได้มาจะนำไปแลกยาบ้ามาเสพ เคยโจรกรรมมาแล้วนำไปขาย ได้เงินมากที่สุดถึงวันละ 2 หมื่นบาท ถึงติดคุกออกมาก็จะทำอีก เพราะถือว่ามันเป็นอาชีพ พ่อแม่และญาติพี่น้องเคยห้ามแล้วแต่ไม่เชื่อ" นายอำนาจ กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน

ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ทันที

สำหรับพฤติกรรมของคนร้ายแก๊งนี้ จะออกตระเวนดูรถแต่งซิ่งสวยๆ เมื่อสบโอกาสก็จะส่งเด็กสาวไปเป็นนางนกต่อ เพื่อหาทางโจรกรรมทันที แต่บางครั้งก็จะใช้วิธีหักคอต่อสายตรงขับออกไปดื้อๆ รวมทั้งหาเหยื่อที่ชอบลืมกุญแจเสียบคารถไว้อีกด้วย พอได้รถมาก็จะนำไปชำแหละ แยกเป็นชิ้นส่วนเร่ขายตามตลาดนัดเปิดท้ายขายของ เพื่อหาเงินมาเที่ยวเตร่และเสพยาบ้า

หลังแก๊งลักรถรายใหญ่แก๊งนี้ถูกจับกุมดำเนินคดี ปรากฏว่ามีผู้เสียหายกว่า 50 คน เดินทางมาดูรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งนำสมุดคู่มือรถมาแสดง ซึ่งบางคนเห็นสภาพรถจักรยานยนต์ของตัวเองแล้วถึงกับน้ำตาไหล เพราะเหลือแต่เบาะรถ บางคันเหลือแต่โครงรถ บางคนก็จำล้อรถของตัวเองได้ ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเหลือแค่นี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และมีผู้เสียหายบางรายเห็นผู้ต้องหาที่เป็นหญิงสาวก็ถึงกับตกใจเพราะเคยเป็นแฟนกัน ไม่คิดว่าจะมาร่วมก่อเหตุในลักษณะนี้

สุดท้ายก็ต้องชักแถวกันเข้าคุก!!

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์